12 พ.ย. 2567 | 15:44 น.
“แอบข่มอารมณ์น้อยใจในส่วนลึก รู้ไหมว่าฉันรู้สึกเหมือนความสัมพันธ์
คลุมเครือยังไงไม่รู้ อาการที่ดูเหมือนคบกัน แต่ไม่เห็นว่ามันจะเกินกว่าคนทั่วไป
เธอบอกว่าปลื้มใครต่อใครยังไง เหมือนเธอไม่รู้เลยว่า เจ็บนะ บางทีก็สงสัย
ว่าฉันเป็นแฟนของเธอหรือเปล่า ความจริงเรารักกันไหม
เวลาใครถามฉันควรตอบเขายังไง”
ใครฟังเพลง ‘ตกลงเราเป็นอะไรกัน’ ของ ‘Gear Knight’ แล้วรู้สึกอิน อดไม่ได้ที่จะเผลอร้องคลอตามเบา ๆ แล้วอยู่ดี ๆ น้ำตาก็ไหลหยดแหมะแบบห้ามไม่ได้ บางทีบทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจในความสัมพันธ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ก็ได้นะ
ถ้าคุณไม่ได้กำลังคบกับคนที่มีโลกหลายใบ ซึ่งจำเป็นต้องแสดงท่าทีเหินห่างกับคุณยามที่อยู่ในที่สาธารณะ มีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนรักของคุณเป็นคนประเภท ‘Emotionally Unavailable’ คือเป็นคนที่ไม่มีความพร้อมทางอารมณ์ หมายถึง สภาวะที่บุคคลไม่สามารถเชื่อมโยงกับผู้อื่นในระดับอารมณ์ได้ ซึ่งอาจสะท้อนออกมาในรูปแบบของความเย็นชา สงวนท่าที ขาดความเห็นอกเห็นใจ หลีกเลี่ยงการสนทนาที่ลึกซึ้ง ดูเหมือนจะไม่สนใจ หรือถอยห่างเมื่อเกิดความตึงเครียดทางอารมณ์
ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สนใจ แต่พวกเขาเพียงพบว่า มันยากที่จะแสดงหรือประมวลผลความรู้สึกในทางที่ดี เนื่องจากบางคนกลัวที่ตัวเองจะรู้สึกเปราะบาง กลัวที่จะเจ็บปวด หรือกลัวที่จะรับความรู้สึกที่เอ่อล้น บ้างก็พยายามปิดกั้นความรู้สึกจากประสบการณ์ในอดีต เช่น การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครพูดถึงหรือยอมรับความรู้สึก
ผู้ที่ขาดความพร้อมทางอารมณ์มักจะรักษาความสัมพันธ์ไว้เพียงผิวเผินเพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป แต่เมื่อต้องแชร์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้นหรือพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตกับคู่ พวกเขาอาจหลีกเลี่ยงหรือปิดตัวเอง
บางครั้งความไม่พร้อมทางอารมณ์ก็เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวหลังเกิดความเครียด เช่น การต้องรับมือกับการสูญเสียงานหรือปัญหาครอบครัว หรือบางกรณี พวกเขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาวะไม่พร้อมทางอารมณ์ เพราะเป็นนิสัยที่ติดตัวมานาน
โชคไม่ดีที่คนทั่วไปมักดูไม่ค่อยออกว่า ใครเป็นพวก Emotionally Unavailable บ้าง หนำซ้ำคนเหล่านี้หลายคนยังมีทักษะทำให้คนรักมีความหวังว่าความสัมพันธ์ในอนาคตจะสวยงาม
ต่อไปนี้เป็นสัญญาณที่จะช่วยบอกว่า คนรักของคุณเป็นพวก Emotionally Unavailable หรือ คนที่ไม่มีความพร้อมทางอารมณ์ หรือไม่?
