เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ : ฆาตกรกินเนื้อมนุษย์ที่พยายามเปลี่ยนคนให้เป็น ‘ซอมบี้’

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ : ฆาตกรกินเนื้อมนุษย์ที่พยายามเปลี่ยนคนให้เป็น ‘ซอมบี้’

เปิดเรื่องราวปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ ‘เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์’ (Jeffrey Dahmer) ฆาตกรต่อเนื่องเขมือบเนื้อมนุษย์ที่พยายามเปลี่ยนคนให้กลายเป็น ‘ซอมบี้’ และไม่ใช่ซอมบี้ธรรมดาด้วย แต่เป็น ‘ซอมบี้ทาสเซ็กส์’ (Sex Slave Zombie)

สิ่งที่ใครหลายคนรู้สึกเสียวสันหลังเมื่อเห็น เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เป็นครั้งแรกคือการที่เขาก็ดูเหมือนพวกเราทุกคน เขาดูไม่ได้ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป เขามีรูปร่างหน้าตาที่ดูดี เขายังหนุ่มยังแน่น และเขาไม่ใช่คนที่เราจะชี้ไปแล้วบอกว่า ‘อยู่ให้ห่างจากหมอนั่นไว้นะ

 

สภาพอากาศของสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ปลิวว่อนไปด้วยเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสะเทือนขวัญ คดีเหล่านี้กลายเป็นตัวอย่างที่ดังไกลไปทั่วโลกจนกลายเป็นเรื่องสยองที่เล่าสู่กันฟังจนถึงปัจจุบัน 

และในบรรดาความชั่วร้ายของบุคคลเหล่านั้น มีฆาตกรรายหนึ่งที่ใครต่อใครก็เห็นตรงกันว่าเขาคือ ‘ปีศาจ’ ที่จำแลงกายมาในคราบมนุษย์เพื่อมาก่อเหตุสุดวิปริตที่ใครหลายคนไม่คิดไม่ฝันว่าคนคนหนึ่งจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพโพลารอยด์เหยื่อ เก็บสะสมชิ้นส่วนเป็นของที่ระลึก ดำเนินกิจกรรมทางเพศกับร่างไร้วิญญาณ กินเนื้อมนุษย์ และความพยายามที่จะเปลี่ยน ‘คน’ ให้กลายเป็น ‘ซอมบี้

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์’ (Jeffrey Dahmer) คือชื่อของฆาตกรต่อเนื่องที่เรากำลังจะกล่าวถึงในบทความนี้ หากใครที่ติดตามเรื่องราวของคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในอดีตมาบ้าง ก็อาจจะเคยได้ยินชื่อของปีศาจตนนี้ผ่านหูอย่างแน่นอน หรือบ้างก็อาจจะได้เห็นภาพยนตร์หรือสารคดีของคดีสะเทือนขวัญเหล่านี้ผ่านตา โดยเฉพาะกับซีรีส์จาก Netflix เรื่องใหม่อย่าง ‘Monster: The Jeffrey Dahmer Story’ ที่ได้ ‘อีแวน ปีเตอร์ส’ (Evan Peters) ที่ใครหลายคนอาจจะเคยได้ชมผลงานในบทบาท Quicksilver จากจักรวาล X-Men หรือซีรีส์สยองขวัญอย่าง American Horror Story ที่ในครั้งนี้จะมาตีบทแตกเป็นปีศาจร้ายอย่างดาห์เมอร์ที่เป็นเรื่องราวจากเหตุการณ์จริง ๆ

ในบทความนี้เราจึงจะพาไปสำรวจการกระทำสุดวิปลาสของฆาตกรต่อเนื่องที่ยังเป็นกระจกสะท้อนไปถึงความหละหลวมของตำรวจอเมริกันในยุคสมัยนั้น แถมยังเป็นเรื่องราวเตือนใจใครอีกหลายคนได้อีกว่า ภายใต้รูปลักษณ์แบบคนธรรมดา อาจมีปีศาจที่ร้ายเกินใครหยั่งถึงแอบซ่อนอยู่…

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ : ฆาตกรกินเนื้อมนุษย์ที่พยายามเปลี่ยนคนให้เป็น ‘ซอมบี้’

ภาพถ่ายของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ในช่วงมัธยมปลาย

 

มนุษย์กินคนแห่งมิลวอกี

Milwaukee Cannibal’ หรือ ‘มนุษย์กินคนแห่งมิลวอกี’ คือฉายาที่ผู้คนต่างขนานนามให้ดาห์เมอร์หลังจากความโหดร้ายสะเทือนขวัญที่เขาได้ก่อไป แต่ก่อนจะเล่าไปถึงวินาทีที่เขาหั่นกล้ามเนื้อของเหยื่อมาทำเป็นอาหารแล้วบอกว่ารสชาติเหมือนเนื้อวัว คงเป็นการดีที่จะเล่าย้อนไปก่อนว่าดาห์เมอร์คนนี้เติบโตขึ้นมาเป็นปีศาจในแบบที่เขาเป็นได้อย่างไร

