ไซมอน แฮร์ริส : ว่าที่นายกฯ ไอร์แลนด์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

ไซมอน แฮร์ริส : ว่าที่นายกฯ ไอร์แลนด์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

เปิดประวัติ ‘ไซมอน แฮร์ริส’ (Simon Harris) นักการเมืองไอร์แลนด์จากพรรค Fine Gael ผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นทั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่และนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไอร์แลนด์ด้วยวัยเพียง 37 ปี

KEY

POINTS

  • เปิดชีวิต ‘ไซมอน แฮร์ริส’ (Simon Harris) ว่าที่นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของไอร์แลนด์
  • จุดเริ่มต้นเส้นทางการเมืองตอนอายุ 15 ปี กับการเดินหน้าเคลื่อนไหวเพื่อน้องชาย
  • นักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

ถ้าใครสักคนจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรี เขาคนนั้นต้องมีอายุเท่าไร?

40 ปี 50 ปี หรือ 60 ปี?

คำตอบของแต่ละคนหรือสังคมก็ย่อมแตกต่างและหลากหลายกันไปตามสภาพของสังคมหรือตัวอย่างที่เกิดขึ้นภายในสังคมนั้น ๆ แต่แน่นอนว่าการที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศได้ ก็คงต้องมีความอาวุโสและประสบการณ์มาไม่น้อย ถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนในประเทศได้… เราอาจจะคุ้นเคยกับความเชื่อเช่นนั้น

ทว่าในไอร์แลนด์กำลังมีนายกรัฐมนตรี ผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้นำประชาชนทั้งประเทศคนใหม่ และเขามีอายุเพียง 37 ปี และถือเป็นนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นามว่า ‘ไซมอน แฮร์ริส’ (Simon Harris)

ภายหลังจากการลาออกกะทันหันของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค Fine Gael ‘ลีโอ วาแรดการ์’ (Leo Varadkar) ชื่อของ ไซมอน แฮร์ริส ก็ได้กลายเป็นผู้ที่จะต้องรับไม้ต่อคนถัดไป ไม่เพียงแค่ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่ในบทบาทของการเป็นผู้นำประเทศอีกด้วย 

แต่กว่าจะเดินทางมาถึงจุดที่เขายืนอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แฮร์ริสต้องผ่านบททดสอบและพิสูจน์กับตัวเองว่าเขาจะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และชีวิตให้กับเส้นทางที่ตนเองลุ่มหลงอย่างแท้จริง เขาได้เป็นนักกิจกรรมตั้งแต่อายุ 15 ปี และเข้าสู่อาชีพการเมืองตั้งแต่ตอนที่ยังไม่พ้นเบญจเพสเสียด้วยซ้ำ

และนี่คือเรื่องราวของเขา ไซมอน แฮร์ริส : ว่าที่นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ กับเส้นทางชีวิตที่เลือกดรอปเรียนเพื่อการเมือง

พี่ชายผู้ยืนหยัดเพื่อน้องชาย

ก่อนจะก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดของไอร์แลนด์ ‘ไซมอน แฮร์ริส’ (Simon Harris) เกิดและเติบโตขึ้นมาในเมืองเลียบชายฝั่งอย่างเกรย์สโตนส์ ที่ตั้งอยู่ในเขตวิคโลว์ ณ ตอนใต้ของดับบลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ 

แฮร์ริสเกิดในปี 1986 โดยเขาเป็นพี่ชายคนโตในบรรดาสามพี่น้อง เหตุนี้ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยปลูกฝังความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก และภาวะความเป็นผู้นำในตัวเขา แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ปลุกไฟความเป็น ‘นักสู้’ ในตัวของเขาคือ ‘อดัม’ (Adam) น้องชายแท้ ๆ ของเขาที่เกิดมาพร้อมกับภาวะออทิสติก (Autism)

นอกจากพ่อผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นคนขับแท็กซี่และทำหน้าที่เป็น ‘SNA’ หรือ ‘Special Needs Assistant’ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษแล้ว ไซมอน แฮร์ริส ก็ตัดสินใจที่จะรับบทบาทสำคัญที่จะต่อสู้และเคลื่อนไหวเพื่อความตระหนักรู้และความเข้าใจ ไม่เพียงเพื่อน้องชายของเขาที่มีภาวะออทิสติก แต่เพื่อผู้เผชิญภาวะออทิสติกในภาพรวม

จึงได้กลายเป็นโครงการการกุศลเพื่อสนับสนุนผู้ที่เผชิญกับภาวะออทิสติกนามว่า ‘Triple A Alliance’ โครงการที่ ไซมอน แฮร์ริส เป็นผู้ก่อตั้งด้วยตัวเองในวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น แฮร์ริสได้เดินแจกใบปลิวทีละบ้าน จนไปถึงการรวมตัวเหล่าผู้คนที่มีภาวะออทิสติกและครอบครัวกว่า 60 ชีวิตที่ศาลากลางของพื้นที่ จนเกิดเป็นกลุ่มก้อนเพื่อการสนับสนุนสิทธิของผู้มีภาวะออทิสติกที่เหนียวแน่นขึ้น

