09 พ.ย. 2565 | 18:30 น.
ลินซีย์ สไนเดอร์ (Lynsi Snyder) ทายาทรุ่น 3 ราชินีเบอร์เกอร์แสนอาภัพผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ In-N-Out Burger แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกันที่ใครได้แวะไปลิ้มลองเป็นต้องคิดในใจออกมาดัง ๆ ว่า อยากให้มาเปิดที่ประเทศตัวเองบ้าง!
ดูเหมือนว่าเสียงเรียกร้องจะดังไปถึงหูของผู้บริหาร เมื่อ In-N-Out Burger เข้ามาลองตลาดในประเทศไทยอีกครั้งในวันนี้ (9 พ.ย. 65) ในรูปแบบป๊อปอัพชั่วคราวแค่ 4 ชั่วโมง ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยก่อนหน้านี้แบรนด์เคยลองเปิดป๊อปอัพครั้งแรกเมื่อปี 2018 แล้วเงียบหายไปนานถึง 4 ปี
ส่วนเหตุผลอะไรที่ทำให้ In-N-Out Burger ถึงเป็นที่รักขนาดนี้ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อ 74 ปีก่อน หลังจากตระกูลสไนเดอร์เริ่มปูทางสร้างอาณาจักรเบอร์เกอร์ของตัวเองขึ้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน In-N-Outs ยังคงถูกพูดถึง แถมยังสามารถมัดใจเชฟชื่อดังอย่างกอร์ดอน แรมซี่ (Gordon Ramsay) ปารีส ฮิลตัน (Paris Hilton) และ ไคลี เจนเนอร์ (Kylie Jenner) ได้จนอยู่หมัด
ปัจจุบัน In-N-Outs ได้ย้ายมาอยู่ในมือของ ลินซีย์ สไนเดอร์ ทายาทรุ่น 3 ผู้ใช้ชีวิตสุดโต่งชนิดที่ว่ามีอะไรเข้ามาเธอก็พร้อมรับไว้หมด ตั้งแต่เหล้า ยา ไปจนถึงชีวิตรักและครอบครัวที่แสนอาภัพ จนทำให้โลกทั้งใบของเธอเกือบแหลกสลาย
ไม่ว่าลินซีย์จะผ่านเรื่องที่ทำให้ใจสลายมามากแค่ไหน แต่เธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความผิดพลาดในอดีต จะไม่มีวันหวนกลับมาทำลายชีวิตและธุรกิจ ตราบเท่าที่เธอยังคงยืนหยัดปกป้องอาณาจักรฟาสต์ฟู้ดแห่งนี้เอาไว้
กว่าจะเป็น In-N-Out ฟาสต์ฟู้ดที่ชาวอเมริกันหลงรัก
In-N-Out Burger ก่อตั้งในปี 1948 ณ เมืองบอลด์วินพาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดย แฮร์รี่ สไนเดอร์ (Harry Snyder) และ เอสเธอร์ สไนเดอร์ (Esther Snyder) ปู่และย่าของลินซีย์ โดยมีจุดเริ่มต้นแสนเรียบง่าย นั่นคือแฮร์รี่อยากจะมีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเอง เพราะหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวสไนเดอร์ก็แทบจะหมดสิ้นหนทาง จนกระทั่งแฮร์รี่ได้พบรักกับเอสเธอร์ เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในซีแอตเทิล ‘ว่าที่’ หญิงสาวที่จะร่วมกันสร้างอาณาจักรฟาสต์ฟู้ดให้แข็งแกร่งไปอีกนับร้อยปี
In-N-Out Burger เป็นร้านแรกที่ใช้ระบบ Drive-Thru ให้บริการ จากนั้นได้ขยายสาขาเพิ่มเป็น 18 สาขาทั่วทั้งแคลิฟอร์เนีย เมื่อแฮร์รี่เสียชีวิตลงในปี 1976 ‘ริช สไนเดอร์’ (Rich Snyder) ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของลินซีย์ขึ้นมารับช่วงต่อ ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ริชเข้ามาดูแล เขาขยายสาขาเพิ่มเป็น 83 สาขา จนกระทั่งเสียชีวิตลงในปี 1993 จากอุบัติเหตุเครื่องบินตก
ฃ‘กาย สไนเดอร์’ (Guy Snyder) ซึ่งเป็นพ่อของลินซีย์จึงต้องเข้ามารับหน้าที่ต่อ ตลอดระยะเวลา 6 ปีเขาขยายสาขาเพิ่มถึง 140 สาขา แม้จะพยายามมากขนาดไหน แต่ด้วยสภาพจิตใจ ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน กายจึงหันหน้าไปพึ่งยาเสพติด แถมยังติดเหล้าอย่างหนัก ในปี1995 เขาถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับ และถือครองอาวุธปืนบรรจุกระสุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แถมยังมีอุปกรณ์เสพกัญชาอยู่บนรถ
กาย รอดชีวิตจากอาการหัวใจวายถึง 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งมักมีสาเหตุมาจากการใช้ยาเกินขนาด ก่อนจะเสียชีวิตลงด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวในเดือนธันวาคม 1999 ขณะอายุ 48 ปี
