01 ก.ค. 2564 | 13:21 น.
ขณะที่หลายประเทศนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้รับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังการแพร่ระบาดผ่านมาแล้ว 18 เดือน ยังไม่มีทีท่าสิ้นสุด สิงคโปร์กลับเป็นชาติแรกที่ออกมาประกาศโมเดลใหม่เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมกลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติอีกครั้ง แต่เป็นการอยู่ร่วมกับไวรัสภายใต้ ‘ความปกติใหม่’ (new normal) โดยไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป “ข่าวร้ายคือโควิด-19 อาจไม่หายไปไหน แต่ข่าวดีก็คือ มีความเป็นไปได้ที่เราสามารถใช้ชีวิตปกติร่วมไปกับมัน” ลอเรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย กัน คิม ยอง (Gan Kim Yong) รัฐมนตรีการค้า และออง ยี คัง (Ong Ye Kung) รัฐมนตรีสาธารณสุข สามประสานทีมงานเฉพาะกิจรับมือโควิด-19 ของรัฐบาลสิงคโปร์ ร่วมกันเขียนบทความเพื่อบรรยายโรดแมปสู่การใช้ชีวิตใหม่เผยแพร่ในสื่อท้องถิ่นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2021 โรดแมปดังกล่าวอธิบายรายละเอียดอย่างเป็นขั้นตอน พร้อมข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน นับเป็นแผนจัดการโควิด-19 แนวใหม่ ซึ่งทั่วโลกให้ความสนใจ และอาจนำไปใช้เป็นตัวอย่างเพื่อกำหนดแนวทางในอนาคต เร่งกระจายวัคซีน สามรัฐมนตรีผู้เสนอโรดแมปนี้ระบุว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลสิงคโปร์จะเร่งทำ คือการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพกับประชาชนให้มากที่สุด ตามแผนของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง ที่เคยประกาศไว้เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2021 นั่นคือ ชาวสิงคโปร์ 2 ใน 3 ของทั้งประเทศ จะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มภายในต้นเดือนกรกฎาคม และในจำนวนเดียวกันจะได้ฉีดเข็มที่ 2 ครบโดส ภายในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันชาติของสิงคโปร์ สิงคโปร์มีประชากรทั้งประเทศประมาณ 5.7 ล้านคน นับถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2021 ดินแดนสิงโตพ่นน้ำแห่งนี้แจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วมากกว่า 5.3 ล้านโดส โดยประมาณร้อยละ 60 ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ส่วนผู้รับวัคซีนครบโดสมีทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน วัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนภายใต้โครงการของรัฐบาลสิงคโปร์มี 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา โดยผู้รับวัคซีนครบโดสจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ากระบวนการตรวจโรคก่อนร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ ส่วนผู้รับวัคซีนทางเลือกอื่นอย่างซิโนแวค ยังต้องผ่านการตรวจโรคก่อนได้รับอนุญาตให้ร่วมงาน เนื่องจากทางการเชื่อว่า ซิโนแวคอาจไม่มีประสิทธิภาพพอในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจากอินเดีย แผนกระจายวัคซีนนี้หากประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ สามรัฐมนตรีของสิงคโปร์เชื่อว่าจะลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ หรือป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 ลงได้หลายเท่า อย่างไรก็ตาม ไวรัสดังกล่าวจะยังคงกลายพันธุ์ต่อไป และพวกเขากำลังวางแผนฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มให้กับประชาชนเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันอีกหลายปี ตรวจเชื้อจากลมหายใจ แผนต่อมาขั้นที่ 2 คือการยกเครื่องวิธีตรวจหาและควบคุมการแพร่ระบาดให้มีความง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลสิงคโปร์จะเร่งกระจายชุดตรวจโควิด-19 ที่สามารถรู้ผลได้รวดเร็ว หรืออาจทำได้ด้วยตนเองไปตามคลีนิก ร้านขายยา และกิจการห้างร้านต่าง ๆ นวัตกรรมชุดตรวจโควิด-19 ที่กำลังพัฒนาออกมายังรวมถึงอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อจากลมหายใจคล้ายเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งสามารถทราบผลได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 นาที อุปกรณ์เหล่านี้จะถูกกระจายไปตามบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เพื่อใช้ตรวจสอบเบื้องต้น หากพบเชื้อจะนำไปตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยวิธีการ PCR หรือการหาเชื้อแบบแยงจมูกที่ให้ผลแม่นยำกว่า แต่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง นอกจากการปฏิวัติวิธีตรวจหาเชื้อให้รวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว สิงคโปร์ยังมีแผนเปลี่ยนรูปแบบการควบคุมโรค ด้วยการลดความเข้มข้นในการตรวจหาเชื้อจากคลัสเตอร์ภายในประเทศ และหันไปเน้นคุมเข้มกับการจัดงานอีเวนต์ หรือกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ตลอดจนนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศตามจุดผ่านแดนต่าง ๆ แทน พัฒนาการรักษาโรค ขั้นตอนต่อมาหลังการตรวจหาเชื้อทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จะเร่งยกระดับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยวิทยาการใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาตลอดระยะเวลา 18 เดือน นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด โดยสามรัฐมนตรีผู้วางโรดแมประบุว่า ปัจจุบันสิงคโปร์ค้นพบวิธีการรักษาโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพหลากหลายวิธี และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ประเทศนี้มีอัตราผู้ติดเชื้อเสียชีวิตต่ำที่สุดชาติหนึ่งของโลก ทั้งนี้ จากสถิติในเดือนมิถุนายน 2021 สิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยอยู่ที่ 18 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสมเพียง 36 ราย เหตุผลที่ทำให้สิงคโปร์เป็นชาติที่รับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ในการรับมือกับโรคซาร์ส เมื่อปี 2002 - 2003 ขณะเดียวกันก็เป็นชาติแรกในเอเชียที่ให้การรับรองวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้การอนุมัติใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2020 เข้าสู่ความปกติใหม่ เหตุผลอีกข้อที่ทำให้สิงคโปร์รับมือการระบาดได้ดี และเป็นหนึ่งในโรดแมปที่รัฐบาลต้องการเน้นย้ำให้ทำต่อไป คือ การรักษาวินัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยโมเดลที่สิงคโปร์จะทำในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คือการรณรงค์ให้ประชาชนรักษาสุขอนามัยที่ดี เมื่อรู้สึกตัวว่าไม่สบาย ให้สวมหน้ากากและหลีกเลี่ยงเดินทางไปในสถานที่พลุกพล่าน เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค “ด้วยมาตรการฉีดวัคซีน ตรวจหาเชื้อ รักษาพยาบาล และมีความรับผิดชอบต่อสังคม มันอาจหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ เมื่อมีใครติดโควิด-19 การรับมือของเราสามารถทำได้แตกต่างจากในปัจจุบัน” โรดแมปของสามรัฐมนตรีสิงคโปร์สรุป ‘ความปกติใหม่’ ที่จะได้เจอไว้ 5 ข้อสั้น ๆ ว่า 1.ต่อไปผู้ติดเชื้อจะสามารถพักฟื้นได้ที่บ้าน เพราะวัคซีนช่วยให้อาการไม่รุนแรง และมีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ เนื่องจากคนรอบข้างล้วนได้รับวัคซีนแล้ว 2.การติดตามต้นตอการระบาดและกักตัวกลุ่มเสี่ยงขนาดใหญ่อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะทุกคนสามารถตรวจเชื้อได้เองอย่างง่ายดายและรวดเร็ว 3.ยุติการติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน และเปลี่ยนเป็นการรายงานเฉพาะจำนวนผู้ป่วยหนักที่เข้าไอซียู หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ คล้ายผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน 4.การรวมกลุ่มทำกิจกรรมของคนจำนวนมากสามารถกลับมาเกิดขึ้นได้อีกครั้ง และธุรกิจต่าง ๆ จะกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติ 5.การเดินทางข้ามประเทศสามารถทำได้ แต่อาจต้องแสดงเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีน และมีการตรวจโรคทั้งขาเข้า - ขาออก หากไม่พบเชื้อก็ไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป นั่นคือแนวทางใหม่ทั้งหมดที่สามรัฐมนตรีในชุดเฉพาะกิจของรัฐบาลสิงคโปร์วางแผนไว้ และอาจเป็นโรดแมปที่หลายประเทศนำไปปฏิบัติตาม แต่การได้ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ให้เป็น ‘ความปกติใหม่’ นี้จะเกิดขึ้นได้ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลแต่ละประเทศในขณะนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงใด ข้อมูลอ้างอิง: https://www.straitstimes.com/opinion/living-normally-with-covid-19 https://www.wsj.com/articles/singapore-shows-the-way-out-of-pandemic-policies-for-asia-11624956110 https://edition.cnn.com/travel/article/singapore-covid-plan-intl-hnk/index.html https://www.straitstimes.com/singapore/recipients-of-sinovac-covid-19-vaccine-not-exempted-from-pre-event-testing-moh https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/singapore-shortens-inverval-covid-19-vaccine-doses-4-weeks-15118130