17 พ.ค. 2562 | 13:19 น.
ปี 2562 นายชัย ชิดชอบ กลับเข้าสภาผู้แทนราษฎรเป็นสมัยที่ 10 ในฐานะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 2 พรรคภูมิใจไทย นายชัย ชิดชอบ หรือที่สังคมเรียกกันติดปากว่า 'ปู่ชัย' เป็นชาวสุรินทร์โดยกำเนิด เริ่มชิมลางการเมืองในระดับท้องถิ่น ด้วยการได้รับเลือกตั้งเป็นกำนันตำบลอิสาณ จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนขยับขึ้นสนามใหญ่เป็นสมัยแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่กว่าจะได้เป็น ส.ส. สมัยแรกก็ในปี 2512 จากนั้นนายชัยก็ผูกขาดพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เรื่อยมาในสังกัดพรรคต่าง ๆ อีกหลายสมัย เช่น กิจสังคม สหประชาธิปไตย ชาติไทย ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึง พรรคภูมิใจไทย ที่นายเนวิน ชิดชอบ บุตรชายเป็นผู้ก่อตั้ง ในสายตาคนเจเนอเรชันใหม่ อาจรู้จักนายชัยจากการเป็นบิดาของนายเนวิน อดีตนักการเมืองชื่อดังที่ตอนนี้ผันตัวมาสร้างบุรีรัมย์ให้เป็นเมืองกีฬาและเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ แต่สำหรับคอการเมืองหรือคนในสภาฯ นายชัยคือ ส.ส. รุ่นลายคราม พูดจาโผงผาง ดุดันสไตล์นักเลงลูกทุ่ง แต่ก็เต็มไปด้วยลูกเล่นและชั้นเชิงแพรวพราวยามคุมเกมในสภาฯ จนสื่อสายการเมืองตั้งฉายาให้ 'ปู่ชัย' ในปี 2552 ว่าเป็น 'ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์' เพราะปล่อยมุกหลอกล่อ ส.ส. รุ่นลูกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจนหัวหมุน ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียด ประคับประคองไม่ให้การประชุมสภาล่มได้หลายครั้ง แต่หากวันไหนถูก ส.ส. ป่วนจนหงุดหงิด แน่นอนว่าวันนั้น ต้องได้เห็น 'ปู่ชัย' ไล่ ส.ส. ออกนอกห้องประชุม ย้อนกลับไปวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 เป็นวันที่ นายชัย ชิดชอบ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตการเมือง ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา แทนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่พ้นตำแหน่งหลังโดนใบแดง ท่ามกลางรายงานที่ว่า นายเนวิน ชิดชอบ ตีตั๋วบินไปเจรจาต่อรองนายใหญ่ 'ทักษิณ ชินวัตร' จนยอมไฟเขียว ส่งพ่อสู่บัลลังก์ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจนสำเร็จ ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ความสัมพันธ์ระหว่างคนตระกูลชิดชอบกับพรรคพลังประชาชนก็ถึงขั้นแตกหัก จากเหตุการณ์ยึดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจากนายสมัคร สุนทรเวช ไปให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อ ส.ส. ของพรรคส่วนใหญ่ภายใต้การนำของ 'เจ๊แดง' เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไม่โหวตนายสมัครกลับเข้าสู่ตำแหน่ง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิดจากการจัดรายการชิมไปบ่นไป ในคืนก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี บรรยากาศที่บ้านพักนายสมัคร ภายในซอยโอฬาร ย่านนวมินทร์ มีเพียงเพื่อนร่วมก๊วนการเมืองที่รู้จักกันในชื่อ 'แก๊งออฟโฟร์' ประกอบไปด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกฯ และนายเนวินเท่านั้น ที่อยู่เคียงข้างและยืนหยัดสนับสนุนนายสมัคร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายในแก๊งออฟโฟร์ กลับเข้ารับตำแหน่ง ส่วนพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลนายสมชายหลังจากนั้นก็อยู่ในสภาพง่อนแง่น กลายเป็นนายกฯ ไร้ทำเนียบ เพราะถูกผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึด และหากยังจำกันได้ ความรุนแรงจากการชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ขัดขวางรัฐบาลแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ส.