03 ม.ค. 2562 | 18:38 น.
นอกจาก ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็น ‘แม่ทัพใหญ่ คสช.’ แล้ว ก็มี ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมที่เป็น ‘พี่ใหญ่ คสช.’ ด้วยบารมีและคอนเน็กชันทั้งสายการเมือง-กลุ่มทุนต่างๆ ด้วยความเป็นพี่ใหญ่นี้เอง จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร เป็นเป้าใหญ่ในการถูกจับจ้องและโจมตี ด้วยความเชื่อที่ว่าหากตี ‘บิ๊กป้อม’ ได้ก็จะสั่นคลอน ‘บิ๊กตู่’ และ คสช. ได้ไม่น้อย ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ถูกมรสุมเข้าหลายลูก แต่ที่เป็นลูกใหญ่ที่สุดคือปม ‘นาฬิกาหรู-แหวนเพชร’ ที่สุดท้าย ป.ป.ช. ก็ตีตกไป แต่ก็สร้างข้อกังขาไม่น้อย สะเทือนมาถึง ครม. และ คสช. ด้วย กับตำนาน ‘นาฬิกาเพื่อนให้ยืม – แหวนเพชรบิดา ที่มารดาเก็บไว้ให้’ โดยนาฬิกาหรูยืมเพื่อนนี้ ก็ไม่ใช่ใคร ผ่านเครือข่าย ‘เซนต์คาเบรียล คอนเน็กชัน’ นั่นคือ ‘เสี่ยคราม’ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าสัวคอมลิงค์ ที่เคยมีชื่อเป็น ‘กรรมการ’ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ. ซึ่งมูลนิธินี้เองก็เป็นฐาน ‘คอนเน็กชัน’ ที่สำคัญของ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง ‘หม่อมอุ๋ย’ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเซนต์คาเบรียล และเป็น รองปธ.กรรมการมูลนิธิฯ ด้วย พล.อ.ประวิตร เติบโตมาจากครอบครัวที่ฐานะดี คุณพ่อก็เป็นนายทหารเช่นกัน โดย พล.อ.ประวิตร เป็นบุตรชายคนโตสุดของ พล.ต.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ โดยมีพี่น้อง 5 คน ได้แก่ ‘บิ๊กปุ้ม’ พล.ร.อ.ดิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ‘บิ๊กป๊อด’ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ‘โค้ชก๊อก’ นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ กุนซือวงการฟุตบอล (เสียชีวิต) นายพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ โดยปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร ยังคงดูแลน้องๆ และคุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ ซึ่งทุกสัปดาห์ พล.อ.ประวิตร จะต้องไปทานข้าวและอยู่กับคุณแม่เสมอ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องเล่าต่อๆ มา คือ ทำไม พล.อ.ประวิตร ไม่แต่งงาน? เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนออกมา แต่การเป็น ‘คนโสด’ ก็ทำให้ พล.อ.ประวิตร มีเพื่อนพี่น้องจำนวนมาก เพราะมีเวลาที่จะทุ่มกับเรื่องงานและอยู่กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อน ตท.6 และ จปร.17 ซึ่งรุ่น จปร.17 ได้ชื่อว่า ‘รุ่นฝนแรก’ เพราะช่วงที่มาเรียน ร.ร.นายร้อย จปร. ที่ ถ.ราชดำเนิน เกิดฝนตกใหญ่ ช่วงโดนซ่อม เดือนเม.ย. และไม่ได้เป็นฤดูฝนด้วย ซึ่งเพื่อน จปร.17 คนดังของ พล.อ.ประวิตร ก็คือ ‘บิ๊กบัง’ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. และ ‘บิ๊กสร้าง’ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด อีกทั้งตำนาน ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ มาเกิดขึ้นที่ค่าย ร.21 รอ. สมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นร้อยตรี เพิ่งจบจาก ร.ร.นายร้อย จปร. รุ่น 23 ตท.12 ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตท.10-จปร.21 สมัยเป็นร้อยโท และ พล.