22 มิ.ย. 2567 | 13:00 น.
ภายหลังจากที่รัฐบาลเขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macao SAR Government) ได้มีแผนที่จะขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวไปสู่นานาชาติมากขึ้น ‘MGM’ (เอ็มจีเอ็ม) หรือ ‘MGM China Holdings Limited’ ผู้ดำเนินกิจการและพัฒนารีสอร์ตด้านความบันเทิงและโรงแรมแนวหน้าในประเทศจีน ก็ได้เริ่มดำเนินแผนแคมเปญโปรโมตเป็นครั้งแรกและครั้งใหญ่เพื่อที่จะดึงดูดผู้คนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มาเยือนมาเก๊ามากขึ้น โดยเริ่มจาก กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน ไปจนถึง 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ทาง MGM จะมีการจัดงานกิจกรรมสุดพิเศษขึ้นมากมายที่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น ‘Magnificent Gala Master Dinner Event’ งานเปิดตัวและดินเนอร์สุดพิเศษสำหรับแคมเปญในครั้งนี้, ‘MGM Travel Trade Luncheon’ งานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อฉายภาพให้ทั้งภาครัฐและสื่อมวลชนเห็นถึงศักยภาพของมาเก๊าในฐานะจุดหมายการท่องเที่ยว, หรือแม้แต่ ‘Macanese Food Promotion’ กิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อนำเสนอความพิเศษของอาหารมาเก๊า (Macanese Food) ตั้งแต่วันที่ 15 ไปจนถึงวันที่ 29 มิถุนายน
นอกจากนั้นแล้ว MGM ยังได้ร่วมงานกับสำนักงานการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาเก๊า (Macao Government Tourism Office) ในงาน ‘Experience Macao Roadshow in Bangkok’ เพื่อสานสัมพันธ์ในแง่ต่าง ๆ กับตลาดในประเทศไทยในช่วงวันที่ 14 - 16 มิถุนายน
ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่าง ๆ จากแคมเปญหรือจะเป็นการร่วมงานกับรัฐบาลมาเก๊า ก็มาจากเป้าหมายจาก MGM ที่มุ่งนำเสนอ ฉายภาพ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษในด้านความบันเทิงและการพักอาศัย (Entertainment and Lodging) หรือเสน่ห์ในด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy) สู่สายตาของเหล่านักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเฉพาะกับนักท่องเที่ยวชาวไทย
ความพิเศษเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่มื้ออาหารเย็นของวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567 กับงานกาล่าเปิดตัวแคมเปญ ‘Magnificent Gala Master’ ที่จัดขึ้นที่โรงแรม Rosewood Bangkok ภายในงานมีแขกผู้มีเกียรติกว่า 150 คน จากหลากหลายแวดวง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากภาครัฐ ผู้นำทางธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้คนที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ภายในงานยังมีเมนูอาหารชั้นเลิศที่มาจากการฟิวชันระหว่างสองวัฒนธรรมและการแสดงจากศิลปินทั้งไทยและมาเก๊าอีกด้วย
“สิ่งหนึ่งที่ MGM ยึดถือเสมอมาคือการเป็นหนึ่งในพลังที่สนับสนุนรัฐบาลมาเก๊าในการมุ่งหน้ายกระดับเศรษฐกิจวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเราให้ไปสู่เวทีระดับโลก”
‘แพนซี โฮ’ (Pansy Ho) ประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร MGM ไชน่าโฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในงาน Magnificent Gala Master
“การที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างเสริมและกระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างกันและกันที่หยั่งรากลึกมานานผสานเข้ากับวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตที่กำลังจะมาถึงก็เป็นสัญญาณที่บอกได้อย่างชัดเจนว่าอนาคตระหว่างไทยกับมาเก๊านั้นจะสว่างไสวอย่างแน่นอน”
แพนซี โฮ ยังกล่าวต่อว่า “นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่บันดาลให้ MGM มุ่งมั่นนำเสนอชุดกิจกรรมที่จะพาทุกท่านดำดิ่งลึกและชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเราพยายามจะขับเคลื่อน รวมถึงเป็นการพิสูจน์ว่าศิลปะและวัฒนธรรมคือภาษาที่ไร้พรมแดน และพิสูจน์ว่า MGM คือเสน่ห์ที่ตัวตนเฉพาะแห่งมาเก๊าที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกแห่งหน ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ตาม”
