‘Attachment Theory’ จิตวิทยาเบื้องหลังชื่อพิเศษระหว่างคู่รัก

‘Attachment Theory’ จิตวิทยาเบื้องหลังชื่อพิเศษระหว่างคู่รัก

เจาะลึกความหมายซ่อนเร้นในคำเรียกแฟน ผ่านมุมมองทางจิตวิทยาที่อธิบายว่าทำไมคำเรียกพิเศษจึงสะท้อนความสัมพันธ์ของคู่รัก

KEY

POINTS

  • ทฤษฎีการผูกพัน (Attachment Theory) - รูปแบบการผูกพันส่งผลต่อการเลือกใช้คำเรียกแฟนและสะท้อนความสัมพันธ์ของคู่รัก 
  • ภาษาลับของคู่รัก - คำเรียกพิเศษสร้างโลกส่วนตัวและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ 
  • การเชื่อมโยงทางอารมณ์ - คำเรียกแฟนไม่ใช่แค่คำพูดแต่เป็นการสร้างความปลอดภัยทางอารมณ์และความใกล้ชิด
     

เคยสังเกตไหมว่าคำเรียกแฟนอย่าง ที่รัก, บี๋, ตัวเอง หรือแม้แต่ หมูอ้วน เป็นมากกว่าแค่คำพูดน่ารัก ๆ ที่เราใช้เรียกกัน? 

คำเหล่านี้แท้จริงแล้วมีความหมายลึกซึ้งทางจิตวิทยาที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของเราได้อย่างน่าประหลาดใจ

การเรียกคนรักด้วยคำพิเศษไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรักแบบผิวเผิน แต่เป็นการสร้างสะพานเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างกัน เวลาที่คุณเรียกแฟนว่า ‘ที่รัก’ หรือชื่อเล่นพิเศษที่เฉพาะคุณสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ คุณกำลังสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ที่ช่วยให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

นักจิตวิทยาความสัมพันธ์อย่าง ‘Dr. Carol Bruess’ และ ‘Dr. Judy Pearson’ เคยศึกษาและพบว่า คำเรียกที่คู่รักใช้เป็นเหมือนกระจกสะท้อนระดับความใกล้ชิดและความผูกพันของพวกเขา คำเหล่านี้ไม่เพียงสื่อสารความรู้สึก แต่ยังช่วยสร้างโลกส่วนตัวที่มีแต่คุณสองคนเท่านั้นเข้าถึงได้ คิดดูสิ... เวลาคุณเรียกแฟนด้วยคำพิเศษ มันเหมือนคุณกำลังบอกว่า “เรามีภาษาเฉพาะของเรา ที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเรา”

‘ทฤษฎีการผูกพัน’ (Attachment Theory) ที่พัฒนาโดย ‘John Bowlby’ และต่อยอดโดย ‘Mary Ainsworth’ เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่ามนุษย์เราพัฒนารูปแบบความผูกพันตั้งแต่วัยเด็ก และรูปแบบนี้จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในช่วงวัยผู้ใหญ่ ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่า การมีฐานที่มั่นคงทางอารมณ์ (Secure Base) และการสร้างความรู้สึกปลอดภัยเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
 

ในความสัมพันธ์แบบคู่รัก ทฤษฎีการผูกพันอธิบายว่า เราพยายามสร้างความรู้สึกปลอดภัยและการตอบสนองทางอารมณ์ให้แก่กันและกัน คล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ดูแล เมื่อเราเรียกคนรักว่า ‘ที่รัก’ หรือ ‘ตัวเอง’ เราไม่ได้แค่แสดงความรัก แต่กำลังส่งสัญญาณว่า “ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อคุณ คุณปลอดภัยเมื่ออยู่กับฉัน” ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการพื้นฐานในการได้รับความรักและการดูแลตามหลักทฤษฎีการผูกพัน

น่าสนใจมากที่รูปแบบการผูกพันของเราส่งผลต่อการเลือกใช้คำเรียกแฟนด้วย ตามทฤษฎีการผูกพัน เราสามารถแบ่งรูปแบบการผูกพันหลัก ๆ ได้เป็น 4 แบบ คือ แบบมั่นคง (Secure), แบบวิตกกังวล (Anxious), แบบหลีกเลี่ยง (Avoidant) และแบบกลัวการผูกพัน (Fearful-Avoidant)

