20 พ.ย. 2567 | 10:56 น.
กรุงเทพมหานคร ได้รับการยกระดับอีกครั้ง ในฐานะเมืองหลวงของไลฟ์สไตล์ระดับโลก เมื่อ ‘เพนท์เฮาส์ บาร์ แอนด์ กริลล์’ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เปิดตัวโฉมใหม่ ด้วยแนวคิด ‘Reimagined’ ที่ผสมผสานความล้ำสมัยของอาหาร การแสดง และสถานที่หรูหราในรูปแบบที่ไร้ขอบเขต
จากแรงบันดาลใจในการมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ‘มาร์ค เดอ ลีแวค’ (Mark de Leeuwerk) ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม เปิดเผยถึงการทำงานหนักตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาว่า เป็นการเนรมิตพื้นที่ครอบคลุมสามชั้นให้เปี่ยมด้วยพลังของดนตรี อาหาร และเครื่องดื่ม ที่กลมกลืนกับความหรูหราอันแตกต่าง
“เป้าหมายของเราในการปรับโฉมครั้งนี้ คือการมอบประสบการณ์ที่ผสมผสานความล้ำสมัยของอาหารและความบันเทิงเข้ากับบรรยากาศหรูหราแบบไม่เหมือนใคร”
พื้นที่ทั้งสามชั้นได้รับการออกแบบใหม่ให้สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่ชั้นดาดฟ้าพร้อมวิวกรุงเทพฯ สุดตระการตา ไปจนถึงบาร์และห้องอาหารที่เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของมหานครนิวยอร์ก ความใส่ใจในรายละเอียดทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสถานบันเทิงในเมืองหลวง
บนชั้น 35 ของเพนท์เฮาส์ คุณจะได้พบกับห้อง Johnnie Walker Depth of Blue Room ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวิสกี้ระดับโลกอย่าง Johnnie Walker Blue Label
บรรยากาศของห้องถูกออกแบบให้เรียบหรูและเงียบสงบ คุณสามารถดื่มด่ำพร้อมชมวิวของมหานครกรุงเทพฯ ที่เปล่งประกายด้วยแสงไฟยามค่ำคืน การชิมวิสกี้ในบรรยากาศเช่นนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลิ้มลองรสชาติ แต่ยังเป็นการเดินทางผ่านความพิถีพิถันในศาสตร์แห่งการสร้างวิสกี้
เมื่อก้าวลงมายังชั้น 34 คุณจะได้พบกับ Penthouse Grill ห้องอาหารที่เน้นศิลปะการย่าง ในรูปแบบที่เหนือระดับ เชฟ มาร์โค ชาเวช ไฮเมท (Marco Chávez Jaime) เชฟชาวเม็กซิกัน ซึ่งได้ออกแบบเมนูอาหาร โดยใช้เทคนิคพิเศษ เช่น Koppa Oven และ Parrilla ที่ช่วยเพิ่มกลิ่นรมควันและรสชาติอันล้ำลึกให้กับวัตถุดิบชั้นเลิศ
เมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ ได้แก่ ซี่โครงเนื้อวากิว M5 ที่ผ่านการรมควันจนได้สัมผัสที่นุ่มละมุนและรสชาติที่เข้มข้น (Smoky M5 Short Ribs), เนื้อแกะ Lumina จากนิวซีแลนด์ที่มีรสหวานธรรมชาติและเต็มไปด้วย Omega-3 (Scorched Lumina Lamb Rack) และ เนื้อวากิว A5 จากญี่ปุ่นที่ถูกยกย่องว่าเป็นเนื้อที่ดีที่สุดในโลก (A5 Kagoshima Tenderloin และ A5 Oguma Striploin)
อาหารทุกจาน ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของทีมครัว แต่ยังเป็นการนำเสนอเรื่องราวของวัตถุดิบแต่ละชนิด ตั้งแต่แหล่งกำเนิดที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงกระบวนการปรุงที่เน้นความสดใหม่และรสชาติที่แท้จริง นอกจากเมนูเนื้อคุณภาพสูง ที่นี่ยังมีตัวเลือกอาหารที่ทำจากพืช (Plant – Based) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองผู้ที่มองหาทางเลือกเพื่อสุขภาพ
การเดินทางผ่านประสบการณ์ที่เพนท์เฮาส์ ยังคงต่อเนื่องที่บาร์ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์และรสชาติถูกนำเสนอผ่านแก้วค็อกเทล โดย ฟาบีโอ บรุคโนลาโร (Fabio Brugnolaro) หัวหน้าบาร์เทนเดอร์ ท่ามกลางบรรยากาศของบาร์ที่ถูกเติมเต็มด้วยเสียงเพลง ช่วยเสริมให้ค่ำคืนเป็นที่น่าจดจำ
ชั้น 36 เป็นศูนย์รวมของดนตรีและพลังสร้างสรรค์ วงดนตรี LUX ซึ่งสมาชิกประกอบด้วย อิคิริ ลอว์เรนซ์ (Ikiri Lawrence) นักร้องนำผู้ชนะรางวัล ซึ่งเคยแสดงร่วมกับศิลปินระดับไอคอนของแกรมมี่, จาเรียส ฮัฟฟาเกอร์ (Jarius Huffaker) ) อัจฉริยะด้านเบสที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Earth, Wind & Fire และ เคนเนธ ธอร์นตัน (Kenneth Thornton) มือกลอง และ เลอรอย โครนเบิร์ก (Leroi Kroneberg) ในตำแหน่งคีย์บอร์ด
พวกเขาได้นำดนตรีแจ๊ส ฟังก์ และฮิปฮอป มาผสมผสานกับการแสดงสด สร้างความสนุกสนานเกินต้าน ร่วมด้วยความสามารถของ มาร์คัส ไฮเออร์ (Marcus Heier) ดีเจชาวสวีเดนที่ผสมจังหวะเพลงหลากหลายแนวเข้ากับดนตรีสดช่วยเพิ่มความตื่นเต้น และทำให้ชั้นนี้กลายเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับคนรักดนตรี
เพนท์เฮาส์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ไม่เพียงแค่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการกินดื่ม แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบในทุกแง่มุม การตกแต่งภายในได้รับแรงบันดาลใจจากมหานครนิวยอร์ก โดยมีการผสมผสานความล้ำสมัยและความคลาสสิกเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ห้องชิมวิสกี้ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ไปจนถึงบาร์ดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวใจกลางกรุงเทพฯ ทุกพื้นที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ล้ำค่า ซึ่งจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้มาเยือน
“ที่นี่ ชีวิตยามราตรีเป็นของคุณ ที่สามารถรังสรรค์กันได้ ไม่ว่าจะค้นหากันแบบชั้นต่อชั้น หรือจะแค่มาสำรวจว่า อะไรที่เหมาะกับตนเองในโมเมนต์นั้น ๆ ก็ตาม” ซาบีน เดเล็ตร นากามูระ (Sabine Delettre Nakamura) ผู้จัดการทั่วไป เพนท์เฮาส์ บาร์ แอนด์ กริลล์ กล่าวปิดท้าย