อ.ประวิตร เป็นร้อยเอก ได้พักอยู่บ้านเดียวกันในค่าย จึงเป็นจุดเริ่มสายสัมพันธ์แค่มองตาก็รู้ใจ ผ่านศึกทางทหารและการเมืองด้วยกันมากว่า 40 ปี โดยในบ้านหลังนั้นยังมี พล.อ.พงษ์เทพ กนิษฐานนท์ อยู่ด้วยกับ 3ป.บูรพาพยัคฆ์ ซึ่งทั้ง 3ป. ก็ได้เป็น ผบ.ทบ. ทั้งหมด และทั้ง 3ป. ยังคงจำความทรงจำในบ้านหลังนั้นได้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เคยเล่าถึงการตื่นนอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตื่นคนแรก เพราะเป็นน้องเล็กสุด สุดท้าย ‘บิ๊กป้อม’ ก็มาโตที่ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ ที่ ร.2 รอ. สระแก้ว จนขึ้นเป็นผู้บังคับการกรม ก่อนมาเติบโตที่ พล.ร.2 รอ. ปราจีนบุรี ทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้พบเจอนักการเมืองรุ่นเดอะอย่าง ‘เสนาะ เทียนทอง’ เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ด้วย ต่อมา พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ก่อนเข้ากรุงเทพฯ มาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 แต่เส้นทางของ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะถูกเด้งเข้ากรุ ทบ. ไปเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ สมัย ‘บิ๊กแอ้ด’ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น ผบ.ทบ. ได้ไปราชการที่ประเทศจีน และได้พบกับ พล.อ.ประวิตร และเพื่อน ตท.6 ที่คุนหมิง ซึ่งหลังกลับถึงไทยได้ตรวจพบว่าทีม พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ลาไปต่างประเทศ จึงถูกเด้งเข้ากรุ ทบ. ยาว แต่เหมือนโชคจะเข้าข้าง พล.อ.ประวิตร ช่วงรัฐบาลทักษิณ ที่ได้ดัน พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โดยโยก ‘บิ๊กตุ้ย’ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด รุ่นพี่ตท.5 ก่อนเกษียณฯ แทน จึงเป็นตำนาน ‘เกาะโต๊ะ’ ที่ ‘ทักษิณ’ ออกมาแฉก่อนหน้านี้ แต่ก็เหมือน ‘หยิกเล็บเจ็บเนื้อ’ ที่กระแสตีกลับไปยัง ‘ทักษิณ’ ที่ย้ายลูกพี่ลูกน้องตัวเองเพื่อเปิดทาง นั่นหมายความว่าผ่านสายตา ‘ทักษิณ’ มาแล้ว และว่ากันว่าผ่านพลังหลังบ้าน ‘คุณหญิงอ้อ' คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ‘เครือข่ายบ้านจันทร์ส่องหล้า’ เวลานั้นด้วย แต่แรงผลักดันที่สำคัญก็มาจาก ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลทักษิณ1 ปี 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ด้วย โดยสมัย พล.อ.เชษฐา เป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ได้รู้จักกับ พล.อ.ประวิตร สมัยเป็น ผู้บังคับกองพัน โดย พล.อ.เชษฐา เป็นนายทหารที่เติบโตมาจากสายวงศ์เทวัญและบูรพาพยัคฆ์ โดยเริ่มรับราชการทหาร หลังจบจาก ร.ร.นายร้อย จปร. ที่ ร.1พัน.2 รอ. ก่อนจะไปเป็น เสธ.พล.ร.2 รอ. ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ และโยกไปเป็น ผบ.พล.ร.6 ที่ จ.ร้อยเอ็ด ก่อนขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 คุมพื้นที่ภาคอีสาน และโยกมาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 เข้า 5 เสือทบ. และเป็น ผบ.ทบ. แม้จะไม่ได้เติบโตมาจาก ‘ถิ่นบูรพาพยัคฆ์’ ตั้งแต่ต้น แต่ พล.อ.