12 พ.ค. 2563 | 21:38 น.
“ไต้หวันได้แสดงให้โลกเห็นว่า แนวคิดก้าวหน้ามีที่ยืนในสังคมเอเชียตะวันออก” - ไช่ อิงเหวิน
ฮ่องกงเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ปี 2019 กรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการเข้าแทรกแซงของจีน การร่วมกันต่อสู้ของชาวฮ่องกงสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมให้ชาวไต้หวัน พวกเขาไม่อยากให้จีนเข้ามามีบทบาทมากเหมือนฮ่องกง เวลาเดียวกัน ไช่ อิงเหวิน ประกาศจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุมฮ่องกง ขยายเวลาวีซ่า ให้แกนนำลี้ภัยมายังไต้หวัน พร้อมยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ผูกมิตรกับจีน จะทำให้ไต้หวันได้รับเอกราชอย่างที่เคยพูดไว้เมื่อครั้งลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก ท่ามกลางความคิดเห็นเชิงบวกของประชาชนไต้หวันจำนวนมากที่เห็นด้วย เมื่อทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนอีกครั้ง ไช่ อิงเหวิน สามารถกลับสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค DPP แถมเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาอีกครั้ง เธอตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสอง ชูนโยบายเดิมเรื่องเสรีภาพ ระบอบประชาธิปไตย ไม่มีทางผูกมิตรกับจีน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อจีนนำเรือรบมาปิดช่องแคบไต้หวันก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน การเลือกตั้งในเดือนมกราคม ปี 2020 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ไต้หวัน มีประชาชนมากกว่า 13 ล้านคน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 19 ล้านคน แห่กลับภูมิลำเนาเดิมเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคนแก่รุ่นปู่ย่าที่ไม่เอาจีนอยู่แล้ว รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เบื่อการเมืองประนีประนอมยอมให้จีนคอยขู่อยู่เป็นประจำ ทำให้ ไช่ อิงเหวิน กวาดคะแนนเสียงแบบขาดลอยอีกครั้ง ด้วยคะแนนกว่า 8.17 ล้านเสียง สูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไต้หวัน ทิ้งห่าง ฮั่น กั๋วหยู (Han Kuo-yu) ผู้สมัครจากพรรคก๊กมินตั๋ง ที่มีนโยบายหาเสียงจับมือกับจีนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งได้คะแนนประมาณ 5.4 ล้านเสียง ไปอย่างขาดลอย หลังไต้หวันได้ ไช่ อิงเหวิน เป็นประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปี สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงความยินดีพร้อมตั้งความหวังว่า ไต้หวันเป็นประเทศตัวอย่างของดินแดนแสวงหาประชาธิปไตย สวนทางกับโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่ออกมาแถลงเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ของหลักการจีนเดียว ต่อต้านการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน หลังคว้าชัยจากการเลือกตั้ง ไช่ อิงเหวิน ต้องพบงานหนักอีกครั้งกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามทั่วโลก ถึงกระนั้น เธอสามารถแสดงให้โลกเห็นถึงการรับมือกับโรคระบาดได้ยอดเยี่ยม เธอเขียนบทความ “How My Country Prevented a Major Outbreak of COVID-19” ลงนิตยสารไทม์ (Time) ฉบับพิเศษ ที่รวบรวมความคิดเห็นกรณีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จาก 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของไทม์ ว่าเพราะเหตุใดไต้หวันถึงประสบความสำเร็จเรื่องการคุมโรคระบาด มีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย และยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ระบุว่า