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เติบโตมาในครอบครัวดาห์เมอร์ที่เราอาจจะอธิบายได้ว่าไม่ค่อยอบอุ่นและเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีต่อเด็กคนหนึ่งที่จะเติบโตขึ้นมาสักเท่าใดนัก พ่อของเขาทำงานและศึกษาด้านเคมีวิทยาอย่างหนักจนทำให้เขาไม่ค่อยได้ใช้เวลากับครอบครัวมากนัก ส่วนแม่ของเขาก็ใช้สารเสพติดแถมยังพ่วงมากับภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันที่ทั้งคู่มาเจอกัน จากที่ควรจะใช้เวลาด้วยกันที่มีไม่บ่อยครั้งนัก ก็กลับกลายเป็นการทะเลาะกันจนเสียบรรยากาศครอบครัวที่ดีของลูก ๆ ในการจะจัดการปัญหาของตัวเองก็นับว่ายากแล้ว ในส่วนของการมีเวลาให้ลูกก็คงบอกได้คำเดียวว่าลืมไปได้เลย ด้วยเหตุนี้เราจึงสรุปได้ว่า เจฟฟรีย์และน้องชายของเขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่ได้ให้ความอบอุ่นเขาเท่าใดนัก

ความสนใจหนึ่งที่ค่อนข้างแปลกของดาห์เมอร์เผยออกมาตั้งแต่เขายังเด็ก เขาสนใจหลงใหลในกระดูกและซากศพของสัตว์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ร่างไร้วิญญาณของสัตว์เหล่านั้นมาเรียบร้อยแล้ว ดาห์เมอร์จะนำซากของพวกมันมาที่กระท่อมไม้ใกล้บ้านของเขาเพื่อนำมาดองด้วยสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่ใช้ในการดองศพ ใครจะนึกว่าความสนใจแปลก ๆ ของดาห์เมอร์ในวัยเยาว์จะแปรเปลี่ยนเป็นความวิปริตดังที่เราได้เห็นในอนาคต ถึงกระนั้น หากย้อนกลับไป หลายคนก็คงตั้งคำถามเหมือนกันว่า ใครจะนึกว่าเด็กธรรมดาจะหมกมุ่นกับการเก็บสะสมและดองศพสัตว์เป็นงานอดิเรกขนาดนั้น…

ในวันหนึ่ง ความสนใจเหล่านั้นของดาห์เมอร์จึงขยายขอบเขตที่จำกัดอยู่เพียงแค่สัตว์สู่ ‘มนุษย์’ เหยื่อหลายคนของดาห์เมอร์ถูกล่อลวงด้วยความธรรมดาของหน้าตาเขาให้หลงกลเข้าไปเป็นเหยื่อ บ้างก็เป็นนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาแถวนั้น บ้างก็เป็นผู้คนที่สังสรรค์ที่บาร์เกย์ บ้างก็เป็นคนที่ดาห์เมอร์ล่อลวงด้วยเงินตรา เหยื่อของเขามักจะเป็นชายหนุ่มที่เป็นเกย์ 

เหยื่อหลายคนถูกเขาบีบคอจนหมดสติหรือเสียชีวิต ความน่ากลัวของปีศาจรายนี้หาได้หยุดอยู่ที่การปลิดชีพเหยื่อ แต่มันอยู่ที่การกระทำของเขาต่อร่างไร้วิญญาณของเหยื่อมากกว่า ในหลาย ๆ ครั้ง ดาห์เมอร์มักจะชำแหละเหยื่อเป็นชิ้น ดอง และเก็บสะสมผ่านการดองไว้บ้าง แช่ตู้เย็นบ้าง จนบางทีชิ้นส่วนเหล่านั้นก็เน่าจนส่งกลิ่นเหม็นไปห้องข้าง ๆ หรือบางทีดาห์เมอร์ก็จะนำศพเหล่านั้นไปแช่ในน้ำกรดเพื่อให้เหลือเพียงกระดูกไว้เก็บสะสมเหมือนตอนที่เขาเคยทำในสมัยก่อน แต่ที่วิปริตผิดมนุษย์ไปมากกว่านั้นคือการที่ดาห์เมอร์ได้มีเพศสัมพันธ์กับร่างไร้วิญญาณของเหยื่อบางคน…

