03 มี.ค. 2568 | 17:43 น.
KEY
POINTS
ดูเหมือนคำว่า ‘แบงก์ชาติ’ จะเป็นศัพท์บัญญัติเฉพาะ ที่สื่อมวลชนไทยใช้เรียก ‘ธนาคารกลาง’ หรือ ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’
โดยทั่วไป หน้าที่ของธนาคารกลาง หรือ Central Bank, Reserve Bank หรือ Monetary Authority คือการกำหนดนโยบายการเงิน เพื่อสร้างระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ รักษาระดับราคาของสินค้าและบริการให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว หรือเปลี่ยนแปลงมากจนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน
ธนาคารกลางของประเทศไทย คือ ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ (Bank of Thailand) หรือ แบงก์ชาติ มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่ระดมเงินทุนจากการขายพันธบัตรให้กับรัฐบาล
แบงก์ชาติ ริเริ่มมาตั้งแต่ในยุครัชกาลที่ 5 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ซึ่งเป็นผู้ดูแลกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ (กระทรวงการคลังในปัจจุบัน) ต้องการสร้างหน่วยงานของรัฐมาเพื่อพิมพ์แบงก์ เนื่องจากเงินพดด้วงที่ใช้อยู่ขณะนั้นเริ่มไม่เพียงพอจากสภาวะเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต
ตราบถึงยุคปัจจุบัน ที่แบงก์ชาติมีภารกิจหลักเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ โดยมี ‘กระทรวงการคลัง’ เป็นผู้ดูแลเรื่องรายได้ของประเทศ และ ‘สำนักงบประมาณ’ รับผิดชอบด้านรายจ่ายของรัฐ
ในทางการเมือง ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน คือ ‘ความเป็นอิสระของแบงก์ชาติ’ เพราะแบงก์ชาติเป็นหน่วยงานที่เกิดขึ้นจากกระทรวงการคลัง เพื่อปฎิบัติงานร่วมกันตั้งแต่ต้น
เรื่องความเป็นอิสระของแบงก์ชาติเป็นข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนแรก คือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ภายใต้แนวคิดที่ว่า ผู้ใช้เงิน (กระทรวงการคลัง) กับผู้พิมพ์เงิน (แบงก์ชาติ) ต้องมีกลไกการทำงานที่แยกออกจากกัน
โดยตำแหน่งสำคัญในธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจาก ‘ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ’ แล้ว ตำแหน่ง ‘ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ’ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เพราะเป็นผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การปรับอัตราดอกเบี้ย การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการกับวิกฤติทางการเงิน
นอกจากนี้ ยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน อาทิ บริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ ดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
ทว่าการเมืองทุกยุคทุกสมัย นักการเมืองที่กำกับดูแลกระทรวงการคลัง มักมีมุมมองทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกับผู้ว่าแบงก์ชาติ เห็นได้ชัดจากข่าวคราวความขัดแย้งทางความคิดและนโยบายระหว่างผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนปัจจุบัน กับรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง
จึงเป็นที่จับตามอง ถึงการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ที่จะเข้ามากำกับดูแลการทำงานของผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ จนกระทั่งล่าสุดได้ตัวประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาผู้นั้นมีนามว่า ‘สมชัย สัจจพงษ์’
“เราจะไปเกาะประเทศที่เติบโตดีและเร็ว เช่น จีน อินเดีย หรือแอฟริกาใต้ หากประเทศเหล่านี้โต เราก็จะโตตามไปด้วย กินจนเราอ้วน แต่เมื่อเกิดเศรษฐกิจขาลง เราจะย้ายไปโตกับประเทศอื่นแทน เราจะเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับทุกประเทศ ไม่ใช่เป็นคู่แข่ง”
นี่คือแนวคิดหลักของ ‘เห็บสยามโมเดล’ ของ ‘สมชัย สัจจพงษ์’ ผ่านการแสดงปาฐกถาในงานเสวนา ‘เศรษฐกิจโลกขยับก้าว เศรษฐกิจไทยขยับไกล: กบข. เดินหน้าอย่างไร’ จัดขึ้นโดย ‘กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ’ หรือ ‘กบข.’ ในปี พ.ศ. 2559
โดยในขณะนั้น สมชัย สัจจพงษ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเรื่องการใช้คำว่า ‘เห็บ’ แทนประเทศ หากในความคิดของสมชัย สัจจพงษ์ เป็นไปเพื่ออธิบายแนวทางการทำงานที่ไม่ยึดติดอยู่ในวงจรเศรษฐกิจที่ไม่ดี หรือหลงอยู่ในวังวนปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น
เพราะ เห็บสยามโมเดล คือการเน้นไปที่การทำให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในวัฏจักรเศรษฐกิจซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งบางครั้ง อาจมีความเสี่ยงจากการเผชิญปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
เป็นการสะท้อนถึงความต้องการที่จะหาทางออก และค้นหาแนวทางใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความยั่งยืน และเข้มแข็งมากขึ้น