เชษฐา ก็ได้ชื่อว่าเป็น ‘พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์’ อีกคนไปแล้ว ทั้งนี้ช่วงที่ พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ. ก็เป็นห้วงเวลาที่ได้รู้จักกับนักการเมืองสายต่างๆ โดยมี ‘บิ๊กกี่’ พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนรัก ตท.6 เป็นจุดเชื่อมสำคัญ ซึ่งสมัย พล.อ.เชษฐา เป็น รมว. กลาโหม ก็ได้ให้ พล.อ.นพดล เป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ด้วย ซึ่งนามสกุลฐานะจาโร ก็มีนักการเมืองคนดังอย่าง ‘อรทัย ฐานะจาโร’ แกนนำพรรคไทยรักไทย ที่เป็นลูกสะใภ้ พล.อ.เชษฐา ทำหน้าที่คุมพื้นที่ กทม. กับ ‘หญิงหน่อย’ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในเวลานั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ พล.อ.ประวิตร ได้รู้จักกับ ‘หญิงหน่อย’ ที่ในวันนี้เป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ของพรรคเพื่อไทย แต่อีกฉายาที่ พล.อ.ประวิตร ได้รับคือ ‘รมว.กลาโหมตลอดกาล’ เพราะช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม มา 7 ปี เริ่มจากสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้รับการทาบทามมาดำรงตำแหน่ง 2 ปีครึ่ง ทำงานใกล้ชิดกับ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ อดีตรองนายกฯ และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อีก 4 ปีกว่า และยังได้รับหน้าที่เป็น ประธาน ก.ตร. จาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดูแลกิจการตำรวจด้วย จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร แผ่บารมีไม่น้อยในวงการทหาร-ตำรวจ แต่แสงแห่งบารมีนี้มีมากไปก็จะเป็นภัยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้โลว์โปร์ไฟล์ลง เห็นได้ชัดจากประเพณีเปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ลดขนาดลงและเรียบง่ายมากขึ้น ในช่วงวันเกิด 11 ส.ค. และวันปีใหม่ สิ่งนี้ก็สะท้อนถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ได้เช่นกัน จึงมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไปพูดคุยกับ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ อดีตเลขาฯ ป.ช.ป. ในการให้พรรคสีฟ้าร่วมดัน พล.อ.ประยุทธ์ ออกมา รวมทั้งกระแสข่าวนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐออกมา ระบุว่า ‘เด็กบิ๊กป้อม’ ไปยุ่มย่ามในพรรค หลังก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าว ‘บิ๊กทหาร ทภ.2’ ไปรวมเป็น ‘พลังดูดอดีตส.ส.’ ในพื้นที่ภาคอีสานด้วย ซึ่งทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาปฏิเสธข่าวทั้งหมด พร้อมจี้ถามสื่อว่าที่บอกว่า ‘เด็กตน’ คือใคร และมองว่าเป็นการอ้างชื่อเท่านั้น จึงได้รับอีกฉายาว่า ‘มิสเตอร์ดีล-ผู้จัดการรัฐบาล’ ไปเรียบร้อย แน่นอนว่าบทบันทึกการเมืองไทยรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ พล.อ.ประวิตร ย่อมอยู่ในบัญชีชื่อต้นๆ แม้จะผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ แต่ภารกิจกรำศึกการเมืองเห็นทียังไม่จบง่ายๆ เพราะในปี 2562 เป็นห้วงเวลาที่ คสช. ลงหลังเสือ ปูทางเลือกตั้ง สิ่งที่ต้องจับตาคือจะมี รมว.กลาโหม คนเดิมอีกหรือไม่ รวมทั้งบทบาทของ พล.อ.ประวิตร ในอนาคตจะไปอยู่ที่ใด และจะแผ่บารมีได้ขนาดไหน ในวันที่ปัจจัยการเมืองเปลี่ยนไปและบางอย่างก็เกิดการควบคุมได้ เรื่อง: กุหลาบ ลายพราง