แพท มาร์ติโน ผู้เรียกความทรงจำกลับคืนหลังผ่าสมองด้วยเสียงกีตาร์

แพท มาร์ติโน ผู้เรียกความทรงจำกลับคืนหลังผ่าสมองด้วยเสียงกีตาร์

ผู้เรียกความทรงจำกลับคืนหลังผ่าสมองด้วยเสียงกีตาร์

ทุกครั้งที่นักกีตาร์ แพท มาร์ติโน (Pat Martino) ออกอัลบั้มใหม่ มิตรรักแฟนเพลงคงอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เขาน่าจะเป็นนักกีตาร์เพียงคนเดียวในโลกนี้ ที่ต้องเริ่มต้นฝึกกีตาร์ถึง 2 ครั้ง 2 หนในชีวิต หนแรก-สมัยเมื่อเป็นวัยรุ่นที่ยังเปี่ยมพลังการในเรียนรู้ เพียงอายุ 15 ปี ก็แกะไลน์โซโลกีตาร์ของ จอห์นนี สมิธ ได้เกือบทุกเพลง ส่วนหนหลัง คือการต่อสู้เพื่อเรียกความทรงจำของตัวเองกลับคืน หลังจากอาการเจ็บป่วยทางสมองได้กระชากทุกอย่างให้สูญหายไปจากชีวิต น่ายินดีที่การฝึกกีตาร์ครั้งที่ 2 ประสบความสำเร็จด้วยดี ไม่เพียงความทรงจำที่กลับคืนมา หาก แพท ยังเชื่อมต่อประสบการณ์การเล่นกีตาร์ทั้งสองครั้งได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว นอกจาก ทัล ฟาร์โลว์ เจ้าของฉายา "ออคโทพัส" แล้ว ในกลุ่มนักกีตาร์ที่เล่นได้เร็วและแรง เพราะได้รับอิทธิพลจากรูปแบบดนตรี "บ็อพ" ที่พัฒนาสืบเนื่องมาถึงยุค "โพสต์-บ็อพ" เห็นจะหนีไม่พ้น แพท มาร์ติโน นักกีตาร์ที่มีสุ้มเสียงเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดคนหนึ่ง แพท มาร์ติโน มีชื่อจริงว่า แพท อัซซารา (Pat Azzara) เกิดเมื่อปี ค.ศ.1944 ปัจจุบันอายุ 74 ปี เขาได้รับอิทธิพลทางดนตรีจาก คาร์เมน อัซซารา พ่อของเขาเอง ซึ่งเป็นทั้งนักร้องและนักกีตาร์ประจำคลับต่างๆ ในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ได้มีการบันทึกไว้ว่าพ่อของแพทเคยเรียนดนตรีกับนักกีตาร์แจ๊สรุ่นบุกเบิก นาม เอ็ดดี แลงก์ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1904-1933 แพท เริ่มเล่นกีตาร์เมื่ออายุ 12 ปี เขายอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจหลังจากพ่อพาเขาไปชมคอนเสิร์ตของนักกีตาร์รุ่นใหญ่ นามว่า เวส มอนต์โกเมอรี "ผมรู้สึกชื่นชมพ่อตลอดเวลา อยากทำให้ท่านประทับใจ ผลลัพธ์ที่ตามมา คือแรงผลักให้ผมหันมาสนใจในพลังสร้างสรรค์อย่างจริงจัง" ความรักในดนตรี ทำให้ แพท ตัดสินใจหันหลังให้โรงเรียน ทั้งที่เรียนได้แค่เกรด 10 โดยหันมาทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมกีตาร์อย่างจริงจัง เขาเรียนดนตรีเพิ่มเติมกับ เดนนิส แชนเดล และมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดทางดนตรีกับศิลปินแจ๊สที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์ นั่นคือ จอห์น โคลเทรน โรงเรียนชั้นดีในโลกแห่งการค้นหาเสียงดนตรีของ แพท คือคลับที่แสดงดนตรีแจ๊ส อาทิ วิลเลจ แวนการ์ด, วิลเลจ เกท ในนครนิวยอร์ก หรือ เป็ป และ โชว์โบท ในฟิลาเดลเฟีย ซึ่งไม่ใช่เพียงดนตรีที่แสดงอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นเท่านั้น หากยังรวมถึงผู้คน ควันบุหรี่ และบรรยากาศโดยภาพรวม ซึ่งเอื้อให้นักกีตาร์ที่เรียนรู้จากภาคสนามคนนี้สามารถถ่ายทอดเสียงดนตรีได้อย่างลุ่มลึกและเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ มากยิ่งกว่านักดนตรีรุ่นหลังจำนวนไม่น้อยที่อาจจะผ่านการเรียนรู้อย่างเป็นระบบในรั้วสถาบัน หากความคิดอ่านของพวกเขากลับถูกจำกัดด้วยกรอบทางด้านเทคนิคต่างๆ อย่างน่าเศร้าใจ เพราะหลงลืมไปว่าดนตรีนั้นสำคัญที่การสื่ออารมณ์มากกว่าวิธีการ นอกจาก เวส มอนต์โกเมอรี และ จอห์น โคลเทรน แล้ว แพท ยอมรับว่าผลงานของศิลปิน อย่าง สแตน เก็ทซ์ และ จอห์นนี สมิธ ก็มีอิทธิพลต่อความคิดทางดนตรีในยุคต้นๆ ของเขา หลังออกจากโรงเรียน แพท ฝึกฝนดนตรีจนได้งานแสดงดนตรีตามคลับท้องถิ่นในเมืองฟิลาเดลเฟีย เขาเคยเล่นในวงของ ลอยด์ ไพรซ์, แจ็ก แม็กดัฟฟ์, จอห์น แฮนดี มีโอกาสประชันความสามารถบนเวทีกับ สไลด์ แฮมพ์ตัน และ เร็ด ฮอลโลเวย์ กระทั่งอายุได้ 20 ปี ความสามารถทางดนตรีของ แพท ก็ฉายแววจนได้เซ็นสัญญากับสังกัด เพรสทิจ และมีอัลบั้ม El Hombre ออกมาในปี ค.ศ.1967 ต่อมาในปี ค.ศ.1976 แพท เริ่มเผชิญหน้ากับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ซึ่งกลายมาเป็นความเจ็บป่วยทางสมอง ในปี ค.ศ.1980 แพทย์ลงความเห็นให้เขาเข้ารับการผ่าตัดสมอง แม้จะมีการเซ็นสัญญาเข้าสู่สังกัด วอร์เนอร์ ในปีนั้น แต่น่าเสียดายว่าปีนั้นไม่มีผลงานใดออกมาแม้แต่ชิ้นเดียว ยกเว้น Joyous Lake ที่เป็นงานเก่าต่อเนื่องมาจากปี ค.ศ.1976 โลกรับรู้ชะตากรรมของเขาในเวลาต่อมา เพราะภายหลังการผ่าตัดครั้งนั้น แพทสูญเสียความทรงจำของตัวเองเกือบทั้งหมด เขาจำพ่อแม่ได้เพียงลางๆ จำกีตาร์และอาชีพนักดนตรีของตนเองไม่ได้ ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดว่าแพทจะกลับมาสร้างสรรค์เสียงดนตรีได้อีกต่อไป เขาหายหน้าไปจากวงการเพลง ระหว่างปี ค.ศ.1980-1987 โดยมีพ่อแม่คอยดูแลระหว่างการพักฟื้น ระหว่างนั้น เขาฟื้นฟูความทรงจำด้วยการฟังผลงานบันทึกเสียงเก่าๆ ของตนเอง ซึ่งในความเห็นของเขา มันไม่ต่างไปจาก "...เพื่อนเก่าคนหนึ่ง ประสบการณ์จากจิตวิญญาณที่ยังคงสวยงามและจริงใจ..." วันหนึ่งในปี ค.