‘รักชนก ศรีนอก’ มดส้มล้มช้างยักษ์ แห่งบางบอน ใช้จักรยาน-พวงมาลัย พิชิตใจประชาชน

‘รักชนก ศรีนอก’ มดส้มล้มช้างยักษ์ แห่งบางบอน ใช้จักรยาน-พวงมาลัย พิชิตใจประชาชน

ไอซ์ - รักชนก ศรีนอก ‘มดส้มล้มช้างยักษ์’ แห่งเขตบางบอน ชนะเลือกตั้ง 66 แบบพลิกล็อก แซง วัน อยู่บำรุง และตระกูลม่วงศิริ ใช้จักรยานและนโยบายพวงมาลัยพิชิตใจประชาชน อีกหนึ่งปรากฏการณ์จากห้วงเลือกตั้ง 66 สะท้อนความเชื่อต่อพลังคนรุ่นใหม่

This is not Landslide, It's Skyfall.  - มันไม่ใช่ปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ แต่มันคือฟ้าถล่ม

น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ดีสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนก่อนเลือกตั้ง กระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ถูกโหมให้เป็นกระแสสูงในสังคม จนหลังสงกรานต์เมื่อเกิดปรากฏการณ์ ‘พิธาฟีเวอร์’ ไม่แพ้ยุคธนาธรนำทัพพรรคอนาคตใหม่ลงเลือกตั้ง

และท้ายที่สุด การพลิกล็อกจนหมดรูปในหลายเขตโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครที่ถูกย้อมให้พื้นที่เป็นสีส้ม และถ้ามีเขตไหนที่ถูกจับตามากที่สุด ย่อมเป็นเขตเลือกตั้งที่ 28 ประกอบด้วย เขตจอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน) เขตบางบอน (ยกเว้นแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม)

เพราะนี่คือการลงป้องกันแชมป์ของบ้านใหญ่บางบอน “ใจถึงพึ่งได้” วัน อยู่บำรุง จากพรรคเพื่อไทย และการกลับมาชิงความยิ่งใหญ่ของสามารถ ม่วงศิริ จากประชาธิปัตย์ แสงสปอตไลท์จับไปที่ศึกสองบ้านใหญ่ฝั่งธนฯ อยู่บำรุง-ม่วงศิริ

แต่แล้วกลับเป็นปรากฏการณ์ ‘มดส้มล้มช้าง’ เมื่อ ไอซ์ - รักชนก ศรีนอก จากพรรคก้าวไกลล้มแชมป์เก่าจากเพื่อไทยชนิดทิ้งห่าง หลายคนจึงอยากรู้ว่าสาวผมยาว ตากลม ที่ขยันเดิน ขยันวิ่ง ชกหนักกัดไม่ปล่อยที่ทำให้สองบ้านใหญ่ฝั่งธนฯ ต้องสอบตกคือใคร

ชื่อของไอซ์ ถูกพูดถึงในวงสังคมครั้งแรกในช่วงที่ประเทศไทย หนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดคุยก็คือการเมือง และไอซ์เองถือว่าเป็น ‘เซเล็บคลับเฮาส์’ คนหนึ่ง โดยใช้ชื่อว่า ‘เราจะมาชื่อชมรัฐบาลอย่างจริงใจ’ 

และซีนแจ้งเกิดของเธอเมื่อเธอตั้งคำถามกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ‘ลุงโทนี่’ ในการจัดรายการเกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ-ตากใบ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ และเมื่อเกิดเหตุการชุมนุมของม็อบราษฎรในช่วงปี 2562 - 2564 รักชนก ถือว่าเป็นขาประจำม็อบที่นอกจากจะไปร่วมชุมนุมและเป็นอาสาสมัครพยาบาลในม็อบแล้ว ยังสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย ในชื่อ @nanaicez

ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์กับ Workpoint Today เกี่ยวกับเรื่องกรณีดร.ทักษิณว่า “ในเมื่อเขาตอบมาแล้ว แล้วคนไม่พอใจเขาควรจะรู้ เผื่อที่ว่าเขาจะได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ต่อเนื่องในการตอบ”

ก่อนหน้านี้ เธอเรียนจบด้านสถิติ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อจบมา เริ่มจากการเป็นแม่ค้าออนไลน์ แต่ด้วยความสนใจในด้านข่าวสารบ้านเมืองทำให้เธอเริ่มสนใจมาทำเพจคอนเทนต์ข่าวสาร ในช่วงเทคโนโลยีกำลังแพร่หลาย รักชนก ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ใช้ออนไลน์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดคนหนึ่ง

ถ้าหากย้อนไปในอดีตเธอยอมรับว่าเธอหนึ่งคนที่เลือก ‘โหวตรับ’ รัฐธรรมนูญ 2560 โดยเชื่อว่าให้รับไปก่อนประเทศจะได้มีการเลือกตั้ง ซึ่งปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนั้นมีการพ่วงอำนาจของส.ว.มาด้วย และวันนี้เธออาจจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น แต่หลังจากเธอศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้น มุมมองเธอก็เปลี่ยนไป

