16 ต.ค. 2563 | 19:20 น.
อาชีพนักการเมืองคงไม่ใช่อาชีพในฝันของเด็กหลาย ๆ คน เวลาที่ถูกถามว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” บางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะรู้ว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากจะทำสิ่งใด เช่นเดียวกับ นายแพทย์คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ หรือที่เรารู้จักเขาในชื่อ ‘หมอเอ้ก’ เขาก็เป็นอีกคนที่มักจะเฝ้าถามตัวเองเสมอด้วยคำถามเดิม ๆ ว่า “อะไรคือสิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ ?” แน่นอนว่าธรรมชาติของมนุษย์คือการอยู่เพื่อค้นหาเป้าหมายของชีวิต หากไร้สิ่งนั้น การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ก็คงเกิดขึ้นได้ยาก หลังใช้ชีวิตในฐานะหมอรักษาผู้ป่วยอยู่หลายปี สุดท้าย หมอเอ้กก็ได้ค้นพบเป้าหมายชีวิตที่เขาอยากจะขับเคลื่อนมันไปข้างหน้า เขาค้นพบบทบาทใหม่ที่จะสามารถดูแลผู้คนได้มากขึ้น นั่นคือ บทบาท ‘นักการเมือง’ ปัจจุบันหมอเอ้กสวมหมวกหลายใบ ไล่ตั้งแต่ เป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม The People ได้มีโอกาสนั่งคุยกับชายคนนี้ในหลากหลายประเด็น เริ่มตั้งแต่ชีวิตในฐานะนายแพทย์ จนไปถึงอุดมการณ์ทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงที่เขาอยากจะเห็นในประเทศไทย The People : แรงบันดาลใจในการเป็นหมอ นพ.คณวัฒน์ : จริง ๆ แล้วตอนเด็ก ๆ ผมเป็นลูกคนเดียว คุณพ่อเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วก็เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณแม่ก็มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน มาจากเพชรบูรณ์ แล้วก็มาอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน เราเป็นครอบครัวขนาดเล็ก มีแค่พ่อแม่แล้วก็ลูก 3 คน ตอนนั้นเหตุผลที่เลือกตรงนี้เพราะว่ารู้สึกแค่ว่าอยากรักษาพ่อแม่ตัวเอง สิ่งที่อยากเป็นหมอตอนนั้นจริง ๆ ก็เลือกอยู่ 2 อย่าง ระหว่างรัฐศาสตร์กับแพทยศาสตร์ แต่ตอนนั้นด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวไป ทำให้รู้สึกว่าเราก็คงต้องอยากเลือกทางนี้ เพราะว่าในอนาคตถ้าเกิดพอเราโตขึ้นก็คงไม่มีใครดูแลเขา The People : การเมืองอยู่กับตัวเราตั้งแต่เด็กแล้ว? นพ.คณวัฒน์ : จริง ๆ ถ้าให้พูดวันนั้นคงไม่รู้หรอก แต่วันนี้พอเริ่มมีโอกาสได้ทำงานทางสายนี้บ้าง ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำนโยบายบ้าง เรื่องของการเมืองบ้าง พอมองย้อนกลับไปมันก็น่าคิด อย่างคุณพ่อผม ครอบครัวคุณพ่อเมื่อก่อนมีสวนยางอยู่ที่ใต้ เอาเป็นว่าพอมีฐานะบ้าง แต่คุณพ่ออาจจะเกเร ไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่หัวอาจจะไว ก็ไม่รู้ที่ท่านเล่ามาเมื่อก่อนจริงหรือเปล่านะครับ ก็เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ ฝั่งคุณแม่อยู่ที่เพชรบูรณ์ ครอบครัวคือทำเกษตรกรรม ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย พอมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เชื่อไหมครับว่าทั้งคุณพ่อกับคุณแม่แตกต่างกันมาก คุณพ่ออินมากเรื่องการเมือง เคยเล่าให้ผมฟังว่าถึงขนาดที่ว่าต้องขับมอเตอร์ไซค์ไปเลือกตั้ง ไปลงคะแนนให้กับผู้สมัครท่านหนึ่ง ก็คืออินมาก รู้สึกว่าเสียงของเขามีความหมาย ก่อนจะไปลงคะแนนก็นั่งฟังวิทยุว่าโพลล์ใครนำ ใครมาแรง