กาตูนร์ ระทม : บทสัมภาษณ์สะท้อนสังคมและอารมณ์ขันบนลายเส้นสุดแสนระทม

กาตูนร์ ระทม : บทสัมภาษณ์สะท้อนสังคมและอารมณ์ขันบนลายเส้นสุดแสนระทม

บทสัมภาษณ์ ‘กาตูนร์ ระทม’ นักวาดการ์ตูนล้อเลียนที่มาพร้อมลายเส้นเอกลักษณ์ที่ตีแผ่เรื่องราวในสังคมผ่านอารมณ์ขันอันแสนระทม

สวัสดีครับเพื่อนๆที่ติดตามเพจ “กาตูนร์ ระทม” กันมานานมากๆเลยระทมจะเลิกวาดลงที่เพจตั้งแต่วันนี้ไปแล้วนะครับ…

สีสันหนึ่งที่คงอยู่มาตั้งแต่ในยุคสื่อสิ่งพิมพ์และเจริญงอกงามอย่างแพร่หลายมามากกว่าเดิม และน่าจะเป็นต้นฉบับที่เป็นรากฐานให้กับ ‘มีม’ ที่เราได้ขำขันกันในยุคปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้น ‘การ์ตูนล้อเลียน’ ที่ไม่เพียงทำหน้าที่จุนเจือระบายอารมณ์ขันผ่านลายเส้นและจินตนาการเพียงไม่กี่หน้า แต่ยังมีหน้าที่นำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมีตีแผ่ผ่านจินตนาการ ไม่เพียงแค่เพื่อเสียดสี แต่เพื่อโยนคำถามให้ผู้อ่านได้ขบคิดต่อถึงประเด็นนั้น ๆ

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็มีการ์ตูนล้อเลียนหลายสำนึก (ในที่นี้ เราน่าจะหมายถึง ‘เพจ’) ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะบนพื้นที่อย่าง ‘โลกออนไลน์’ ที่เปิดโอกาสให้นักวาดการ์ตูนมากมายได้สำแดงลายเส้นและจินตนาการของตนเองสู่สาธารณชนจนเป็นสีสันที่ผู้ชมเฝ้าติดตาม และหนึ่งในนักวาดที่อยู่ในขบวนการ์ตูนล้อเลียนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ก็ต้องมีชื่อของ ‘กาตูนร์ ระทม’ อยู่ในนั้นด้วย

กาตูนร์ ระทม : บทสัมภาษณ์สะท้อนสังคมและอารมณ์ขันบนลายเส้นสุดแสนระทม

Facebook : กาตูนร์ ระทม

 

ทว่าเมื่อดำเนินลายเส้นมาครบหนึ่งทศวรรษ ในพุธที่ 21 สิงหาคม 2567 เพจ กาตูนร์ ระทม ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นพร้อมบอกว่าตัวเขาเองจะเลิกวาดการ์ตูนลงเพจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป พร้อมขอบคุณผู้ติดตามทุกคนที่คอยสนับสนุนและติดตามผลงานจากกาตูนร์ ระทุม เสมอมา ทั้งยังบอกว่าเป็น 10 ปีที่เต็มไปด้วยทั้งความสนุกและความเศร้า นอกจากนั้นก็ยังได้ช่วยให้เขาสามารถเลี้ยงเหล่าแมวทั้ง 50 ตัวของเขาได้มาถึงทุกวันนี้

ครั้งหนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในปี 2560 The People ได้เคยมีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับ ‘วิศรุต กงไกรลาศ’ หรือที่เรารู้จักเขาในนาม ‘กาตูนร์ ระทม’ ถึงมุมมองในด้านต่าง ๆ ของเขา ตั้งแต่แรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเขียนการ์ตูน ที่ทางของนักเขียนการ์ตูนในน่านน้ำของไทย หรือแม้แต่ความหวังของเขาที่มีต่อสังคมหรือแม้แต่เพจกาตูนร์ ระทมเอง สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่บทความนี้

The People : คำนิยามของ ‘กาตูนร์ ระทม’ คืออะไร?

การ์ตูนหยาบโลนระบายความระทมของผมเอง (หัวเราะ)

 

The People : ย้อนกลับไป ใครบ้างที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเป็นนักวาดการ์ตูน?