เขาไม่ชอบวางแผน: คนที่อยู่ในสภาวะ Emotionally Unavailable มักไม่ค่อยเต็มใจทำตามแผน ทั้งแผนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงแผนที่สำคัญมาก ๆ เช่น เมื่อคุณนัดเจอกันสัปดาห์หน้า เขาอาจแสดงความกระตือรือร้นที่ได้ยิน แต่พอถามว่าจะนัดเจอกันวันไหนดี เขาแค่ตอบว่า “ขอดูก่อน” แล้วก็หายเงียบไป หลังจากนั้นก็จะมีข้ออ้างนั่นนี่จนคุณเป็นฝ่ายเบื่อไปเอง
เขากำหนดทุกอย่างเอง: ตอนที่คุณทั้งสองเจอกันแรก ๆ เขามักเลือกทำกิจกรรมที่เหมือน ๆ กับคุณ ซึ่งโดยมากแล้วเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับกิจวัตรประจำวันของคุณทั้งคู่ แต่ต่อมาก็เริ่มเปิดซีรีส์เรื่องโปรดในเน็ตฟลิกซ์ให้คุณดู ทั้งที่คุณไม่เคยดูมาก่อน ไม่ก็ขอให้คุณช่วยทำงานบ้าน ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาเลย ตราบใดที่เขายอมทำกิจกรรมตามที่คุณสนใจบ้าง แต่กลายเป็นว่า เขาไม่เคยถามเลยว่าคุณอยากทำอะไร หรือดูหงุดหงิดเมื่อคุณไม่ยอมทำตามแผนของเขา ถ้ามาถึงจุดนี้อาจถึงเวลาที่คุณต้องพิจารณาแล้วว่า ความสัมพันธ์นี้มันใช่แบบที่คุณต้องการหรือเปล่า?
มีแต่คุณที่ประคับประคองความสัมพันธ์: คุณแทบจำไมได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาส่งข้อความมาก่อน คือเมื่อไหร่? และตอนนี้คุณเริ่มรู้สึกหงุดหงิดแล้วที่เขาไม่เคยนัดเดทหรือเริ่มแผนใด ๆ เลย นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่เขาจะไม่สนใจคุณ เขาอาจชอบใช้เวลากับคุณในตอนที่ตัวเองสะดวก แต่ก็ไม่ได้อยากทุ่มเทกับคุณขนาดนั้น
เขาหลีกเลี่ยงการระบุสถานะ: คนที่ไม่มีความพร้อมทางอารมณ์อาจมีปัญหาเรื่องความไว้ใจและกังวลเรื่องความใกล้ชิด ถึงแม้ว่าคุณจะไปเดท ค้างคืนด้วยกัน พบปะเพื่อนของกันและกัน แล้ว แต่เขาก็ยังไม่อยากคุยเรื่องสถานะอย่างเป็นทางการ หมายความว่า ตราบใดที่คุณยังคบหากันแบบสบาย ๆ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้สวย แต่เมื่อคุณพยายามว่ายน้ำไปสู่ห้วงน้ำที่ลึกขึ้น เขาอาจจะรีบเตลิดหนีขึ้นฝั่งไปสู่จุดที่ปลอดภัยกว่า
คุณไม่รู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้น: ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ เขาจะเผยให้เห็นถึงความเปราะบางหรือพร่ำบอกคุณว่าเขามีความสุขเพียงใดที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับคุณ แต่ความสัมพันธ์ของพวกคุณก็ไม่เคยเข้าใกล้คำว่า ‘จริงจัง’ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้คุณทุ่มเทสรรพกำลังให้กับความสัมพันธ์นี้ ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจเขาสักที แต่จนแล้วจนรอดคุณก็จะค้นพบว่า ตัวเองเสียพลังไปเปล่า ๆ
เขาเลี่ยงที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริง: คุณลองสังเกตดูว่าเขามีแพตเทิร์นในการแสดงความรู้สึกหรือไม่ หรือเขามักจะตอบกลับสิ่งที่คุณพูดออกมาว่า “รู้สึกเหมือนกันเลย” โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบพูดถึงความรู้สึกตัวเอง แต่เมื่อมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแล้ว การเชื่อมโยงกันในระดับอารมณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย หากคู่ของคุณไม่สามารถเปิดใจได้ แม้คุณจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาและถามคำถามตรง ๆ บางทีเขาอาจอยู่ในสภาวะไม่พร้อมทางอารมณ์