นอกจากนั้น ‘ฮิวเบิร์ต หวาง’ (Hubert Wang) ประธานบริหารและประธานฝ่ายปฏิบัติการ MGM ไชน่าโฮลดิ้งส์ จำกัด ก็ได้กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มาใช้บริการรีสอร์ต MGM ที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วว่า
“ประเทศไทยถือเป็นตัวแทนของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุด และเติบโตขึ้นเร็วที่สุดของ MGM นอกจากนั้น การที่มีไฟลท์บินโดยตรงระหว่างกรุงเทพฯ - มาเก๊า ผสานเข้ากับการแสดงของศิลปินไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่ MGM ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ไปพักที่ MGM เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า จึงเป็นสิ่งที่ช่วยชี้ให้เราเห็นถึงรสนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อ MGM และมาเก๊า
“และด้วยแคมเปญการโปรโมตนอกประเทศครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครนี้ เราคาดหวังว่าจะนำเสนอศิลปะและความบันเทิงสุดพิเศษมากมายสู่สายตาของชาวไทย ไปพร้อม ๆ กับเปิดโอกาสให้ได้ลิ้มลองเสน่ห์ของอาหารจากมาเก๊าที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย เราคาดหวังว่าจะให้พวกเขาได้ลองมีประสบการณ์กับมาเก๊าในฐานะ ‘เมืองแห่งศิลปะการแสดง’ (City of Performing Arts) และ ‘เมืองสร้างสรรค์แห่งการท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ (Creative City of Gastronomy) และเพื่อตอกย้ำภาพจำของมาเก๊าในฐานะศูนย์กลางนานาชาติ”
นอกจากนั้นแล้ว ในวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ก็ได้มีงาน ‘MGM Travel Trade Luncheon’ งานเลี้ยงอาหารกลางวันที่จัดขึ้นที่ Glass House, Nai Lert Park Heritage Home เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงศักยภาพของมาเก๊าในฐานะจุดหมายการท่องเที่ยว โดยในวันนั้นได้มีตัวแทนจากภาคการท่องเที่ยวและสื่อสารมวลชนกว่า 150 คนมารวมตัวกัน โดย MGM ได้กล่าวถึงข้อเสนออย่าง ‘tourism+’ ซึ่งก็คือโครงการที่เต็มไปด้วยโปรเจกต์มากมายจาก MGM ที่จะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในมาเก๊าให้ยกระดับขึ้นไปกว่าเดิม
ภายในงาน ‘Iwan Dietschi’ รองประธานอาวุโสฝ่ายการดูแลรับรองของ MGM ก็ได้กล่าวในงานถึงความคาดหวังและการเน้นย้ำของเขาในการจะทำให้มาเก๊าและ MGM เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยการชูเสน่ห์และความหลากหลายของอาหารที่น่าจะเข้ากับความเป็นไทย
“ที่ MGM เรามีร้านอาหารจีนกวางตุ้งอย่าง Imperial Court และอาหารจีนเสฉวน Five Foot Road ที่การันตีโดยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Black Pearl หรือ Michelin ซึ่งทั้งคู่จะเป็นการยกระดับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารจีนท้องถิ่นให้พิเศษไปยิ่งกว่าเดิม และด้วยการใส่ในทุกๆรายละเอียดทำให้ร้านอาหารนี้ได้รับรางวัลอันทรางเกียรติมากมาย นอกเหนือจากนี้ทางรีสอร์ทได้มีการจ้างเชฟและพนักงานต้อนรับคนไทยหลายตำแหน่งเพื่อเป็นการรองรับคนไทยให้รู้สึกยังได้รับการดูแลที่ดีเมื่อมาเที่ยว”
โดยความพิเศษของอาหารมาเก๊าคือการที่มันเป็นการผสมผสานสไตล์การทำอาหารระหว่างโปรตุเกสกับจีน รวมไปถึงวัตถุดิบจากยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะให้รสชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และวัฒนธรรมทางอาหารนี้ก็เป็นกระจกสะท้อนการสืบสานวัฒนธรรมที่ส่งต่อกันมาหลายศตวรรษ มันคือภาพแทนของการผสมผสานที่หลากหลายของวัฒนธรรมอาหารของมาเก๊า
นอกจากนั้น Iwan ยังกล่าวต่ออีกว่า “MGM มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ พัฒนา และส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมไปสู่คนรุ่นถัดไปด้วยการสนับสนุนการท่องเที่ยวในด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะความพยายามในการฟื้นฟูพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊าอย่างพื้นที่บาร์รา (Barra) ที่อยู่ใกล้เคียงกับวัดอาม่า (A-Ma Temple) สถานที่ที่ UNESCO ยกให้เป็นมรดกโลก