คนที่มีรูปแบบการผูกพันแบบมั่นคง (Secure Attachment) มักมีประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเด็ก ทำให้มีความมั่นใจในความสัมพันธ์และรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความรัก พวกเขาจึงมักจะใช้คำเรียกแฟนที่แสดงความรักและความใกล้ชิดอย่างเปิดเผย เช่น ‘ที่รัก’ ‘ตัวเอง’ หรือชื่อเล่นที่แสดงความอ่อนโยน

ในขณะที่คนที่มีรูปแบบการผูกพันแบบหลีกเลี่ยง (Avoidant Attachment) อาจเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่สนับสนุนการแสดงออกทางอารมณ์ พวกเขาจึงรู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดมากเกินไป และมักเลือกใช้คำที่ดูเป็นทางการ เช่น ‘คุณ’ หรือ ‘นาย’ ซึ่งสะท้อนถึงการรักษาระยะห่างทางอารมณ์และความต้องการความเป็นอิสระ
 

ส่วนคนที่มีการผูกพันแบบวิตกกังวล (Anxious Attachment) อาจชอบใช้คำเรียกแฟนบ่อย ๆ และใช้คำที่แสดงความเป็นเจ้าของหรือการยึดติด เช่น ‘ของฉัน’ ‘คนของผม’ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าความสัมพันธ์นั้นมั่นคง

สังเกตไหมว่าคู่รักหลายคู่ชอบพูดกันด้วยน้ำเสียงหรือคำพูดแบบเด็ก ๆ เช่น ‘หมูอ้วน’ ‘ตัวเองง’ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก งานวิจัยจาก Cornell University พบว่า การใช้ภาษาแบบเด็ก (Baby Talk) ช่วยกระตุ้นความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย คล้ายกับความรู้สึกของเด็กในอ้อมแขนของผู้ใหญ่ที่รัก คำพูดเหล่านี้ไม่ได้น่ารักอย่างเดียว แต่ยังช่วยเสริมสร้างสายใยทางอารมณ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย

การสร้าง ‘ภาษาลับ’ ระหว่างคู่รักถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มีความพิเศษ เมื่อคุณมีคำเรียกหรือมุกตลกเฉพาะที่มีแต่คุณสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ มันจะสร้างความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคุณมีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

นักวิจัย ‘James Pennebaker’ ยังค้นพบว่า การใช้คำที่แสดงถึงความรักในรูปแบบของคำเรียกแฟน มีผลต่อการเชื่อมโยงทางอารมณ์อย่างลึกซึ้ง เวลาที่คุณเรียกแฟนว่า ‘ที่รัก’ คุณไม่ได้แค่พูดคำๆ หนึ่ง แต่กำลังกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ที่ช่วยให้ทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น

เมื่อมองภาพรวมแล้ว การเรียกชื่อแฟนด้วยคำพิเศษจึงเป็นมากกว่าแค่คำเรียก แต่เป็นภาษาแห่งความรักที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและอบอุ่น คำเล็ก ๆ ที่เราใช้เรียกกันทุกวันจึงมีพลังมากกว่าที่เราคิด มันช่วยเสริมสร้างความรู้สึกปลอดภัย สร้างโลกส่วนตัวของคู่รัก และทำให้ความสัมพันธ์ของเรามีสีสันและความเป็นเอกลักษณ์ 

อย่างไรก็ตาม ‘คำเรียกแฟน’ เป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดความมั่นคงหรือความสุขในความสัมพันธ์

 

เรียบเรียง: พาฝัน 
ภาพ: Pexels 

อ้างอิง: 
     Bowlby, J. (1988). A Secure Base: Parent-Child Attachment and Healthy Human Development.
     Hazan, C., & Shaver, P. R. (1987). Romantic love conceptualized as an attachment process.
     Bruess, C. J., & Pearson, J. C. (1993). "Sweet Pea and Pookie Bear: Using Secret Names to Mark Relationship Development in Couples." Personal Relationships, 1(1), 69-79.
     Pennebaker, J. W., & Stone, L. D. (2003). Words of wisdom: Language use over the life span. Journal of Personality and Social Psychology, 85(2), 291-301.