เมื่อได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. ในปี 2564 ในพื้นที่บางบอน เธอเริ่มหาเสียงด้วยนโยบาย ‘จากเป็นปากเสียง สู่แก้ไขปากท้อง’ หลายคนอาจมองเธอเป็นเพียงม้านอกสายตาเพราะในขณะนั้นคู่ต่อสู้ของเธอคือ วัน อยู่บำรุง ส.ส. จากพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย

แต่สิ่งที่รักชนก เอาชนะใจคนบางบอนและพื้นที่ใกล้เคียงก็คือความขยัน เราจะเห็นเธอกับจักรยานคันเก่ง BTWIN ตระเวนไปทุกที่ที่ตรอกซอยที่รถแห่ขนาดใหญ่ไปไม่ถึง และผู้ผลักดันนวัตกรรม ‘พวงมาลัยนโยบาย’ ที่นำเอาใบปลิวหาเสียงมาเย็บติดกับพวงมาลัย และยืนประจำจุดสี่แยกเพื่อแจกให้กับผู้ที่สนใจนโยบายได้รับไป

โลกแห่งการเมืองนั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนโลกออนไลน์ และเมื่อบ้านใหญ่รู้สึกได้ถึงภัยที่กำลังมาถึงตัวก็พยายามจะสกัดดาวรุ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิวาทะออนไลน์ระหว่าง ‘ไอซ์ รักชนก และ วัน อยู่บำรุง’ ในประเด็นชาติกำเนิดและการเติบโตทางความคิด หรือกรณีที่ถือว่าเล่นกันแรงจนถึงต้องขึ้นโรงพัก กรณีที่มีการแอบอ้างรูปผู้หญิงเซ็กซี่แล้วส่งต่อผ่านทาง LINE โดยอ้างว่าเป็นภาพของรักชนก

ในไลน์ดังกล่าวถูกอ้างว่าปรากฏชื่อ ‘สากล ม่วงศิริ’ ผู้สมัครจากประชาธิปัตย์เขต 6 ที่เป็นญาติกับสามารถ ม่วงศิริ ที่ขับเคี่ยวกับรักชนก นายสากล ได้ฟ้องกลับ กล่าวหาว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงพรรคและตัดคะแนน ซึ่งท้ายที่สุดทั้งสากล และสามารถ สอบตกส.ส.ชนิดที่ไม่ได้ลุ้น

ในช่วงท้าย ๆ การหาเสียงเธอได้มาโคจรพบกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในขณะที่ชูวิทย์ กำลังปั่นจักรยานต้านกัญชาเสรี และพบรักชนก กำลังปั่นอยู่พอดี ชูวิทย์ กล่าวกับรักชนกว่า รู้ดีว่าพื้นที่นี้ใครเป็นบ้านใหญ่ ต้องอาศัยแรงคนรุ่นใหม่ที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้พื้นที่

ส่วนไอซ์ตอบกับชูวิทย์ และไม่น่าเชื่อว่า ท้ายที่สุด คำพูดนี้จะกลายเป็นบทสรุปของการเลือกตั้งในครั้งนี้

“การเมืองแบบบ้านใหญ่อาจจะไม่ได้ผิดอะไร ซึ่งการเมืองแบบบ้านใหญ่เหมาะสำหรับประเทศไทยในช่วงเวลาหนึ่ง แต่วันนี้เราไม่ได้ต้องการการเมืองแบบบ้านใหญ่ที่เวลาชาวบ้านมีอะไรต้องไปพึ่งพาในลักษณะแบบนั้นอีกแล้ว เราต้องการการเมืองที่เป็นระบบที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่แค่ตรวจสอบข้าราชการ ตำรวจ แต่ต้องตรวจสอบนักการเมืองได้ด้วย”

ขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยคำอวยพรของชูวิทย์ ที่มีต่อรักชนกว่า 

“ผมว่าคุณเป็นม้าตัวเดียวด้วยซ้ำสำหรับเขตนี้ ถล่มไปให้เรียบ เพราะเป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ ๆ แล้ว”

ขอให้ถึงเวลาของสิ่งใหม่ ๆ ในประเทศไทยอย่างที่ชูวิทย์ ได้กล่าวกับรักชนกอย่างแท้จริง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 มีรายงานว่า ศาลอาญามีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 6 ปี รักชนก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการทวีตและรีทวิตข้อความที่มีเนื้อหาที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ รวม 2 ข้อความ โดยแบ่งเป็นข้อความละ 3 ปี

ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้ประกันตัว ตีราคาประกัน 5 แสนบาท โดยใช้ตำแหน่ง สส.ของ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นประกัน พร้อมทั้งได้กำหนดเงื่อนไขห้ามรักชนกกระทำงานหรือร่วมกิจกรรมที่มีลักษณะ-พฤติการณ์แบบเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีกซ้ำสอง หากศาลอนุญาตให้ประกันตัว จะทำให้เธอยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ สส.ต่อไปได้

 

หมายเหตุ : บทความนี้มีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมโดยกองบรรณาธิการ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566

 

เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ

ภาพ: เพจ รักชนก ศรีนอก / Facebook

อ้างอิง:

MGR Online

Thai Enquirer

MGR Online (2)

Workpoint Today

The Standard

bangkokbiznews