สมัยตอนผมอายุ 15-16 ปี ผมติดนิตยสาร a day มาก ต้องไปเช็คที่ห้องสมุดประชาชนทุกวัน ในนิตยสารจะมีการ์ตูนของนักเขียนชื่อคุณวิสุท แกจะใช้ดินสอวาดการ์ตูนเพียว ๆ เลย ลายเส้นก็ยุ่งเหยิงแต่อ่าน ๆ ไปกลับสวย แถมเนื้อเรื่องก็สนุกและน่าติดตามมาก ตอนนั้นผมชอบผลงานเขามาก เลยอยากเป็นนักวาดการ์ตูนตั้งแต่ตอนนั้น มันทำให้รู้ได้ว่า 

การ์ตูนสนุกไม่จำเป็นต้องวาดสวย แต่ต้องวาดด้วยพลังงานมวลสารของคนวาด (หัวเราะ) 

 

The People : คุณเคยมีความคิดอยากจะทำ กาตูนร์ ระทม ของคุณออกมาในรูปแบบอนิเมชั่นบ้างไหม?

อยากสิครับอยากเห็นการ์ตูนตัวเองฉายช่อง 9 เหมือนสมัยเราดู Dragon Ball เวลาแฟนเพจตัดต่อการ์ตูนเราไปใส่เสียงเอฟเฟคเท่ ๆ มาให้ดูนี่ยิ่งปลื้มมากเลยครับ

 

The People : Dragon Ball เป็นการ์ตูนที่อิทธิพลต่อการวาดการ์ตูนของระทม?

ใช่ครับ Dragon Ball, ครอบครัวตัวฮอ, Yugioh, Hunter x Hunter, Berserk, Naruto เราโตมากับการ์ตูนเหล่านี้

 

The People : คุณรู้สึกอย่างไรที่ลายเส้นของคุณเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรักศิลปะ แต่วาดรูปไม่ได้ตามที่ใจต้องการ? 

แบบนั้นดีใจมากเลย ผมเมื่อก่อนวาดรูปก็ไม่กล้าให้ใครดู ต้องเก็บไว้ดูคนเดียว แต่พอเราเอารูปไปลงเพจแล้วคนกลับชอบ 

เขาบอกว่าลายเส้นระทมดี เราเลยมีกำลังใจวาดต่อครับ

 

The People : จากอดีตที่นักวาดการ์ตูน ถ้าอยากที่จะประสบความสำเร็จ มักจะนึกถึงรูปแบบการผลิตงานเพื่อให้เข้าสู่สื่อสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงได้ ทว่าในปัจจุบันก็ได้มีโอกาสกว้างมากกว่าในอดีต คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?​

ผมว่ายุคนี้คือยุคเฟื่องฟู่ของคนชอบวาดการ์ตูนเลยนะ มันดีมากเลยที่คนไม่จำเป็นต้องวาดการ์ตูนเป็นอาชีพหลักก็สามารถเป็นที่รู้จักได้ ถ้าผลงานเข้าตาคนอ่าน เมื่อก่อนผมก็เปิดเพจแล้วยังเคยเอาต้นฉบับการ์ตูนไปที่สำนักพิมพ์การ์ตูนรายสัปดาห์ชื่อดัง แต่ก็แห้วเพราะผลงานเราไม่ดีพอ แต่การวาดลงเพจมันไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของสำนักพิมพ์ คนก็ยอมรับเราได้ ผมว่าสมั้ยนี้ดีกว่าอดีตเพราะไม่จำเป็นต้องแบกผลงานไปที่สำนักพิมพ์เพื่อให้ได้เกิด 

ทุกวันนี้มีคนเป็นล้านพร้อมจะอ่านผลงานเราถ้ามันเจ๋งพอ

 

The People : นักวาดการ์ตูนประเทศญี่ปุ่นที่มักถูกยกย่องว่าเป็น ‘อาจารย์’ คุณคิดว่าวงการนักวาดการ์ตูนไทยจะไปถึงขนาดนั้นได้ไหม?