“เคียงคู่กันไปนั้น MGM ก็มุ่งหมายที่จะนำเสนอ ‘Tourism+’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากทั้ง MGM, MACAO และ MGM COTAI การริเริ่มเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะช่วยตอกย้ำความพยายามของ MGM ในการสร้างแผนและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครซึ่งกิจกรรมไม่มีการข้องเกี่ยวกับเกมส์ อาทิเช่น การท่องเที่ยว + ศิลปะ การท่องเที่ยว + วัฒนธรรม การท่องเที่ยว + อาหาร เป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกว่าเราให้ความสำคัญกับศิลปะ วัฒนธรรม และความบันเทิง”
นอกจากนั้นก็ยังมีงานกิจกรรมและโปรเจกต์อีกมากมายจาก MGM ที่จะทำให้เราเห็นคุณค่าและความน่าสนใจในเสน่ห์การท่องเที่ยวในมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็น ‘Macanese Food Promotion’ หรืองานโรดโชว์ ‘Experience Macao มามะ มาเก๊า’ ที่ CentralWorld เมื่อวันที่ 14 - 16 มิถุนายน 2567 ทั้งหมดทั้งมวลก็ถือเป็นโปรเจกต์และความพยายามจาก MGM ที่จะดึงเอาเสน่ห์ของ ‘มาเก๊า’ และยกระดับสู่สายตาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้แต่สากลโลก
โครงการริเริ่มต่างๆ มากมายตอกย้ำความพยายามของ MGM ในการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครซึ่งห่อหุ้มความคิดริเริ่มและนวัตกรรมผ่านศิลปะและวัฒนธรรม ความบันเทิง และการใช้เทคโนโลยี และสิ่งเหล่านี้คือ DNA ของ MGM ในทุกสิ่งที่เราทำ เรากำลังพยายามนำเสนอสิ่งที่เรียกว่า 'L'art de vivre' ซึ่งเป็นศิลปะแห่งการใช้ชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้ มันเป็นทัศนคติ วิถีชีวิต ที่สามารถสื่อสารผ่านประสบการณ์ที่ทีมงานของเราคัดสรรมาเพื่อแขกของเราเท่านั้น
ประสบการณ์ "Tourism+" บางส่วน ได้แก่ "The International Lion Dance Championship - MGM Cup" ซึ่งเป็นงานพิเศษประจำปีที่ส่งเสริมหนึ่งในกีฬาทางวัฒนธรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของมรดกจีนมากที่สุด การแข่งขันชิงแชมป์ปี 2567 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 และ 6 ตุลาคม โดยคณะเชิดสิงโตจากสหพันธ์กีฬาวูซูดราก้อนและเชิดสิงโตแห่งประเทศไทยจะเข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงถ้วยเอ็มจีเอ็ม
หนึ่งในอัญมณีล้ำค่าที่สุดใน “กล่องเครื่องประดับ” ของโคไท – MGM COTAI – คือโรงละครแบบไดนามิกแห่งแรกของเอเชียที่มาพร้อมกับข้อกำหนดทางเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงที่นั่งที่ออกแบบเป็นพิเศษพร้อมที่นั่งมากกว่า 10 ที่นั่ง และขนาดมหึมา 12K จอ LED ที่มีขนาดเท่ากับสนามเทนนิสมาตรฐาน 3 สนาม ซึ่งทำให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมที่มีความหลากหลายสูง ภายในสิ้นปี 2567 โรงละคร MGM จะเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ MGM 2049 ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งร่วมสร้างสรรค์โดย MGM และผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีนชื่อดังระดับโลก จาง อี้โหมว ซึ่งเป็นตัวเร่งในการขับเคลื่อนภาคส่วนวัฒนธรรมและความบันเทิงของเมืองให้ก้าวไปสู่ระดับใหม่
ในบรรดา "ศิลปะที่มีชีวิต" ทุกรูปแบบ มีความโดดเด่นเนื่องจากมีการชื่นชมบ่อยครั้งที่สุดในชีวิตประจำวัน - ความเพลิดเพลินในการรับประทานอาหารที่ไร้ที่ติ “จากแขกชาวไทยที่เราได้รับจากโรงแรม MGM ทั้งสองแห่ง เราพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่ชื่นชอบอาหารกวางตุ้งและอาหารเสฉวน พวกเขาชอบการผสมผสานระหว่างอาหารทะเลกับอาหารที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติ” ดร.ดีทชิกล่าวว่า
“ในขณะที่เราอยู่ในเมือง เราต้องการใช้โอกาสในการนำเสนออาหารที่โดดเด่นของมาเก๊า และถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ นั่นคืออาหารมาเก๊า ซึ่งมีคุณสมบัติของอาหารทะเลและเครื่องเทศด้วย”