ศ.1987 วงการแจ๊สต้องตื่นตะลึงในความมหัศจรรย์ เมื่อ แพท มาร์ติโน นักกีตาร์ผู้สูญเสียความทรงจำจากการผ่าตัดสมอง กลับมาปรากฏตัวได้อีกบนเวทีการแสดงเล็กๆ ในคลับแห่งหนึ่ง ชื่อว่า "แฟ็ท ทิวสเดย์ส" ในนครนิวยอร์ก การแสดงสดครั้งนั้น แพท สามารถเรียกรอยยิ้มทั้งน้ำตาให้แก่ทุกคน ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งได้กลายมาเป็น The Return งานบันทึกเสียงชุดแรกหลังการพักฟื้น ภายใต้สังกัด มิวส์ อย่างไรก็ตาม แพท หายหน้าจากวงการอีกครั้ง เพื่อดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา จนทั้งคู่เสียชีวิตลงในเวลาไล่เลี่ยกัน การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ภายหลังการฟื้นฟูสภาพสังขารของตนเอง คือสัจธรรมของชีวิตที่โหมประดังสู่โลกส่วนตัวของนักกีตาร์ผู้นี้ ทว่า เขายอมรับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างสงบและเยือกเย็น รอจนพร้อมจะลุกขึ้นยืน เพื่อกลับมาทำงานดนตรีอีกครั้ง หลังจากนั้น แพท มาร์ติโน มีงานแสดงและงานบันทึกเสียงอย่างต่อเนื่อง ผลงานที่น่าสนใจในระยะต่อมา ของ แพท มาร์ติโน ประกอบด้วย All Sides Now และ Stone Blue รวมถึงการอัดแผ่นกับวงจอยอัส เลค (ออกกับสังกัดบลูโน้ต) เล่นดูเอ็ทกับนักกีตาร์ "มานูเอล บาร์เรอกา" และเป็นแขกในอัลบั้มของ "แจ็ค แมคดัฟฟ์" และ "ไซรัส เชสต์นัท" ระหว่างการทัวร์ญี่ปุ่น เขาได้พบกับ อะยาโกะ อะซาฮี (Ayako Asahi) ทั้งคู่แต่งงานกันในปี ค.ศ. 1995 แพท มีผลงานบันทึกเสียงเป็นจำนวนมาก เขาได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย รวมถึงการได้รับเลือกให้เป็น Guitar Player of the Year จากโพลส์สำรวจผู้อ่านของนิตยสาร Down Beat ในปี ค.ศ. 2004 ล่าสุด ในปี ค.ศ. 2017 เขาผลิตวิดีโอในรูปแบบสื่อการสอนชื่อว่า A Study of the Opposites and How They Manifest on the Guitar" ให้แก่ TAGAPublishing.com ครั้งหนึ่ง แพท มาร์ติโน เคยแสดงทัศนะทางดนตรีไว้ว่า "กีตาร์ก็คือสิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่คล้ายกับดินสอหรือปากกา ตราบใดที่ผมคุ้นเคยกับเครื่องมือนี้จนมันได้กลายมาเป็นธรรมชาติที่สองของผม จนผมไม่คิดว่าจะต้องเล่นมันอย่างไร หรือไม่สะดวกในการใช้มันอย่างไร สิ่งที่ผมคิด เหนืออื่นใด ก็คือจะใช้มันทำอะไรได้บ้าง เหมือนกับดินสอหรือปากกา ข้อความที่ปรากฏออกมาย่อมสำคัญกว่าวิธีการใช้มัน ดังนั้น ผมจึงพุ่งความสนใจอย่างลึกซึ้งไปยังสาระสำคัญเหล่านั้น ผมไม่แม้แต่จะคิดถึงเครื่องมือเหล่านี้ในระหว่างที่ผมกำลังใช้มันสร้างสรรค์เลยด้วยซ้ำ"