31 ม.ค. 2564 | 00:03 น.
หลังจากแคน-นายิกา ศรีเนียน จบการศึกษาทั้งจากวงไอดอล BNK48 และจบการศึกษา (จริง ๆ) ในระดับปริญญาตรี เธอได้ก้าวสู่วัยทำงานในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาซอฟต์แวร์เกมและอีสปอร์ต สองเท้าเราก้าวเดินตามแคนไปเคาะประตูเยี่ยมบ้านของคนในพื้นที่แถบรามอินทรา 40 วันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบเดินคล่อง ต่างจากภาพชุดกระโปรงสีสดใสที่เคยคุ้น แคนเล่าให้ฟังว่า เธอเจอคำถาม ‘อยากเป็นนายกรัฐมนตรีไหม’ มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่ชื่อ ‘นายิกา’ มีความหมายว่า นายกฯ หญิง ซึ่ง ณ ช่วงวัยของบัณฑิตจบใหม่นี้เธอเองก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างแน่ชัดว่าอยากเป็นนายกฯ ไหม แต่สิ่งหนึ่งที่แคนบอกเราอย่างมั่นใจ คือ เธอมีใจที่อยากจะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น และนี่คือบทสนทนาที่เล่าถึงมุมมองและการเติบโตหลังแคน-นายิกา ผันตัวมาทำงานด้านการเมืองอย่างเต็มตัว The People : เริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่เมื่อไร แคน : จริง ๆ มันเริ่มมาจาก หนึ่ง ครอบครัวเราบางคนเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว เราจะได้ยินปัญหาต่าง ๆ เข้ามาค่อนข้างบ่อย บางครั้งที่เราติดพ่อไปทำงาน เราก็จะไปเจอปัญหาที่รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมคุณภาพชีวิตของคนมันยังไม่เท่ากัน มันเกิดความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้น เราก็รู้สึกว่า เราอยากเปลี่ยนแปลงมันนะ มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราอยากแก้ไข ก็เลยสนใจการเมืองเริ่มจากแบบนี้มาเรื่อย ๆ แต่มากที่สุดก็คงเป็นช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา มันเห็นภาพได้ชัดที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศบ้าง เหมือนได้รู้ว่างบประมาณของเราจริง ๆ มันก็มีค่อนข้างเยอะ แต่ทำไมมันถูกจัดสรรได้อย่างไม่ถูกต้อง ไม่มีประสิทธิภาพ เงินบางส่วนที่เอาไปลงกับบางสิ่งบางอย่าง มันอาจจะไปทำสิ่งที่เกิดผลประโยชน์ได้ดีกว่านี้ The People : คุณไปม็อบครั้งแรกตอนไหน แคน : ถ้าไปครั้งแรกด้วยตัวเองจริง ๆ ด้วยความคิดของเราเลยคือม็อบล่าสุด ม็อบของคนรุ่นใหม่เพราะเรารู้สึกว่าประเทศควรมีการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ เราก็เลยศึกษาแล้วก็โอเค ลองไปดู ซึ่งการไปชุมนุมก็คือเราไปแสดงจุดยืนว่าเราอยากเปลี่ยนแปลงประเทศนี้นะ เราอยากจะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามานะ ให้คนรู้ว่าเราพร้อมที่จะสู้ตรงนี้ด้วย แต่สุดท้ายการที่จะเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ คือเราต้องลงมาอยู่ในสนามของนักเปลี่ยนแปลง ของการที่จะได้เข้ามาบริหารประเทศ การมาทำพื้นที่ตรงนี้ก็เป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้นของเราที่จะมาศึกษาว่า เราจะลงไปเจอกับชุมชนยังไง เราจะไปรับฟังปัญหาจากคนยังไง หน่วยงานรัฐมีหน้าที่อะไร เรามาศึกษาทั้งหมดจากการมาลงพื้นที่ตรงนี้ The People : เข้ามาทำงานด้านการเมืองอย่างเต็มตัวได้ยังไง แคนแคน : เรามีความสนใจด้านการเมืองอยู่แล้ว บวกกับเจอพี่หมอออย-เฉลิมชัย กุลาเลิศที่ตอนแรกเขามาสมัคร ส.ก. (สภากรุงเทพมหานคร) แต่ทางพรรคเห็นว่าคุณสมบัติลองไป ส.ส.ไหม พอเราเจอกับพี่เขา ก็รู้สึกว่า เราอยากมาช่วย อันนี้ก็เป็นใบเบิกทางแรกให้เรามาฝึกฝนตัวเองในสายการเมืองว่าลงชุมชนยังไง ชาวบ้านมีปัญหาอะไร ติดต่อกับหน่วยงานรัฐยังไง ก็มาฝึกจากตรงนี้ในพื้นที่บึงกุ่ม-คันนายาว เขตเลือกตั้งที่ 14 ส่วนการที่เราได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาอนุฯ เนี่ย มันก็เหมือนทางอนุกรรมาธิการเขาติดต่อมาด้วยตัวเองซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งตัวส.ส. ประธานอนุฯ และคนในอนุฯ ก็เป็นคนพรรคเดียวกัน ก็เลยมีโอกาสได้ทำควบคู่กันไป ทั้งเป็นที่ปรึกษาและลงพื้นที่ค่ะ