หากเรื่องราวมันหยุดอยู่เพียงเท่านั้น ผู้คนคงไม่ขนานนามเขาว่าเป็น ‘มนุษย์กินคนแห่งมิลวอกี’ เพราะในบางคราว ดาห์เมอร์ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่การชำแหละเท่านั้น เพราะเขาจะ ‘รับประทาน’ เหยื่อของเขาด้วย เขาเคยสารภาพถึงขั้นตอนการนำเนื้อมนุษย์จากเหยื่อของเขามาทำอาหารอีกด้วย โดยดาห์เมอร์ได้บรรยายเอาไว้ว่า หลังจากที่เขานำกล้ามเนื้อตรงส่วน ‘ไบเซ็ปส์’ (ฺBiceps) - ตรงส่วนกล้ามแขนที่เรามักชอบเบ่ง ๆ กัน - ไปทอดในน้ำมัน เขาก็จะนำค้อนทุบเนื้อ (Meat Tenderizer) มาทุบ แล้วก็กินมันหลังทุบเสร็จ

 

เขาบอกว่ามันใหญ่ดีและเขาก็อยากจะลองชิมมัน

แถมเขายังบรรยายให้เราฟังอีกว่า... มันรสชาติเหมือนเนื้อวัว

 

ฉีดกรดใส่สมอง เปลี่ยนคนเป็นผีดิบ

อีกหนึ่งความโหดเหี้ยมของดาห์เมอร์ที่เป็นอีกหลักฐานพิสูจน์ชัดว่าเขาคือปีศาจตัวเป็นในร่างมนุษย์คือการที่เขาเคยพยายามเปลี่ยนเหยื่อของเขาให้กลายเป็น ‘ทาสกามารมณ์แบบซอมบี้’ (Zombie Sex Slave) แม้มันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็ถือเป็นการกระทำที่แค่เพียงจินตนาการก็โหดร้ายผิดมนุษย์มนา

นอกจากจะเคยใช้สว่านเจาะกะโหลกของเหยื่อแล้ว ในคราวนี้ ดาห์เมอร์นำสารเคมีนานาชนิด เช่น กรดมูเรียติก น้ำเดือด หรือของเหลวอีกมากมายใส่ไปในเข็มฉีดยา หลังจากนั้นก็ดำเนินการฉีดมันเข้าไปในหัวสมองของเหยื่อที่งัวเงียหรือหมดสติจากการที่โดนเขาวางยา แต่ท้ายที่สุดเหยื่อทุกคนของเขาที่โดนการทดลองสุดวิปลาสของเขานี้เข้าไปก็จบชีวิตลงทุกราย 

 

เขาอยากให้คนพวกนี้อยู่กับเขา

เขาไม่อยากให้ใครจากไป

และเขาก็ไม่ได้อยากให้พวกเขาตาย…

 

เหตุผลของการพยายามเปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ของดาห์เมอร์เพราะเขาหวังว่าเหยื่อเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่กับเขาโดยไม่หายไปไหน เขาไม่อยากให้ใครจากไปไม่ว่าจะจากแบบเป็นหรือจากแบบตายก็ตาม ดาห์เมอร์จึงมีเป้าหมายที่จะพยายามเปลี่ยนคนเหล่านั้นให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ปีศาจตนนี้จะได้ทำให้ซอมบี้ของเขาประพฤติตามความประสงค์ของเขาได้อย่างไม่มีใครจากไปไหน เพื่อมอบความอบอุ่นและความสุขให้กับเขาไปตลอด…

 

