Madi Paidi Bangkok : โอเอซิสในย่านราตรีที่ไม่มีวันหลับจาก Autograph Collection

ถ้าให้ลองนึกชื่อย่านเริงรมย์ในกรุงเทพฯ แบบไว ๆ จะมีชื่อไหนผุดขึ้นมาในหัวเพื่อน ๆ บ้างคะ?

เดาว่าบางท่านน่าจะมีคำตอบว่า ‘ทองหล่อ’ ออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งแต่ละคนก็น่าจะให้คำนิยามให้กับพื้นที่ตรงนี้แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ส่วนตัว

แต่สำหรับย่านราตรีที่ไม่มีวันหลับอย่างทองหล่อนั้น นอกจากจะเลื่องชื่อเรื่องความสนุกสนานหลังแสงอาทิตย์สงบแล้ว หลายคนยังไม่รู้ว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่งหลบซ่อนอยู่เป็นเอกเทศท่ามกลางความวุ่นวาย เสมือนโอเอซิสสำหรับพักผ่อนอันแสนสบาย ซึ่งสวนทางกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนส่วนใหญ่ที่สัญจรไปมาในย่านนี้

และในวันนี้ ThePeopleGo จะชวนมาพักกาย พักใจ ลิ้มรสเสน่ห์เฉพาะตัวกันที่นี่ ‘มาดี ไปดี กรุงเทพ’ โรงแรมที่มีสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเครือ ‘ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น’ (Autograph Collection) แห่งแรกในประเทศไทย

โดยเสน่ห์ของโรงแรมในเครือออโตกราฟ คอลเล็คชั่น จะเป็นการนำเสนอความเป็นดั้งเดิมของแต่ละพื้นที่ ทำให้โรงแรมในแต่ละประเทศ จะมีองค์ประกอบของความพิเศษจากทำเลที่ตั้งแตกต่างกันออกไป เช่น บางที่เป็นการรีโนเวทมาจากพระราชวังเก่า การตกแต่งด้านในจึงคงความหรูหราและเรื่องราวของสถานที่นั้นไว้ หรือในบางประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องฝ้าย (Cotton) ก็จะมีการนำเอาฝ้ายมาผลิตเป็นข้าวของเครื่องใช้ ในโรงแรมเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวเอกลักษณ์ท้องถิ่นของพื้นที่นั้น ๆ

ตัดกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อทาง ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น ได้มาพบกับซอย ‘ไปดี มาดี’ หรือ ‘สุขุมวิท 53’ ที่แม้ว่าจะเป็นซอยที่ขนานไปกับซอยทองหล่อก็ตาม แต่กลับมีลักษณะเฉพาะนั่นคือความเงียบสงบ เหมาะแก่การเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน ซึ่งมีความแตกต่างจากซอยทองหล่อที่เป็นเต็มไปด้วยคนพลุกพล่านตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนโดยสิ้นเชิง

ด้วยคุณลักษณะทางทำเลเช่นนั้น ผนวกกับการที่ทาง ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น ได้มาเปิดในประเทศไทยเป็นที่แรก พวกเขาจึงอยากจะผสานเรื่องราวของ ‘ความเป็นไทย’ ให้เข้ากับชื่อซอยอย่าง ‘ไปดี มาดี’ มาตั้งเป็นชื่อของโรงแรม โดยสลับคำนิดหน่อยจาก ‘ไปดี มาดี’ ให้เป็น ‘มาดี ไปดี’ ซึ่งเป็นการต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยความอบอุ่น ก่อนจะอวยพรให้ผู้โดยสารที่มาพักให้จากไปอย่างมีสวัสดิภาพ นอกจาก ‘ไป’ กับ ‘มา’ แล้ว ทางโรงแรมก็ยังให้ความสำคัญกับการ ‘อยู่ดี’ ของแขกผู้มาเยือนอีกด้วย ถือเป็นการหลอมรวมคอนเซปต์โดยล้อไปกับเรื่องราวของสถานที่ตามแบบฉบับของ Autograph Collection ไว้ได้ครบถ้วน

โดยที่ ThePeopleGo จะพาไปเดินเล่นสำรวจโรงแรมแห่งนี้กัน และที่บอกว่า ‘เป็นโรงแรมที่มีสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบสุด ๆ’ นั้นจะเป็นอย่างไร? ซึ่งเราจะเริ่มกันตั้งแต่ล็อบบี้ จนถึงโซนห้องพัก และขึ้นไปจนถึงสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นวิวพาโนราม่ากันเลยทีเดียว 

ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ยยยย!!!!