ในครั้งนี้เอง ก็ได้มีสื่อต่างก็ให้ความสนใจและได้สัมภาษณ์กับชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญการกุศลครั้งนี้ และทำให้แฮร์ริสได้ถูกสัมภาษณ์ออกทีวีอีกด้วย นอกจากจะเป็นหมุดหมายที่พิสูจน์ไฟปรารถนาในฐานะนักเคลื่อนไหวและความเป็นผู้นำที่ฝังอยู่ในตัวแล้ว มันก็ยังเป็นครั้งแรกที่แฮร์ริสได้มีโอกาสเกี่ยวโยงกับสนามการเมืองและ ‘Fine Gael’ แห่งไอร์แลนด์ ที่ในอีกไม่นานตัวเขาจะได้มาร่วมงานและกลายเป็นผู้นำพรรคในอนาคต

เรื่องราวทั้งหมดที่เรากล่าวมาเกิดขึ้นในตอนที่เขามีอายุไม่เกิน 16 ปีเท่านั้นเอง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการไต่ขั้นบันไดการเมืองของ ไซมอน แฮร์ริส เพียงเท่านั้น… 

 

ดรอปเรียนเพื่อเส้นทางการเมือง

ความสนใจในด้านการเคลื่อนไหวทางสังคมได้พาแฮร์ริสไปสนใจด้านการเมืองไปด้วยพร้อม ๆ กัน ตอนอายุ 18 ปี เขาก็ได้ไปทำหน้าที่ผู้ช่วยใน ‘Leinster House’ หรือว่ารัฐสภาของไอร์แลนด์นั่นเอง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ไซมอน แฮร์ริส ก็อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสู่ชีวิตมหาวิทยาลัย

ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาในชั้นมัธยมจากโรงเรียน St David’s Holy Faith แฮร์ริสได้เรียนต่อในด้านวารสารศาสตร์และภาษาฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัย Dublin Institute of Technology (DIT) แต่แม้จะฝ่าฟันการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยไปได้ถึงปีที่ 4 แฮร์ริสก็ตัดสินใจที่จะดรอปเรียน 

แฮร์ริสเลือกที่จะละทิ้งใบปริญญาเพื่อที่จะไปเป็นผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาพรรค Fine Gael นามว่า ‘ฟรานเซส ฟิตซ์เจอรัลด์’ (Frances Fitzgerald) ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เป็นก้าวกระโดดแห่งศรัทธา (Leap of Faith) ของแฮร์ริสเลยก็ว่าได้ แต่มันก็ถือเป็นบทพิสูจน์ที่ชี้ให้ทุกคนได้เห็นว่าความรักและความปรารถนาบนเส้นทางการเมืองของ ไซมอน แฮร์ริส นั้นร้อนแรงและจริงแท้ แม้เขาจะมีอายุเพียง 20 ต้น ๆ ก็ตาม และไม่นานหลังจากนั้น ก็ถึงคราวของเขาที่จะได้เป็น ‘นักการเมือง’ อย่างเต็มตัว

ในตอนที่อายุได้ 24 ปี แฮร์ริสก็ได้รับเลือกเป็นผู้แทนจากวิคโลว์ในสภาล่างของรัฐสภาไอร์แลนด์จนได้ฉายาว่าเป็น ‘The Baby of the House’ เนื่องจากเขาคือสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในรัฐสภานั่นเอง แฮร์ริสเริ่มไต่บันไดทางการเมืองขั้นแรกด้วยการได้รับเลือกเป็นผู้แทนอย่างเป็นทางการตอนที่อายุเขายังไม่ถึงเบญจเพสเสียด้วยซ้ำ!

 

ความท้าทายที่ต้องก้าวผ่าน

บทบาทบนเส้นทางการเมืองของแฮร์ริสเจริญก้าวหน้ามาเรื่อย ๆ มาจนถึงปี 2016 ที่ตัวเขาได้รับตำแหน่ง ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข’ (Minister of Health) ด้วยวัยเพียง 29 ปีเท่านั้น ก็ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาสร้างประวัติการณ์ในฐานะรัฐมนตรีฯ สาธารณสุขที่อายุน้อยที่สุด ทว่าความยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง โดยเฉพาะกับกระทรวงที่เขาต้องรับผิดชอบอย่าง ‘สาธารณสุข’ ซึ่งถือเป็นกระทรวงที่หินลำดับต้น ๆ เลยทีเดียว

แต่เมล็ดที่เขาได้โปรยเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนก็ผลิดอกออกผลในวันที่เขาเติบใหญ่ วีรกรรมของแฮร์ริสในการเดินหน้าต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของน้องชายและผู้คนที่มีภาวะออทิสติก ทำให้ ไซมอน แฮร์ริส มีภาพลักษณ์และภูมิหลังที่ดีและเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีฯ สาธารณสุขอยู่ไม่น้อย 