ชาวไต้หวันทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาชน ต่างร่วมมือกันอย่างดี นำบทเรียนโรคซาร์สในไต้หวันเมื่อปี 2003 มาเป็นบทเรียน นอกจากนี้ เดือนธันวาคม 2019 รัฐบาลยังได้ข่าวเรื่องโรคติดต่อทางเดินหายใจชนิดใหม่ที่จีน จึงเริ่มการตรวจคัดกรองผู้เดินทางมาจากอู่ฮั่น ซึ่งเป็นต้นทางการระบาดอย่างเข้มข้น แจ้งประชาชนให้เฝ้าระวังโรคติดต่อ ตั้งศูนย์บัญชาการกลางควบคุมการระบาดในเดือนมกราคม 2020 ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว บางประเทศยังไม่ทราบข่าวหรือรู้จักโควิด-19 แต่ไต้หวันเตรียมการเพื่อรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก จนทำให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นของหายาก ไต้หวันคิดวิธีแก้ปัญหาการกักตุน การค้าเก็งกำไร การแย่งชิงสิ่งของที่มีความต้องการสูงช่วงไวรัสระบาดอย่างรัดกุม ทุ่มเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 200 ล้านบาท) จับมือกับเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การแพทย์ จัดหาเครื่องมือพร้อมสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยหลายแห่งภายใน 25 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนหน้ากากจะเพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลและประชาชนทั่วประเทศ ส่วน ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัล ก็ร่วมมือกับวิศวกรภาคเอกชน พัฒนาแอปพลิเคชันแจ้งจุดซื้อหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพื่อให้ประชาชนรู้พิกัดว่ามีสินค้าที่ไหน และยังมีอยู่หรือไม่ จะได้ไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านให้เสียเที่ยว รัฐบาลไต้หวันกำหนดโควตาปันส่วนหน้ากากอนามัย กำหนดให้ผู้ถือบัตรประกันสุขภาพเลขตัวสุดท้ายเป็นเลขคี่ ซื้อได้ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนผู้ถือบัตรลงท้ายเลขคู่ ซื้อหน้ากากอนามัยวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ โดยร้านขายยาจะมีเครื่องอ่านบัตรประกันสุขภาพของผู้ซื้อ เพื่อตรวจสอบว่าซื้อหน้ากากอนามัยไปกักตุนไว้หรือไม่ ส่วนวันอาทิตย์คือวันที่ทุกคนสามารถซื้อได้เสรี ซึ่ง ไช่ อิงเหวิน เองก็ลงพื้นที่ไปร้านค้า เพื่อตรวจสอบว่ามีการขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์เกินราคาหรือไม่ ประธานาธิบดีไต้หวันบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ จน องค์การอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) ออกมาชื่นชมมาตรการรับมือโควิด-19 บ่อยครั้ง แต่ไต้หวันกลับเมินเฉยต่อคำชมพร้อมบอกกับโลกว่า สาธารณสุขไต้หวันส่งข้อมูลเรื่องการระบาดของไวรัสชนิดใหม่จากคนสู่คนไปยัง WHO ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2019 แต่ WHO มองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน จึงยึดข้อมูลจากรัฐบาลจีนเท่านั้น และไม่ส่งต่อข่าวสารให้กับเหล่าประเทศสมาชิก หาก WHO ฟังสิ่งที่ไต้หวันพยายามบอก การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็อาจไม่บานปลายขนาดนี้ (อ่านเพิ่มได้จากบทความนี้ “องค์การอนามัยโลก การเมือง “จีนเดียว” ใน WHO ทำโควิด-19 ระบาดหนัก”) อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า จีนใช้มาตรการโดดเดี่ยวไต้หวันกับหลายประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศเพื่อไม่ให้ปฏิบัติต่อไต้หวันเหมือนประเทศเอกราช องค์การอนามัยโลกกับสหประชาชาติ (United Nations-UN) ก็ยึดหลักตามจีนมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ไต้หวันเคยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ UN โดยเรียกตัวเองว่า ‘ประเทศไต้หวัน’ เพื่อแสดงจุดยืนว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการเข้าไปแทนที่ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้า UN ของไต้หวันถูกปฏิเสธ ปิดโอกาสการเป็นสมาชิก WHO โดยอัตโนมัติ จนกระทั่งเกิดวิกฤตไวรัสไปทั่วโลก WHO โดนผู้นำหลายประเทศวิพากษ์วิจารณ์การทำงานว่าโอนเอียงไปยังจีนมากเกินไป ทั้งที่จีนพยายามปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 จนทำให้ ทีโดรส เกเบรเยซุส (Tedros Ghebreyesus) ผู้อำนวยการ WHO ชาวเอธิโอเปีย ออกแถลงการณ์ว่าการระบาดของไวรัส ทำให้เขาโดยโจมตีด้วยถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติ เหยียดสีผิวจากชาวไต้หวัน การกล่าวโทษชาวไต้หวันของผู้อำนวยการ WHO ทำให้กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกมากล่าวประณามการกล่าวหาเลื่อนลอยไร้หลักฐานของทีโดรส ส่วนประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ก็ออกมาโต้ตอบว่า “ไต้หวันต่างหากที่เป็นฝ่ายโดน WHO กีดกัน และแบ่งแยกมาโดยตลอด” พร้อมกับคำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า หากยังลิดรอนความเป็นประเทศของไต้หวันและเข้าข้างจีนมากเกินไป สหรัฐอเมริกาจะถอนเงินทุนที่มอบให้กับ WHO การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของไต้หวันยังคงดำเนินต่อไป แต่ระหว่างทางไปสู่อิสรภาพดั่งคนไต้หวันตั้งใจ ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน แสดงให้เห็นว่าเธอทำตามคำพูดเมื่อครั้งหาเสียงก่อนขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ผลักดันสิทธิความเท่าเทียมกันของคนหลายกลุ่ม สนับสนุนประชาธิปไตย ใส่ใจเรื่องสาธารณสุข ผูกมิตรกับหลายประเทศ แม้ยังต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกจีนกดดัน แต่ผลงานการบริการประเทศ การยึดมั่นอุดมการณ์ ทำให้สื่อทั่วโลกต่างชื่นชมและจับตา กลายเป็นผู้นำหญิงจากเอเชียที่มีบทบาทการบริหารโดดเด่นไม่แพ้นักการเมืองคนอื่น ๆ การเรียกร้องประชาธิปไตยของไต้หวันมีมาอย่างยาวนาน พวกเขายืนอย่างโดดเดี่ยว ถูกกีดกัน ไร้การสนับสนุน แต่เวลานี้เมื่อวิกฤตไวรัสกระตุ้นให้ไต้หวันได้แสดงความสามารถ เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรัฐบาล ระบบสาธารณสุข คุณภาพของพลเมือง ทำให้การโต้ตอบของไต้หวันหลังจากนี้อาจเสียงดังขึ้น ผู้คนทั่วโลกจับจ้องให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างจีน อาจต้องเร่งแก้ปัญหาหลายสิ่งอย่าง ทั้งการทูตและบทบาทในเวทีโลกที่ย่ำแย่จากการแพร่ระบาดของไวรัส ที่มา https://time.com/collection/finding-hope-coronavirus-pandemic/5820596/taiwan-coronavirus-lessons/?utm_source=twitter.com&utm_medium=social&utm_campaign=social-share-article https://focustaiwan.tw/politics/202004160026 https://www.taiwannews.com.tw/en/news/3778476 https://edition.cnn.com/2019/01/02/asia/xi-jinping-taiwan-tsai-intl/index.html https://www.reuters.com/article/us-taiwan-election/taiwan-president-takes-early-lead-in-election-closely-watched-by-china-idUSKBN1ZA009 https://www.bbc.com/news/world-asia-51104246 https://www.bbc.com/thai/international-48307052 https://twitter.com/iingwen/status/1236208986724024321 https://www.businessinsider.com/taiwans-president-how-the-country-contained-coronavirus-spread-2020-4 https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3080547/taiwans-coronavirus-response-wins-rare-praise-world-health เรื่อง: ตรีนุช อิงคุทานนท์