อาหารมาเก๊ามีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสี่ศตวรรษ เป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบการทำอาหารโปรตุเกสและจีน ซึ่งรวมถึงวัตถุดิบจากยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาหารนี้เป็นภาพสะท้อนของการผสมผสานที่หลากหลายของวัฒนธรรมอาหารของมาเก๊าและมรดกที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก
สำหรับอาหารมาเก๊า MGM ยังเฉลิมฉลองมรดกที่ได้รับจากอาหารประจำภูมิภาคของจีนสองรายการ ได้แก่ อาหารเสฉวนและกวางตุ้ง หรือที่เรียกอย่างเจาะจงว่า “หลิงหนาน” ในท้องถิ่น ร้านอาหาร Five Foot Road ของเมืองเฉิงตู-เสฉวน ที่โรงแรม MGM COTAI ได้รับรางวัลดาวมิชลิน 1 ดาวและรางวัล One-Diamond ใน Black Pearl จากการนำเสนอรสชาติ 24 รสชาติที่ไร้ที่ติ ในขณะเดียวกัน Imperial Court MGM MACAU ได้รับรางวัล One-Diamond ในรางวัล Black Pearl ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับงานฝีมือที่พิถีพิถันในทุกจาน เนื่องจากได้ตีความความคลาสสิกใหม่ด้วยส่วนผสมที่ดีที่สุดที่ดึงดูดใจรสชาติอาหารกวางตุ้ง
“MGM มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ พัฒนา และส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมสู่คนรุ่นต่อไป โดยการสนับสนุนการท่องเที่ยวในด้านศิลปะและวัฒนธรรม ความบันเทิง และการทำอาหารเชิงสร้างสรรค์” ดร. Diestchi กล่าว “เราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันในเสาหลักที่แตกต่างกันเหล่านี้จะนำเสน่ห์ของมาเก๊าออกมาอย่างแน่นอนและยกระดับสู่สายตาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก
และเป็นมากกว่าสิ่งที่ทำให้อิ่มท้องที่ดึงดูดแขกจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมโรงแรมทั้งสองแห่งของ MGM ในมาเก๊า นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่เติมเต็มความปรารถนาของหัวใจในความสะดวกสบายและบริการที่เป็นเลิศอีกด้วย คุณสมบัติทั้งสองถูกสร้างขึ้นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของมาเก๊า พวกเขาได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัลในสาขาสถาปัตยกรรม ความยั่งยืน และผลงานการรับประทานอาหาร
เมื่อรีสอร์ททั้งสองมารวมกัน MGM ได้รับรางวัลห้าดาวจาก Forbes ถึง 7 รางวัล โดยที่ MGM MACAU ได้รับรางวัลระดับห้าดาวจาก Forbes Travel Guide เป็นเวลาเก้าปีติดต่อกัน ในขณะที่ MGM COTAI, Skylofts และ Emerald Tower ได้รับรางวัล Forbes รางวัลห้าดาวเป็นครั้งที่สามในปี 2024 นอกจากนี้ Emerald Villa ซึ่งตั้งอยู่บนยอด Emerald Tower ยังได้รับรางวัลระดับ 5 ดาวในประเภท Best Hotel Interior Macau - Asia Pacific ในงาน International Property Awards ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งได้รับการยกย่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก Emerald Villa เป็นส่วนเสริมล่าสุดในกลุ่มที่พักสุดหรูของ MGM; วิลล่าทั้ง 28 หลังแต่ละหลังเปรียบเสมือนหีบสมบัติที่เต็มไปด้วยชิ้นงานศิลปะอันงดงามและองค์ประกอบทางวัฒนธรรม ทำให้แขกได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่ไร้ขอบเขตที่ซึ่งสุนทรียภาพสมัยใหม่มาบรรจบกับมรดกทางวัฒนธรรมของจีนแบบดั้งเดิม Emerald Villa แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการแสวงหางานฝีมืออันวิจิตรบรรจงของ MGM และจิตวิญญาณ "ความคิดริเริ่ม + นวัตกรรม"
“เราได้สร้างรีสอร์ทครบวงจรเหล่านี้สำหรับแขกจากทั่วทุกมุมโลก และเราอยู่ที่นี่ในฐานะทีมเพื่อทำให้รีสอร์ทเป็นจริงด้วยความหลงใหล ความสามารถ ความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นของเรา” ดร. Dietschi กล่าว “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับเพื่อนใหม่และแขกจากประเทศไทยเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความงดงามของ MGM กับเราในอนาคตอันใกล้นี้”