14 พ.ย. 2565 | 19:00 น.
ณ งาน ‘River Fest Music Festival’ ในปี 2022 เทศกาลดนตรีนานาชาติที่จัดขึ้นอยู่เคียงข้างกับสายน้ำของแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศนับ 30 นาม ร่วมขบวนกันมาสร้างความสุขให้ผู้ชมที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นับเป็นประสบการณ์ 2 วัน 2 คืนที่พิเศษอยู่ไม่น้อย
ยกระดับความพิเศษไปมากกว่านั้นเมื่อ The People ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ศิลปินจากเกาะอังกฤษที่ฮิตกันทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยกับ ‘เจมส์ ฮัตเชอร์’ (James Hatcher) และ ‘แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค’ (Andrew Clutterbuck) จากวงอินดี้สุดฮิตอย่าง ‘Honne’
เจมส์ ฮัตเชอร์
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค
ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง ‘Day 1’ ที่บรรยายถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อความพิเศษของใครอีกคนเข้ามาเติมเต็มชีวิตตั้งแต่วันแรกที่พบกัน หรือจะเป็น ‘free love’ ที่พร่ำบอกว่าแม้ชีวิตนี้เจ้าตัวจะไม่สามารถสรรหาอะไรที่สวยหรูมาให้ได้ แต่สิ่งที่เขามีคือความรักฟรี ๆ ที่อยากพร้อมจะมอบไว้อย่างไร้ขีดจำกัด แถมยังมีอีกหลายเพลงที่นำเสนอแง่มุมของความรักที่ร่วมสมัยและเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ผู้ได้ผ่านเข้ามาฟังมากมายหลายคน
แล้วผู้สรรค์สร้างมันขึ้นมาเองมีแนวคิดอย่างไรกับคำว่า ‘ความรัก’ (Love)?
The People: สำหรับ Honne นิยามของคำว่าความรักคืออะไร?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ว้าว คำถามนี้ เจมส์ นายตอบอะไรตลก ๆ ไปหน่อยสิ
เจมส์ ฮัตเชอร์: เอาจริง ๆ ผมรู้สึกว่าความรักมีสองประเภทนะ ในแบบแรกที่คนส่วนใหญ่มักมองความรัก ก็คือการที่คนสองคนเจอกันแล้วก็มีปฏิกิริยาทางเคมีที่ส่งผลต่อความรู้สึกอะไรสักอย่างในสมอง แล้วคุณก็จะรู้สึกว่า
“ฉันอยากจะคุยกับเขาตลอดเวลาเลยว่ะ”
แต่สำหรับผม ผมว่าความรักมันคือข้อผูกมัดระยะยาว อย่างเช่นเวลาคุณกับเพื่อนสนิทของคุณทำอะไรสักอย่างด้วยกัน พวกคุณค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า และสร้างชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
ผมว่ามันเป็นระดับของความรักที่ลึกกว่าเดิมไปอีกขั้นหนึ่งเลย มันก็เหมือนความรักที่คุณมีให้กับครอบครัวหรือความรักที่คุณมีให้กับคู่ชีวิตของคุณ มันเรื่องระยะยาวน่ะ
เจมส์ ฮัตเชอร์
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ใช่ ๆ แล้วผมก็คิดว่ามันก็คืออะไรสักอย่างที่เราสามารถทำได้แบบไม่มีเงื่อนไขด้วย เรารักแบบไม่ต้องมีข้อแม้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร
.ถือเป็นความเห็นต่อความรักที่ลึกล้ำไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะดังที่เจมส์ได้กล่าว ความรักอาจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความรักแบบหนุ่ม-สาว เท่านั้น แต่ความรักยังกินขอบเขตไปสู่อะไรที่ลึกซึ้งและยืนยาวมากกว่า แถมยังไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความรักแบบโรแมนติค เพราะความรักแบบอันแสนอบอุ่นจากครอบครัวและความแข็งแกร่งหนักแน่นจากมิตรภาพบรรดาเพื่อนก็สำคัญและช่วยค้ำจุนชีวิตใครหลายคนได้ไม่แพ้กับความรักแบบแรกเลย
ถึงกระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าความรักแบบแรกหมดความสำคัญ ตราบใดที่เราได้เห็นใครสักคนหนึ่งแล้วอยากจะคุยกับคน ๆ นั้นตลอดเวลาดังที่เจมส์บอก มันก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของใครสักคนดำเนินไปได้อย่างมีความหมายเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่เราเห็นได้จากคำตอบของพวกเขาต่อมุมมองความรักก็คือ ไม่ว่าผู้ฟังจะกำลังมีความรักแบบไหน เพลงของ Honne ก็จะ ‘เข้าใจ’ ความรู้สึกเหล่านั้นเสมอ หลังจากได้ฟังบทสัมภาษณ์นี้ เราอาจจะได้มุมมองใหม่ ๆ จากการฟังบทเพลงของพวกเขาก็ได้…
.The People: เวลาพวกคุณเขียนเพลง พวกคุณใช้คติอะไรเพื่อนำทางของพวกคุณ แล้วคุณอยากจะสื่อสารความรู้สึกหรือความหมายอะไรผ่านผลงานเหล่านั้น?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ผมว่าหลัก ๆ มันเกี่ยวกับการทำให้คนรู้สึกอะไรสักอย่างกับผลงานของที่เราตั้งใจสร้างสรรค์มันขึ้นมา เราอยากมอบพลังบวก เราอยากให้เขารู้สึกเชื่อมต่อกับสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารออกไป เราอยากให้แฟน ๆ ชอบและรู้สึกกับเพลงของเราไปพร้อม ๆ กันครับ
เจมส์ ฮัตเชอร์: เราอยากจะสื่อสารออกไปว่าไม่ได้มีแค่คุณนะที่รู้สึกแบบนั้น เราเข้าใจคุณเพราะเราก็เคยรู้สึกหรือรู้สึกแบบนั้นอยู่เช่นเดียวกัน
เราก็แค่คาดหวังว่าใครสักคนมาฟังเพลงของเราแล้วคิดในใจว่า “มีคนต้องพบเจอกับอะไรแบบนี้เหมือนกับฉันด้วยหรอเนี่ย?”
จากการที่เขาได้ฟังเนื้อเพลงที่เราเขียนขึ้นมา เราอยากให้บทเพลงของเราโอบกอดให้เขารู้สึกสบายใจครับ
The People: ส่วนใหญ่แล้วคุณเอาแรงบันดาลใจในการสรรค์สร้างผลงานมาจากไหน?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราที่จริงแท้และจริงใจครับ ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายเราล้วนเป็นต้นตอให้แรงบันดาลใจของเรา เอาจริง ๆ มันก็สะท้อนกลับไปที่ชื่อวงของเราอีกเหมือนกันนะ เพราะวงของเราชื่อว่า ‘Honne’ (ฮอนน์) เป็นชื่อที่เราเอามาจากศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่สะกดเหมือนกันนี่แหละ
แต่อ่านว่า ‘Hon’ne’ (ฮอนเนะ) ซึ่งมันก็แปลว่า ‘ความรู้สึกจากใจจริง’ (True Feelings) เราก็เลยยึดแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานจากชื่อวงของเรานี่แหละครับ
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค
The People: ในประเทศไทย เพลงของ Honne ถือว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก พวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ผมว่ามันยอดเยี่ยมไปเลยนะ ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็เถอะ แต่ผมรู้สึกอยากขอบคุณมาก ๆ ที่มีผู้คนสนใจงานของเรา เพราะเอาจริง ๆ พวกเราก็ชอบมาแถว ๆ ภูมิภาคนี้อยู่แล้ว พวกเราชอบลิ้มลองประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ได้ชิมอาหารที่ไม่เคยได้กินมาก่อน แถมยังได้เจอผู้คนดี ๆ อีกมากมายเลย