ลินซีย์ในวัย 17 จึงต้องขึ้นมารับช่วงต่อร่วมกับย่า (แถมยังเกือบถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่)
“ฉันมักร้องไห้ทุกครั้งที่ทำงานหลังครัว” เธอเล่าติดตลก เพราะน้ำตาที่ไหลออกมาระหว่างทำงานนั้น เป็นน้ำตาที่มาจากการหั่นหัวหอมและมันฝรั่ง
“ฉันตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ช่วยธุรกิจของที่บ้าน มันสนุกมากจริง ๆ”
ซึ่งระหว่างนั้นลินซีย์ก็ได้ศึกษาดูงานตามแผนกต่าง ๆ โดยมีย่าเป็นผู้ดูแลเธออีกทอดหนึ่ง จนกระทั่งปี 2006 ผู้เป็นย่าก็จากไปในวัย 86 ปี ทิ้ง In-N-Out Burger ไว้ให้คนนอกตระกูลอย่าง ‘มาร์ค เทย์เลอร์’ (Mark Taylor) รองประธานบริษัทเป็นคนดูแล (พี่เขยของลินซีย์) เนื่องจากลินซีย์ยังเด็กเกินไป
จากนั้นในวันที่ 1 มกราคม 2010 มาร์คจึงส่งตำแหน่งคืนให้ลินซีย์ ทายาทสายตรงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ และกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด หลังจากได้รับหุ้นจากส่วนแบ่งของพ่อ เป็นจำนวน 50% ของบริษัท ทำให้ลินซีย์ในวัยเพียง 30 ปี จึงมีสิทธิ์เด็ดขากที่จะกำหนดทิศทางของบริษัท แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เพราะตั้งแต่เธอขึ้นมารับตำแหน่ง เธอแทบจะไม่เปลี่ยนสิ่งที่รุ่นปู่ทำเลยแม้แต่นิดเดียว
หย่าร้าง 3 ครั้งจนมาพบรักสุดท้าย
แม้ว่าการเป็นลูกหลานเศรษฐี แต่ชีวิตของเธอกลับไม่มีความสุขมากนัก เพราะตั้งแต่พ่อแม่หย่าร้างกันตอนเธออายุ 12 ลินซีย์ก็แทบสูญเสียตัวตน เธอรักพ่อมาก มากจนนึกไม่ออกว่าชีวิตที่ไม่มีพ่อจะอยู่ได้อย่างไร แต่สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือเขานอกใจแม่ นี่จึงเป็นจุดแตกหักที่ทำให้ลินซีย์มองผู้เป็นพ่อไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“เหมือนโลกทั้งใบมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ... ในสายตาฉันพ่อคือพ่อที่ดีที่สุดในโลก (เธอสักคำว่า Daddy’s Girl ไว้บนหัวไหล่ขวา) แถมยังเป็นผู้ชายทำงานหนัก รักครอบครัว แต่ฉันรู้ว่าที่พ่อจากไปไม่ใช่เพราะป่วย ฉันเห็นมาตั้งแต่ 5 – 6 ขวบได้แล้วมั้ง ที่พ่อเริ่มเข้าออกสถานบำบัด
“หลังจากพ่อฉันจากไป ฉันทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ฉันไม่อยากจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงโหยหาอ้อมกอดจากชายอื่นอยู่ตลอด แล้วเมื่อเขาหมดรักฉัน ฉันก็หาอ้อมกอดอันใหม่ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอคนที่รักฉันจริง”
อายุ 17 ลินซีย์เริ่มหันมาพึ่งยาเสพติด แต่ละวันหมดไปกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “ฉันเริ่มสูบกัญชา ดื่มเหล้า มันเป็นสิ่งที่พ่อทำมาทั้งหมด จนฉันรู้สึกกลัวตัวเอง กลัวว่าจะเป็นเหมือนพ่อ กลัวว่าจะต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าฉันยังทำตัวแบบนี้อยู่ พระเจ้าคงมาตามตัวฉันไปก่อนกำหนดแน่”
พออายุ 18 ลินซีย์เริ่มโหยหาความรักอย่างหนัก จึงตัดสินใจแต่งงานกับ เจเรเมียห์ ซีเวลล์ (Jeremiah Seawell) แฟนคนแรกที่คบกันตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ชีวิตรักไม่ยืนยาวนัก เธอหย่าขาดกันในอีกสองปีให้หลัง และแต่งงานครั้งที่ 2 กับ ชาร์ด มาร์ติเนซ (Richard Martinez) ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ก็หย่ากันหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน 6 ปี
“ฉันไม่ชินกับความเหงา มันไม่มีทางที่ฉันจะอยู่กับคนเดียวได้เลย เมื่อเราเลิกกัน ฉันก็เลยมีเหตุผลมากขึ้นในการหาผู้ชายอีกคนมาเติมเต็มความว่างเปล่า”
ส่วนการแต่งงานครั้งที่ 3 เธอเผยว่า มันเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ‘วาล ตอร์เรส’ (Val Torres) แต่งงานกับเธอเพราะเงิน แถมยังนอกใจ ไม่เคยให้เกียรติเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง
“มันเป็นยุคมืดในชีวิตของฉัน...