การได้รับคัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ทำให้ชื่อของ สมชัย สัจจพงษ์ ถูก Search ผ่าน Google และ ChatGPT อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ‘พิชัย ชุณหวชิร’ ออกมายืนยันว่า กระทรวงการคลังได้เสนอชื่อ สมชัย ชิงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
จนในที่สุด สมชัย สัจจพงษ์ เจ้าของแนวคิด เห็บสยามโมเดล จะได้รับการคัดเลือกให้เป็น ‘ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนที่ 5’
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสงครามตัวแทนรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยยุค ‘เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’
หลังจาก ‘ปรเมธี วิมลศิริ’ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนปัจจุบันได้หมดวาระลงตั้งแต่ 16 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา โดยมี เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ในฐานะรองประธานบอร์ด ทำหน้าที่รักษาการประธานบอร์ดชั่วคราว
สมชัย สัจจพงษ์ ถือเป็นบุคคลผู้มีประสบการณ์ ความรู้ในด้านการคลัง และเศรษฐศาสตร์ จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะได้รับปริญญาโท และปริญญาเอกจาก Ohio State University สหรัฐอเมริกา
หลังจบ ป.เอก เข้าทำงานเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะเศรษฐศาสตร์ Ohio State University และบินกลับมาเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ประมาณ 10 ปี สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ให้กับนิสิต และนักศึกษาระดับปริญญาโท ในมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นต้น รวมถึงรับตำแหน่งบรรณาธิการที่ปรึกษาวารสารการเงินการคลัง
สมชัย สัจจพงษ์ เคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) รุ่นที่ 3 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 2/2549 สถาบันวิทยาการตลาดทุน หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่นที่ 20 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) รุ่นที่ 2 ปี 2552 สถาบันวิทยาการค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หลักสูตรวุฒิบัตรการกำกับดูแลกิจการสำหรับกรรมการและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรกำกับดูแล (Regulator) รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนปี 2554 สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) รุ่น 3 ปี 2556 สถาบันวิทยาการพลังงาน หลักสูตร Directors Certification Program (DCP) 75/2006 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
สำหรับเส้นทางรับราชการของ สมชัย สัจจพงษ์ ต้องถือว่าเป็น ‘ลูกหม้อ’ กระทรวงการคลัง เพราะเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (พ.ย.2539 – ธ.ค.2540) ผู้อำนวยการกองนโยบายวางแผนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจกรคลัง กระทรวงการคลัง (ธ.ค.2540 – มิ.ย.2543) ‘ยุคต้มยำกุ้ง’
ผู้อำนวยการกองนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (19 มิ.ย.2543 – 26 ธ.ค.2543) ผู้อำนวยการกองนโยบายและวางแผนงานการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (27 ธ.ค.2543 – 6 ก.พ.2546) ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารความเสี่ยงด้านการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (7 ก.พ.2546 – 26 มี.ค.2546)
ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (27 มี.ค.2546 – 15 ต.ค.2546) รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (16 ต.ค.2546 - 28 ม.ค.2550) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (29 ม.ค.2550 - 30 ก.ย.2551) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (1 ต.ค.2551 - 30 ก.ย.2552)
อธิบดีกรมศุลกากร (1 ต.ค.2552 – 30 ก.ย.2553) ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (1 ต.ค.2553 – 30 ก.ย.2554) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (1 ต.ค.2554 - 26 มิ.ย.2557) อธิบดีกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง (พ.ศ.2557 - 2558) ปลัดกระทรวงการคลัง (พ.ศ.2558 - 2561) ‘ยุค COVID’
เคยเป็นประธาน และคณะกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจ อาทิ ประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ประธานคณะกรรมการธนาคารออมสิน และบอร์ดการไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น
ในภาคเอกชน สมชัย สัจจพงษ์ เคยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ประธานกรรมการ/ประธานกรรมการพิจารณาการลงทุน บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), กรรมการ บริษัท เอสโซฟิน จำกัด, กรรมการ บริษัท โปรเช็กเกอร์ จำกัด, กรรมการ บริษัท โปรการาจ จำกัด, กรรมการ บริษัท ศูนย์วิชาการอาคเนย์ จำกัด, กรรมการ บริษัท อาคเนย์มันนี่ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท อาคเนย์มันนี่ รีเทล จำกัด เป็นต้น
สมชัย สัจจพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2504 ปัจจุบันอายุ 64 ปี
เรื่อง: จักรกฤษณ์ สิริริน
ภาพ: ศูนย์ภาพเครือเนชั่น (Nation Photo)