ส. ภายในพรรคพลังประชาชนหลายรายลือกันว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นคือการวางยา เพราะก่อนหน้านั้นคนในพรรคเสนอให้นายชัยเปลี่ยนสถานที่ประชุมแถลงนโยบายจากรัฐสภาไปเป็นกระทรวงการต่างประเทศ แต่ได้รับการปฏิเสธ ต่อมาไม่นาน ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน สบโอกาสที่นายเนวินนำ ส.ส. ร่วม 30 ชีวิตสลับขั้วไปสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ดีลครั้งนั้นมีขึ้นภายในค่ายทหาร และนายเนวินยังได้แถลงส่งท้ายบอกลานายใหญ่ด้วยประโยค “มันจบแล้วครับนาย” ที่กลายเป็นหนึ่งในวาทะเด็ดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทำให้นายทักษิณโกรธเกลียดเนวินชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ ส่วนนายชัยก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นประธานขั้วรัฐบาลประชาธิปัตย์โดยสภาพ ความที่คร่ำหวอดอยู่กับการเมืองมานาน หล่อหลอมให้นายชัยเป็นนักเจรจาต่อรองตัวท็อปของวงการ มีคอนเน็กชันกว้างขวาง และยังรู้ใจนักการเมือง สมัยร่วมงานกับพรรคชาติไทย ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีทุกครั้ง เป็นที่รู้กันว่า โควตากรรมาธิการฯ พรรคนี้จะต้องส่งชื่อ 'นายชัย ชิดชอบ' เข้ามาต่อรอง ดังนั้นการทำหน้าที่ประธานสภาฯ เขาจึงไม่ใช่บุคคลประเภทเคร่งครัดระเบียบ ข้อบังคับ แต่เน้นเจรจาไกล่เกลี่ย จน ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต่างก็ให้การยอมรับ เพราะวิน-วิน แฮปปี้กันทุกฝ่าย แต่ในมุมครอบครัว ความขัดแย้งภายในตระกูลชิดชอบกลับเป็นเรื่องยากที่จะประสานรอยร้าว เช่นในปี 2549 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) บุรีรัมย์กว่า 30 คน ลงชื่อตรวจสอบการทำงานของ พ.ต.อ.ชวลิต ชิดชอบ นายก อบจ. สามีของนางอุษณีย์ ชิดชอบ พี่สาวร่วมสายเลือดของนายเนวิน ซึ่งนายเนวินให้การสนับสนุนจนได้ดำรงตำแหน่ง แต่เมื่อชนะ นายเนวินกลับถูกหักเหลี่ยมเพราะคนของตนถูก พ.ต.อ.ชวลิต สั่งปลด นำสู่การระดม ส.อบจ. บุรีรัมย์ลงชื่อตรวจสอบการทำงานของ พ.ต.อ.ชวลิต ส่วนในปี 2551 นายเนวินก็ส่ง 'เจ๊ต่าย' กรุณา ชิดชอบ” ภรรยา ลงสมัคร นายก อบจ. บุรีรัมย์ แข่งกับนางอุษณีย์ พี่สาว ซึ่งท้ายสุดนางกรุณาก็เป็นฝ่ายชนะ นั่งเก้าอี้นายก อบจ. ไปในที่สุด กาลเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่นายเนวินผู้เป็นลูกชายละมือจากการเมือง (แต่ก็ยังแว่วข่าว 'ซีน' การเมืองของเขาอยู่บ้างในบางจังหวะ) แต่ 'ปู่ชัย' ยังโลดแล่นอยู่ในสนาม ซึ่งในงานฉลองวันเกิดอายุ 91 ปี วันที่ 5 เมษายน 2562 ที่บ้านพักภายในโรงโม่หินศิลาชัย ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ นายชัยที่คลุกคลีการบ้านการเมืองมาอย่างยาวนานก็ได้กล่าวว่า... “อยากเห็นบ้านเมืองเป็นสุข มีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่าเห็นแก่หน้าใคร ถ้าทุกคนมีสัจจะในตัวเอง บ้านเมืองก็ไปรอด” เรื่อง: วันเพ็ญ มอลเลอร์ ภาพ: กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร / Thai News Pix