ชายที่ดูไร้พิษไร้ภัย

ถึงกระนั้นก็มีเหยื่อรายหนึ่งที่โดนการทดลองดังกล่าวและยัง ‘เกือบ’ รอดชีวิตจากเงื้อมมือของดาห์เมอร์อีกด้วย ถ้าตำรวจวางใจดาห์เมอร์น้อยกว่านี้ ครั้งหนึ่งมีเด็กชายอายุ 14 ปี ที่เป็นเหยื่อของดาห์เมอร์ สามารถหลบหนีออกไปภายนอกได้หลังจากที่ถูกฉีดสารเคมีในสมองเข้าไป เด็กชายคนดังกล่าวเป็นที่สังเกตได้อย่างง่ายดายเพราะเขาเปลือยกายแถมยังมีอาการเชื่องช้าแปลก ๆ หลังจากพบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอก็ได้รายงานว่าเด็กชายคนนั้นกลัวจนตัวสั่น เธอจึงรีบไปแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจ
.
แต่ท้ายที่สุดดาห์เมอร์ก็บอกกับตำรวจว่าเด็กชายคนนั้นเป็นแฟนหนุ่มของเขาเอง แล้วที่เห็นว่าอาการเขาเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่าเมาแอลกอฮอล์ ซึ่งตำรวจก็ ‘เชื่อ’ และส่งเหยื่อที่เกือบหลุดรอดไปได้กลับคืนเข้าเงื้อมมือของดาห์เมอร์เอง แม้ว่าเด็กชายคนนั้นจะแสดงท่าทีกลัวบุคคลที่ ‘อ้างว่าเป็น’ แฟนหนุ่มของเขาอย่างสุดขีดก็ตาม หลังจากตำรวจจากไป เขาก็ลงมือฆ่า ‘แฟนหนุ่ม’ ของเขาในทันที
.
ความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนแห่กันวิจารณ์กันครั้งใหญ่ เพราะถ้าหากพวกเขาสงสัยอีกสักนิด ไม่เพียงแต่เด็กชายอายุ 14 ปีคนดังกล่าวจะรอด แต่เขายังสามารถหยุดฆาตกรต่อเนื่องที่ปลิดชีพคนไปมากมายหลายคนอย่างโหดเหี้ยมได้อีกด้วย เพราะแม้ว่าดาห์เมอร์จะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร เหตุการณ์แบบนี้เต็มไปด้วยความผิดปกติ แถมถ้าพวกเขาได้ลองเช็กชื่อของดาห์เมอร์ในระบบ เขาก็จะพบว่าชายธรรมดา ๆ คนนั้น อยู่ในรายชื่อผู้กระทำผิดทางเพศ (Registered Sex Offender) ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้ต้องสงสัยได้อย่างง่ายดาย แต่สุดท้าย เขาก็ลอยนวลและก่อเหตุฆาตกรรมต่อไป…

 

เสียชีวิตในคุก

ท้ายที่สุดดาห์เมอร์ก็ถูกจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขา พวกเขาเจอซากศพและชิ้นส่วนมนุษย์มากมายในนั้น ศาลได้ตัดสินเขาให้จำคุกตลอดชีวิต 16 ครั้ง รวมเป็นเกือบพันปี แถมคณะลูกขุนยังตัดสินว่าในทุกครั้งที่เขาก่อเหตุฆาตกรรม เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี นั่นจึงทำให้เขาได้รับโทษอย่างเต็มเหนี่ยว (แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ดาห์เมอร์ถือได้ว่ามีภาวะผิดปกติบางประการ แต่ในรายละเอียดทางกฎหมายก็ได้ถูกตัดสินมาเช่นนี้)

 

ผมรู้ตัวดีว่าผมได้ก่อเรื่องร้ายมามากมายเพียงใด หลังจากถูกจับกุมผมก็พยายามทำทุกวิถีทางอย่างเต็มที่เพื่อที่จะชดใช้กับสิ่งที่ผมทำไป แต่ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม ผมก็คงไม่สามารถยกเลิกการกระทำอันผิดมหันต์ที่ผมได้ก่อไป ความพยายามของผมในการสารภาพและชี้เบาะแสทั้งหมดคงเป็นอะไรที่ดีที่สุดที่ผมทำได้ แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย…

 

คือคำกล่าวต่อศาลของดาห์เมอร์ต่อเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้ก่อมา ดาห์เมอร์รับสารภาพทุกอย่างและช่วยชี้เบาะแสทั้งหมดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ด้วยความร้ายแรงของสิ่งที่เขาได้ก่อไป เขาก็คงหลีกหนีบทลงโทษไม่พ้น

แม้จะถูกตัดสินจองจำไปชั่วชีวิต แต่ชั่วชีวิตของเขาก็เป็นระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น เพราะหลังถูกตัดสินจำคุกในปี 1992 สองปีถัดมา เขาก็ถูกนักโทษนามว่า ‘คริสโตเฟอร์ สการ์เวอร์’ (Christopher Scarver) และเพื่อนอีกหนึ่งคนนำท่อเหล็กรุมตีจนหมดสติ และเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล

สการ์เวอร์เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการกระทำของเขาต่อดาห์เมอร์เอาไว้ว่า

 

คนบางคนที่ต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำก็จะสำนึกผิด

แต่ดาห์เมอร์มันไม่ใช่หนึ่งในนั้น…

 

ภาพ : Marny Malin / Contributor

อ้างอิง : 
JEFFREY DAHMER ATTEMPTED SOME UNSETTLING EXPERIMENTS ON HIS VICTIMS - Grunge

Jeffrey Dahmer Once Fried a Man’s Arms With Oil & Ate Them—Why He Was a Cannibal - StyleCaster

Who was Jeffrey Dahmer? The true story behind Netflix's harrowing serial killer crime drama - Cosmopolitan

'Monster: The Jeffrey Dahmer Story' : How the Serial Killer Was Caught - People

How Was Jeffrey Dahmer Caught? Police Found Human Torsos Dissolving in Acid in His Apartment - StyleCaster

What Dahmer on Netflix leaves out about Christopher Scarver, Jeffrey Dahmer's killer - Digital Spy