เขามักจะมาสายและไม่สนใจแผน: การไม่รักษาคำพูดหรือมาสายเป็นประจำอาจเป็นเหตุผลให้คุณรู้สึกเหนื่อยกับความสัมพันธ์ แม้เขาจะขอโทษอย่างจริงใจ แต่ลึก ๆ แล้ว เขายังคงใส่ใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการมากกว่า และมีปัญหาในการปรับโครงสร้างชีวิตเพื่อรวมคุณเข้าไปด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาไม่พร้อมที่จะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากกว่าความต้องการของตัวเอง
ประสบการณ์ทั้งหมดที่เล่ามานี้อาจทำให้คุณเกิดความรู้สึกหงุดหงิด ไม่แน่ใจในตัวเอง และรู้สึกว่าคุณเป็นคนเดียวที่ทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์นี้ ร้ายสุดอาจทำให้บางคนอยู่ในภาวะซึมเศร้า
หากคุณพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและพบว่า ความสัมพันธ์ที่คุณมีอยู่ อีกฝ่ายกำลังอยู่ในภาวะไม่พร้อมทางอารมณ์ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ “ยอมรับปัญหาโดยไม่โทษตัวเอง” คุณต้องเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวกับตัวเขา ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณค่าในตัวคุณไม่ได้ลดน้อยถอยลงจากพฤติกรรมต่าง ๆ ของเขา
หากคุณสมัครใจที่จะอยู่ในความสัมพันธ์นี้ต่อไป คุณควร “กำหนดขอบเขตทางอารมณ์ที่ชัดเจน” โดยแจ้งให้คู่ของคุณทราบว่าคุณต้องการอะไร และพฤติกรรมใดของเขาที่คุณคิดว่าไม่เหมาะสม หากเขายังเพิกเฉยต่อความรู้สึกของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องแสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลต่อคุณอย่างไร และโปรดจำเอาไว้ว่า การกำหนดขอบเขตไม่ใช่การควบคุมคู่ของคุณ แต่เป็นการปกป้องสุขภาพทางอารมณ์ของคุณ และช่วยให้พวกเขารู้ว่าคุณมีขอบเขตอยู่ที่ไหน และคุณต้องการอะไรจากความสัมพันธ์ เพื่อความรู้สึกปลอดภัยและมีคุณค่า
ที่ต้องทำควบคู่กันคือการ “เน้นการดูแลตัวเองและความต้องการทางอารมณ์ของคุณ” ลองใช้เวลากับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข เติมพลัง และรู้สึกว่าได้รับการซัพพอร์ต เช่น การใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ การทำงานอดิเรก หรือการพูดคุยกับนักบำบัด อีกข้อที่สำคัญคือ “หลีกเลี่ยงการพยายามแก้ไขคู่ของคุณ” เพราะการไม่พร้อมทางอารมณ์เป็นสิ่งที่คู่ของคุณต้องแก้ไขด้วยตัวเอง คุณทำได้เพียงสนับสนุนและให้กำลังใจ แต่ไม่สามารถทำหน้าที่ทางอารมณ์แทนพวกเขาได้ การพยายามแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงพวกเขา จะยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเหนื่อยล้าเปล่า ๆ
สุดท้ายหากยังไม่รู้สึกดีขึ้น คุณควร “ประเมินความสัมพันธ์อีกครั้ง” โดยท่องเอาไว้เสมอว่า “มันไม่เป็นอะไรเลย หากเราจะเดินจากไป” เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความต้องการของคุณไม่ได้รับการตอบสนอง นั่นถือเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับคุณเช่นกัน
เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Pexels
อ้างอิง:
พ่อแม่ที่ไม่มีอารมณ์: สัญญาณ ผล และต้องทำอย่างไร
10 signs your partner is emotionally unavailable — and what to do about it