 

“สวัสดีค่ะ ทานข้าวมาหรือยังคะ?”

ความประทับใจแรกของเราเริ่มต้นขึ้นที่ประโยคนี้ค่ะ

สำหรับการทักทายของพวกเราคนไทยอาจไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่กับคำนี้มาก เพราะถูกใช้ถามเป็นปกติสำหรับคนในครอบครัวที่เรารัก หากแต่การทักทายแบบนี้เกิดขึ้นกับการเข้าพักโรงแรม ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เคยได้ยินที่ไหนใช้คำกล่าวทักทายด้วยประโยคแบบนี้มากนัก เพราะปกติเวลาไปเข้าพักในโรงแรมทั่วไปก็จะได้รับเพียง “สวัสดี” หรือ “ยินดีตอนรับ” เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่คำทักทายที่ว่า “กินข้าวหรือยัง?” สามารถทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการต้อนรับกลับบ้านจากคนคุ้นเคย ที่อวลไปด้วยความอบอุ่นและความหวังดี ซึ่งถือเป็นเสน่ห์แรกที่ชัดเจนและไม่เหมือนที่ไหนเลยค่ะ

อีกทั้งการเลือกใช้คำทักทายแบบนี้ ยังสะท้อนไปถึงความใส่ใจในการปูคอนเซ็ปต์การถ่ายทอดเรื่องราวของสถานที่นั้น ๆ ในแบบของ ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น ที่หยิบยกธรรมเนียมปฏิบัติของไทย มาใช้เป็นกิมมิกน่ารัก ๆ อย่างหนึ่งด้วยค่ะ

เสน่ห์ถัดมาที่ผู้มาเยือนน่าจะสัมผัสได้เป็นลำดับถัดไปก็คงหนีไม่พ้นสิ่งที่ห้อมล้อมตัวของพวกเขาอยู่ ซึ่งก็คือสไตล์การตกแต่งของโรงแรมที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความร่วมสมัยออกมาได้อย่างกลมกล่อม โดยเลือกนำเสนอภูมิปัญญาไทยดั้งเดิมผ่านการเครื่องสานที่ใช้มาประดับเป็นลวดลายของผนัง อีกทั้งยังมีการเลือกใช้การ์ตูนลายไทยแทรกอยู่ตามที่ต่าง ๆ  จนกลายเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของมาดีไปดี ที่ผู้เข้าพักสามารถสังเกตได้ทันทีที่เมื่อก้าวเข้ามาในโรงแรม

โทนสีที่ใช้ก็มีความคอนทราสที่น่าดึงดูดโดยเลือกใช้เป็นสีคู่ตรงข้าม นอกจากจะดูโมเดิร์นทันสมัยแล้วยังแฝงกลิ่นอายของคอนเซ็ปต์ความแตกต่างและรากเหง้าทางวัฒนธรรมของพื้นที่ในโรงแรมมาดีไปดีกับซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความเริงรมย์ยามราตรีออกมาได้อย่างน่าค้นหา

เมื่อเดินขึ้นมาถึงที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นโซนของห้องพัก จะเจอกับเหล่าน้อง ๆ การ์ตูนยกมือไหว้และโบกมือลา ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งมาจากการออกแบบโดยใช้ศิลปะแบบ ‘อะกาโมกราฟ’ (Agamograph) ที่ก็น่าจะคุ่นเคยกันดีจากการเรียนในวิชาศิลปะ มาเป็นลูกเล่นในการเล่าเรื่องราว สื่อถึงวัฒนธรรมไทยที่มักจะอวยพรแขกที่มาเยี่ยมเยียนให้มาดีและไปดีอยู่เสมอ

โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมไซส์น่ารักที่มีทั้งหมด 9 ชั้น และมีห้องพักรวมถึงห้องสวีททั้งหมด 56 ห้อง

โดยห้องพักทุกห้องจะแบ่งออกเป็นทั้งหมดสามสี ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสีของอัญมณีมงคลสัญชาติไทย ได้แก่ บุษราคัม (สีเหลือง), ไพลิน (สีน้ำเงิน) และ มรกต (สีเขียว) แต่ละสีก็จะให้ความหมายไม่เหมือนกัน

อย่างห้องสีเหลือง จะให้ความรู้สึกสว่างสดใจ และสนุกสนาน อีกทั้งตัวบุษราคัมเองก็ให้ความหมายไปในเรื่องของการเสริมโชคลาภ บารมี นำพาความโชคดีมาให้แก่ผู้ครอบครอง