ผมว่าเป็นไปได้นะครับ แต่คนเขียนการ์ตูนจะต้องมีผลงานที่สนุกและได้มาตรฐานที่คนอ่านยอมรับ  คือพูดง่าย ๆ ผมว่านักวาดการ์ตูนไทยจะต้องทุ่มเทให้ได้งานที่ออกมาสุดยอดเทียบเท่ามาตรฐานของการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมากกว่านั้นเพื่อที่ผู้อ่านก็จะยอมรับในตัวนักเขียน ส่วนความนับถือต่าง ๆ ก็จะตามมาเองนะผมว่า

 

The People : การ์ตูนที่เสื่อม ๆ ในช่วงหลังมักจะเป็นที่นิยมมากกว่าการ์ตูนที่ส่งเสริมจริยธรรม ในความคิดของคุณ สิ่งนี้มันสะท้อนอะไร?

สะท้อนว่าการ์ตูนเนี่ย ขอให้อ่านสนุกก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีสาระครับ เพราะทุกวันนี้สาระมันเต็มไปหมด คือคนเราก็อยากจะมีช่วงเวลาที่หัวเราะกับเรื่องพวกนี้ ผมว่าคนคงแยกแยะได้นะครับ มันตลก มันเถื่อน แต่ก็ยังอยู่ในการ์ตูน เข้าใจแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ

เรื่องจริยธรรมคุณธรรมคนเราเข้าใจอยู่แล้วครับ มันเป็นเรื่องของสามัญสำนึกส่วนบุคคล เราจะไปวาดการ์ตูนที่ชี้นำสั่งสอนคนว่าเรื่องนั้นดีเรื่องนี้ไม่ดี มันไม่ใช่แนวของระทม

 

The People : ก่อนนี้เรามักจะเจอคำถามว่าจะมีการคาดหวังในการผลิตงานเพื่อสังคม สุดท้ายแล้วคุณคาดหวังอะไรจากสังคมไหม?

คำถามนี้ยาก หรือผมงงเองก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ผมอยากให้ทุกคนในสังคมที่เลี้ยงสุนัขและแมวทำหมันเสีย เพื่อลดประชากรแมวจรจัด บ้านผมมีแมวอยู่ 30 ตัวทำหมันไปแล้ว 20 ตัว ตอนนี้เหลือราว 10 ตัวที่ยังไม่ได้ทำหมัน ผมตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยสังคมโดยการตอนแม่งให้หมด เพื่อลดปัญหาตรงจุดนี้

 

The People : แมวเยอะมาก!

เยอะครับ แม่ผมแกเป็นคนใจดี แต่ใจดีแบบนี้เดือดร้อนครับ (หัวเราะ) วิธีแก้คือเราต้องจำกัดจำนวนประชากรแมวไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้าน แมวส่วนใหญ่ที่บ้านผมจะโดนเอามาปล่อยครับ หรือไม่ก็มาทิ้งหน้าบ้านเลย เรื่องนี้ผมว่าแม่งเป็นปัญหาใหญ่ ประชาชนต้องจริงจัง รัฐบาลต้องยื่นมือมาช่วยจัดการรณรงค์ให้คนตอนหมาแมว จะได้ไม่มีหมาจรจัดเจ็บป่วยอดอยากอยู่ข้างทาง

 

The People : สุดท้ายแล้ว ระทม จะคงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไปอีกนานไหม? 

พยายามจะอยู่ให้นานที่สุดครับ ขอพื้นที่เล็ก ๆ ให้กับผมแทรกอยู่ตรงซอกหรือของสังคมก็ยังดี ให้เป็นกระบอกเสียงของคนเมากล่าวต่อไปอยากให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองครับ สู้ ๆ

 

แม้ว่าในวันนี้ กาตูนร์ ระทม จะประกาศว่าเขาจะไม่วาดลงเพจอีกต่อไป แต่เพจ กาตูนร์ ระทม ก็ยังจะดำเนินต่อไป โดยหนึ่งในเด็กฝึกงานที่ได้ร่วมงานกับเขาตั้งแต่ปี 2018 และร่วมเขียน วาด และนำเสนอนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าเราจะได้เห็นเรื่องราวในสังคมและการเมืองถูกนำมาตีแผ่ในลายเส้นแสนระทม ที่จะสะท้อนและตั้งคำถามเราไปถึงโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่

ว่าบางทีมันก็ระทมไม่แพ้กับลายเส้นของ กาตูนร์ ระทม จริง ๆ นั่นแหละ