“ชีวิตฉันจบลงตอนอายุ 22 เขาไม่เคยปฏิบัติกับฉันแบบที่ผู้ชายดี ๆ เขาทำกัน นอกใจตอนท้อง หลอกว่ารักฉัน แต่โอเค ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันสมควรโดนแล้ว เพราะฉันก็เคยทำตัวแย่ ๆ กับสามีเก่าเหมือนกัน”
สุดท้ายทั้งคู่หย่าร้างกันในปี 2014 และต่อมาได้พบรักครั้งใหม่กับฌอน เอลลิงสัน (Sean Ellingson) สามีคนปัจจุบัน ที่เธอบอกว่าเหมือนพระเจ้าประทานมา ทั้งคู่ครองรักกันหวานชื่น และก่อตั้งมูลนิธิ ‘Army of Love’ ร่วมกัน
เมนูที่ขับเคลื่อนผ่านคำสอนจากพระเจ้า
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร - ยอห์น 3:16
ยอห์น 3:16 คือคำสอนจากพระคัมภีร์ที่ In-N-Out Burger เขียนไว้ก้นแก้วของเครื่องดื่มทุกใบ เพื่อให้ผู้รับสัมผัสกับความรักที่พระเจ้าประทานให้ผ่านมื้ออาหารแต่ละมื้อ ซึ่งลินซีย์รักและศรัทธาพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด
นอกจากคำสอนที่สลักไว้ฐานแก้วแล้ว เธอยังพิมพ์สุภาษิต 24:16 (เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก แต่คนอธรรมจะสะดุดล้มลงในความยากลำบาก - ผู้เขียน) เอาไว้ในซองใส่เฟรนช์ฟราย
และ ลุค 6:35 (แต่จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์ และท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด เพราะว่าพระองค์ยังทรงโปรดแก่คนอกตัญญูและคนชั่ว - ผู้เขียน) ไว้ที่แก้วกาแฟ
คำสอนทั้งหมดช่วยผลักดันให้ลินซีย์บริหารอาณาจักรแห่งนี้ให้ยิ่งใหญ่ จนสามารถครองใจคนทั่วโลกจนปัจจุบัน
แม้จะประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แต่เธอยังคงยืนยันว่าจะไม่มีการขายเฟรนไชส์เด็ดขาด เว้นแต่พระเจ้าจะบรรดาลให้เธอตัดสินใจทำแบบนั้น
“เราได้รับข้อเสนอที่บ้ามาก มีตั้งแต่เจ้าชายจากประเทศแถบทะเลทราย ไปจนถึงนักธุรกิจระดับโลก แต่แผนของฉันไม่เคยเปลี่ยน
“ทุกอย่างที่ทำมันไม่เกี่ยวกับเงิน เว้นแต่พระเจ้าจะเสกสายฟ้าลงมาผ่า แล้วเปลี่ยนความคิดของฉันไปจนหมด ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าฉันจะไม่มีวันขายบริษัทเด็ดขาด”
ภาพ: Lynsi Snyder / Instagram
อ้างอิง
https://www.in-n-out.com/history
https://www.adweek.com/brand-marketing/how-n-out-became-small-burger-chain-massive-following-168120/
https://www.businessinsider.com/what-in-n-out-lynsi-snyder-life-is-like-2018-12
https://people.com/food/lynsi-snyder-in-n-out-billionaire-heiress/