เจมส์ ฮัตเชอร์: ผมว่าดังแถวนี้นี่ดีกว่าดังแถวบ้านอีกนะ เพราะเราจะได้มาเที่ยวแถวนี้บ่อย ๆ (หัวเราะ)
The People: ถ้าให้เลือกสถานที่ที่ชอบที่สุดในประเทศไทยมาที่หนึ่ง คุณจะเลือกที่ไหน?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ได้ แต่ผมไม่ชัวร์ว่ามันยังมีอยู่หรือเปล่านะ ถ้าจะชอบที่สุดก็คงต้องเป็น ‘สกายบาร์’ (Skybar) เลย
เจมส์ ฮัตเชอร์: ใช่เลย ตอนเรามาที่นี่ครั้งแรก มีคนพาเราไปเดินทัวร์เที่ยวไปทั่วเลย แล้วเราก็ได้ไปที่บาร์นี้นี่แหละ ถ้าเราจำไม่ผิดก็น่าจะชื่อสกายบาร์นะ คือเขามีอาหารไทยที่มันเผ็ด ๆ หน่อย แล้วก็มาแจมไนท์ (Jam Night) ที่โคตรสนุกเลย แล้วคือเราก็ได้มีโอกาสไปเล่นที่นั่นด้วย แต่เรื่องพีคคืออะไรรู้ไหม? คนที่พาผมไปทัวร์ก็เป็นศิลปินเหมือนกัน แล้วเล่นโคตรจะเก่งเลย! ผมก็แบบ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก (หัวเราะ)
The People: เห็นว่าพูดถึงอาหารไทย แล้วถ้าให้เลือกมาหนึ่งเมนูจะเลือกอะไร?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ผมชอบอันที่มีผักเขียว ๆ กับหมูสับ ใช่อาหารไทยรึเปล่านะ? (น่าจะกะเพราหมูสับ)
เจมส์ ฮัตเชอร์: แกงมัสมั่นนี่ไทยไหมครับ? ต้มยำด้วย ใช่ไทยไหม? แล้วก็แกงเขียวหวานด้วยผมชอบมาก อันนั้นก็ไทยใช่ไหม? ผมชอบหมดเลยแหละที่เอ่ยมา
The People: แล้วหลังจากคอนเสิร์ตนี้พวกคุณจะทำอะไรต่อ?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: ตอนนี้พวกเราก็กำลังทำเพลงใหม่กันอยู่ แล้วเราก็เพิ่งทัวร์ปีนี้เสร็จด้วย ดังนั้นหลังจากคอนเสิร์ตนี้เราก็น่าจะกลับบ้านกันนี่แหละ แล้วก็คงจะหมกตัวอยู่ในสตูดิโอ เขียนเพลงและแต่งเพลงกันต่อไป
เจมส์ ฮัตเชอร์: ใช่แล้ว เราก็น่าจะอยู่ในห้องอัดด้วยกันยาว ๆ เลย แล้วเราก็พยายามสร้างผลงานกันอีกเยอะเลย แล้วเราก็หวังว่าแฟน ๆ จะชอบครับ
The People: อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยไหมครับ?
แอนดรูว์ คลัตเตอร์บัค: โอ้ เรามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะบอกกับแฟน ๆ ชาวไทยเลยล่ะ เรารักพวกเขามาก ๆ และก็คิดถึงมาก ๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้เราก็มาอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว เอาจริง ๆ ผมทนไม่ไหวแล้วที่จะได้ขึ้นเวทีไปพบปะกับทุก ๆ คน
เจมส์ ฮัตเชอร์: ผมอยากจะบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่วิเศษมาก ๆ จริง ๆ นะครับ และเราก็อยากจะขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนเลยที่คอยสนับสนุนกันตลอดมา ไว้พบกันครับ
ในวันนั้นทั้ง แอนดรูว์และเจมส์ ก็ได้ขึ้นเวทีไปพบปะกับแฟน ๆ และบรรเลงบทเพลงที่ทั้งผู้ฟังและผู้เล่นเปรียบเสมือนว่าเชื่อมต่อกันผ่านอารมณ์ ไม่ว่าจะเพลงไหน ๆ ที่ Honne บรรเลงออกมา มันเปรียบเสมือนว่าพวกเขาโอบกอดผู้ชมทุกคนด้วยความไพเราะและความเข้าใจ และผู้ชมเองก็ส่งแรงเชียร์ด้วยความครื้นเครงกลับไปสู่บนเวที นับเป็นการส่งต่อความอบอุ่นให้กันและกันระหว่าง Honne และผู้ชมทุกคนอย่างสวยงาม
และนี่คือส่วนหนึ่งของบรรยากาศความอบอุ่นสุดแสนประทับใจของเทศกาลดนตรี River Fest Music Festival 2022 ที่จัดอยู่ริมแม่น้ำแคว กาญจนบุรี