ถึงกระนั้นเขาก็ต้องแบกรับกับโจทย์หิน ๆ มากมายในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลการลงมติเรื่องกฎหมายทำแท้งภายในประเทศ หรือแม้แต่การระบาดของโรค COVID-19 ที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคนไหน ๆ ก็คงไม่พร้อมรับมือกับภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น

แฮร์ริสถูกสาธารณชนวิจารณ์อยู่ไม่น้อยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์ในแง่ต่าง ๆ จนในช่วงกลางปี 2020 แฮร์ริสก็ได้ถูกย้ายจากกระทรวงสาธารณสุขไปดูแลกระทรวงใหม่ซึ่งก็คือ ‘กระทรวงเพื่อการศึกษาระดับสูง การวิจัย นวัตกรรม และวิทยาศาสตร์’ (Minister for Further and Higher Education, Research, Innovation and Science) 

 

สู่หัวหน้าพรรค Fine Gael

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ ไซมอน แฮร์ริส ก็คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2024 เมื่อ ‘ลีโอ วาแรดการ์’ (Leo Varadkar) หัวหน้าพรรค Fine Gael ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ (Taoiseach) ณ ขณะนั้น ได้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเป็นการลาออกอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลทั้งส่วนตัวและการเมือง โดยที่สมาชิกในพรรคทราบเรื่องนี้ก่อนล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

และด้วยเหตุนั้น ทางพรรคจึงต้องหาตัวแทนที่จะมารับช่วงต่อจากวาแรดการ์ ซึ่งแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่เสนอตัวเองอย่างแน่ชัดและแน่วแน่คือ ‘ไซมอน แฮร์ริส’ เพราะแฮร์ริสได้ประกาศเป้าหมายและจุดยืนของตัวเองไว้อย่างชัดเจนว่าสักวันหนึ่งตัวเขาจะต้องเป็นผู้นำพรรคให้ได้ 

โดยหนึ่งวันถัดจากวันที่วาแรดการ์ประกาศลาออก แฮร์ริสก็ได้ออกมาบอกว่า “ผมมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำคนถัดไปของ Fine Gael และถ้าผมได้โอกาส ผมจะทุ่มทุกอย่างที่ผมมี เพื่อทำมันออกมาให้ดีที่สุด” และด้วยความที่แฮร์ริสเป็นคนเดียวที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนกับเป้าหมายในฐานะผู้นำพรรค พร้อมทั้งยังได้แสดงศักยภาพและแรงปณิธานอันร้อนแรงตลอดมา 

ด้วยเหตุผลที่เรากล่าวมาทั้งหมดนั้น หัวหน้าคนถัดไปของพรรค Fine Gael ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา 

เส้นทางการก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จากเด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นวัยรุ่นผู้ดื้อดึงในการเรียกร้องสิทธิ กาลเวลาและความมานะก็ได้พาเขามาถึงจุดที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศด้วยวัยเพียง 37 ปีเท่านั้น ถือเป็นนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ที่อายุน้อยที่สุดเลยทีเดียว

ในหลาย ๆ สังคม เราอาจจะเคยชินกับ ‘อายุ’ หรือ ‘ความอาวุโส’ ที่มันทำหน้าที่เสมือนข้อกำหนดเบื้องต้นในการที่จะได้ดำรงตำแหน่งใหญ่ ๆ หรือเป็นผู้นำ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความจริง เพียงแต่ไม่ทั้งหมด… ความอาวุโสย่อมมาพร้อมประสบการณ์และความรู้ที่อาจมีมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าอายุจะเป็นตัวชี้วัดที่บอกว่าเขาคนนั้น ‘ทำไม่ได้

เรื่องราวของ ไซมอน แฮร์ริส ก็ได้ชี้ให้เราเห็นถึงรางวัลตอบแทนของการพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง และตัวอย่างของไฟในการทำงานที่ลุกโชนและได้ขับเคลื่อนคนคนหนึ่งให้ไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจว่าขนบธรรมเนียมของสังคมกำหนดว่าอายุเท่าไรสมควรที่จะทำอะไร

แต่แล้วทิศทางของไอร์แลนด์และพรรค Fine Gael จะเป็นอย่างไรภายใต้การนำของ ไซมอน แฮร์ริส ก็คงต้องรอดูกันต่อไป แต่อย่างน้อยหากหันย้อนมองเส้นทางการก้าวหน้าของเขา ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มหัศจรรย์มาก ๆ เรื่องหนึ่ง

 

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง 

Simon Harris Set to Be Youngest Ever Leader of Ireland After Taking Over as Fine Gael Head | Time 

Simon Harris: Profile of a man in a hurry to the top | BBC

Ireland’s Prime Minister Stepped Down. So What Happens Now? | New York Times

Meet Simon Harris, Ireland’s first TikTok prime minister | Politico 

Who is Simon Harris? 37-year-old emerges as sole candidate to be Ireland PM | Global News 

Simon Harris: From 'articulate' teen to Taoiseach-in-waiting | RTE