ถัดมาห้องสีน้ำเงินซึ่งเป็นตัวแทนของไพลิน ด้วยสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกสงบเยือนเย็น แต่แฝงไปด้วยความสง่าผ่าเผยที่น่าเกรงขาม อีกทั้งในแง่ของไพลินที่นิยมถูกถือครองโดยผู้มีอำนาจจากชนชั้นสูงนั้น ทำให้เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าอีกด้วย 

และสุดท้ายคือห้องสีเขียวที่หยิบยกอัญมณีอย่างมรกตมาใช้ในการถ่ายทอดเรื่องราว ซึ่งความพิเศษของห้องประเภทนี้คือความกว้างและห้องที่แยกสัดส่วนอย่างชัดเจน โดยสีเขียวให้นิยามไปถึงจุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่งในโลก เป็นสีแห่งความอุดมสมบูรณ์และร่มเย็น เมื่อมาผนวกเข้ากับมรกตที่ถือว่าเป็นอัญมณีล้ำค่า มูลค่าสูงชนิดหนึ่งแล้ว จึงให้ความหมายไปถึงการมั่งคั่ง ร่ำรวยและเป็นอมตะอีกด้วย

นอกจากโทนสีและสไตล์การตกแต่งที่เลือกมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ยังคงคอนเซ็ปต์การอวยพรไว้เช่นเดิมโดยมีการประดับด้วย ‘เฉลว’ — เครื่องรางนำโชคที่สานด้วยไม้ — ที่สื่อถึงการอวยพรให้ผู้เข้าพัก ‘อยู่ดี’ และ ‘โชคดี’ และเนื่องด้วยแนวคิดที่อยากจะบอกเล่าความเป็นไทยให้ได้มากที่สุด ทางโรงแรมจึงเลือกใช้สินค้าต่าง ๆ ที่มีแหล่งผลิตมาจากประเทศไทย เพื่อสนับสนุนสินค้าของคนไทย และสร้างระบบหมุนเวียนที่ดีภายในเศรษฐกิจของประเทศ 

หากผู้เข้าพักคนไหนมาในโอกาสสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ สามารถแจ้งกับโรงแรมได้ ทางโรงแรมมีบริการจัดตกแต่งพิเศษให้ เพื่อเป็นเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ในแต่ละโอกาสได้ค่ะ

สำหรับแขกคนพิเศษที่เป็นสมาชิกของทางแมริออท บอนวอย จะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกไปอีกขั้นอย่างมินิเกม ‘Treasure Hunt’ หรือ ‘ล่าสมบัติ’ โดยเราจะได้รับคำใบแรกมาตั้งแต่รีเซ็ปชั่นเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการตามคำใบ้ถัดไป และเมื่อเราตามหาคำใบ้ได้ครบ เราก็จะเจอกับ ‘สมบัติ’ ที่ถูกซ่อนไว้ เกมนี้นับเป็นความตั้งใจขอทางโรงแรมที่อยากจะสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้เข้าพัก ที่ไม่เพียงแค่การมาพักเฉย ๆ 

ลืมบอกไป ถ้าใครหาสมบัติเจออย่าลืมเอากลับบ้านกันนะ 

โรงแรมมาดี ไปดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้เข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนส ที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบของบ้านเมืองย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ เรียกได้ว่ายกพื้นที่ชั้นดาดฟ้าทั้งหมดให้กับกิจกรรมสำหรับสายสุขภาพโดยเฉพาะ 

หรือสำหรับผู้เข้าพักที่ไม่ได้มีแพลนออกไปไหน แต่อยากจะจิบเครื่องดื่มชิล ๆ ช่วงค่ำ ที่โรงแรมก็มีบาร์ด้านล่างในโซนห้องอาหารเอกะลักษณ์ให้บริการ 

โดยห้องอาหาร ‘เอกะลักษณ์’ (EKKALUCK Bangkok) ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของตัวโรงแรมถัดจาก Reception การตกแต่งยังเป็นสไตล์เดียวกับโรงแรมที่อยากจะคงความเป็นไทย โดยมีแรงบันดาลใจมาจากตู้กับข้าวสมัยก่อน ที่จะใช้ไม้ในการทำตัวตู้และเสริมด้วยกระจกดอกพิกุลให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับกินข้าวที่บ้านของคุณตา คุณยายตั้งแต่สมัยเด็กเลยค่ะ และด้วยการออกแบบที่ใช้เพดานสูงและกระจกบานยาว จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารรู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัด

สำหรับเมนูอาหารจะมีคอนเซ็ปต์คือการทวิสต์ โดยจะนำอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับอาหารต่างชาติที่มีความแตกต่างทั้งรสชาติและรสสัมผัส ทำให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความชอบหลากหลาย โดยใส่ความครีเอทีฟเข้าไป เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ ๆ ผ่านอาหารทุกจานที่นำมาเสิร์ฟ 

วัตถุดิบต่าง ๆ ที่เลือกใช้ก็รับมาจากแหล่งผลิตภายในประเทศ อย่างเช่นจานนี้ 
‘ไทยวากิว’ (Thai Wagyu) สเต็กเนื้อวากิวไทยสุดพรีเมียมที่คัดสรรคมาจากจังหวัดสกลนคร เสริมด้วยมะแขว่นเครื่องเทศจากภาคเหนือ ให้รสที่เผ็ดและซ่าคล้ายหมาล่าของจีน ทานคู่กับมันบดเนื้อละเอียด สามารถเพิ่มมิติของจานนี้ได้ดี ถือว่าเป็นเมนูที่ชูวัตถุดิบจากทั้งสองภาคออกมาได้อย่างลงตัว

หรือจะเป็นอีกเมนูอย่าง ‘เต้าหู้คลองแงะ’ เมนูยอดนิยมจากภาคใต้ โดยเต้าหู้มีเนื้อสัมผัสด้านนอกกรอบ ทอดออกมาไม่อมน้ำมัน และเนื้อด้านในมีความครีมมี่ให้ความรู้สึกเหมือนคัสตาร์ด ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษรสชาติเข้มข้น สามารถตัดเลี่ยนได้ดี นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอีกมากมายที่รังสรรค์ออกมาด้วยความพิถีพิถัน สมความเป็นเอกลักษณ์ (เอกกะลักษณ์) ตามชื่อของห้องอาหารที่คุณผู้อ่านสามารถมารับประสบการณ์เหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง

ห้องอาหารเอกะลักษณ์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้ายาวไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถมาใช้บริกาห้องอาหารได้นะคะ รับรองว่าที่นี่บรรยากาศดีเหมาะกับทุกโอกาสสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นมาเดต มาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือจะมาเป็นครอบครัวก็เหมาะเหมือนกันค่ะ

อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือจะมีน้องเวสป้าคันสีฟ้าจอดรอให้บริการอยู่ สำหรับแขกผู้เข้าพักท่านไหนที่ต้องการจะเดินทางไปสถานที่ใกล้ ๆ สามารถแจ้งกับทางโรงแรมเพื่อให้พนักงานไปส่งได้ค่ะ หรือสำหรับชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่ไม่คุ้นชินกับการโดยสารผ่านรถมอเตอร์ไซต์แล้วอยากจะลองมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการมาเยือนครั้งนี้ ก็สามารถแจ้งกับพนักงานให้ลองพานั่งได้เช่นกันค่ะ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนะธรรมและสร้างการรับรู้ใหม่อีกด้วย

การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ซับซ้อนเพราะทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อซึ่งเป็นย่านใจกลางเมือง เชื่อมต่อไปไหนก็ง่ายเดินทางสะดวก หรือจะนั่ง BTS มาลงสถานีทองหล่อก็ได้ โดยออกทางออก 1 จะเจอกับป้ายซอยสุขุมวิท 53 (ไปดี มาดี) เดินเข้ามาไม่ไกลก็จะพบกับตัวโรงแรมแล้วค่ะ 

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ‘มาดี ไปดี กรุงเทพ ออโตกราฟ คอลเล็คชั่น’ นับเป็นโรงแรมที่สามารถนิยามได้ว่าให้ความรู้สึกเหมือนเป็น Second Home ที่อบอุ่นพร้อมอ้าแขนเปิดรับทุกความต้องการ และมุ่งมั่นนำเสนอเรื่องราวความเป็นไทยในหลายแง่มุมเพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่ว่าประเทศอะไร เมื่อก้าวเข้ามาจวบจนกลับไปจะต้องหวนนึกถึง ไทยแลนด์ อย่างแน่นอน

หากคุณผู้อ่านคนไหนกำลังสนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อน หรืออยากได้รับประสบการณ์ที่มากกว่าแค่การมานอนโรงแรมเฉย ๆ  ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่อยากแนะนำให้มาลอง และเชื่อว่าตลอดการอยู่ที่นี่จะ ‘อยู่ดี’ ‘มาดี’ และ ‘ไปดี’ แน่นอนค่ะ