Julian Eltinge คุมแม่ Drag Queen ผู้จุดระเบิดพลัง Soft Power

Julian Eltinge คุมแม่ Drag Queen ผู้จุดระเบิดพลัง Soft Power

Julian Eltinge ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น Drag Queen คนแรกของโลกบนบรอดเวย์ เพราะเขาไม่ได้แสดงเป็นผู้หญิง แต่เล่นเป็นผู้หญิงจริงๆ และยังเป็นผู้จุดระเบิดพลัง Soft Power ที่ทำให้คนรู้จัก Drag Culture

KEY

POINTS

  • Drag เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะมีเพียงสุภาพบุรุษเท่านั้นที่ขึ้นเวทีได้ ดังนั้นบุรุษจึงต้องแต่งตัวเป็นตัวละครหญิงแทนสุภาพสตรี
  • และคนสำคัญในวงการ Drag ก็คือ Julian Eltinge ที่เป็น Drag Queen คนแรกของโลกบนบรอดเวย์ 
  • เธอถือเป็นคนที่ขับเคลื่อน Drag Culture เข้ากระแสหลักในเวลาต่อมา ผ่านความคิดสร้างสรรค์ด้านแฟชั่น และการแต่งหน้า

Drag Queen เป็นกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ผ่านความหมายทางการแสดงออกรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้แสดงได้สร้างสรรค์บทบาท และบุคลิกภาพใหม่ได้อย่างเสรี เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตน แสดงจุดยืน และส่งสารบางอย่างสู่สังคม อัตลักษณ์นี้สร้างขึ้นจากประสบการณ์ ความชื่นชอบ และแรงบันดาลใจโดยไม่จํากัดเพศ

Drag เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของละครเวทีเช็ก สเปียร์ในศตวรรษที่ 17 ตามจารีตแล้ว ต้องมีเพียงสุภาพบุรุษเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นเวทีได้ นี่จึงเป็นที่มาของ Drag ในรูปแบบสุภาพบุรุษที่ต้องแต่งหน้าทาปากแต่องค์ทรงเครื่องเสื้อผ้าหน้าผมแสดงเป็นตัวละครหญิงแทนสุภาพสตรี

Drag ที่ซึมซับอยู่กับวัฒนธรรมเช็ก สเปียร์ดำเนินต่อมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ จนถึงช่วงต้นทศวรรษ 1900 วัฒนธรรม Drag ได้โบยบินไปปักหลักยังสหรัฐอเมริกา ผ่านศิลปะผสม ที่ผสานกันระหว่างดนตรี และ Standup Comedy โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Vaudeville การแสดงสดตลกโปกฮา ทั้งเต้นรำ และล้อเลียน

โดยวงการ Vaudeville นี่เองที่ได้ให้กำเนิด Drag Queen คนแรกขึ้นมา เขาคนนั้นมีชื่อว่า Julian Eltinge ที่ต่อมาได้กลายเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่ง ในฐานะนักแสดงที่มีรายได้สูงที่สุดในยุค 1910

Julian Eltinge คุมแม่ Drag Queen ผู้จุดระเบิดพลัง Soft Power

Julian Eltinge เจ้าแม่ Soft Power ตัวจริง 

Julian Eltinge เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1881 ที่เมืองนิวตันวิลล์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักแสดงละครเวทีและดาราภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้รับการยกย่องให้เป็น Drag Queen คนแรกของโลกที่ปรากฏตัวบนบรอดเวย์ในปี ค.ศ. 1904

Julian Eltinge แต่งหญิงครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 10 ขวบขึ้นแสดงในคณะละคร Boston Cadets Review ที่ Tremont Theater ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น Julian Eltinge ชอบสวมเสื้อผ้าสตรี และรักแสดงมาก เวลาว่างเขาเปิดแสดงในบาร์ที่เจ้าของฟาร์มและคนงานเหมืองเป็นผู้อุปถัมภ์ เมื่อพ่อแม่รู้เข้าจึงลงโทษด้วยการส่งไปทำงานประจำเป็นพนักงานร้านของชำ แต่ Julian Eltinge ก็ยังแอบไปเรียนเต้นรำจนได้

Julian Eltinge ได้รับการยกย่องให้เป็น Drag Queen คนแรกของโลกจากการปรากฏตัวบนบรอดเวย์ในปี ค.ศ. 1904 ในละครเวทีเรื่อง Mr. Wix of Wickham ในช่วงเวลาดังกล่าว ชื่อเสียงของ Julian Eltinge เริ่มเป็นที่โจษจันในวงการ Vaudeville เพราะเขา “ไม่ได้แสดงเป็นผู้หญิง-แต่เล่นเป็นผู้หญิงจริงๆ”

ในปี ค.ศ. 1911 Julian Eltinge ได้เปิดการแสดงที่โด่งดังที่สุดของเขาเรื่อง The Fascinating Widow ที่โรงละคร Liberty ในนิวยอร์ก ซึ่งยืนโรงถึง 56 รอบ และประสบความสำเร็จในการทัวร์ทั่วประเทศเป็นเวลาต่อเนื่องอีกหลายปี

Julian Eltinge ได้ต่อยอดความสำเร็จของ The Fascinating Widow ในหนังเงียบ 2 เรื่องคือ The Crinoline Girl ในปี ค.ศ. 1914 และ Cousin Lucy ในปี ค.ศ. 1915 จากนั้นเขามุ่งหน้าสู่ฮอลลีวู้ดในปี ค.ศ. 1917 เรื่อง The Countess Charmingโดยเล่นเป็นทั้งผู้ชาย และชายที่สวมชุดผู้หญิง

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่สร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Julian Eltinge ได้รับการยกย่องในฐานะนักแสดง Vaudeville ที่มีรายได้สูงที่สุดในวงการบันเทิง คือ 3,500 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์

Julian Eltinge คุมแม่ Drag Queen ผู้จุดระเบิดพลัง Soft Power

จาก Drag Queen สู่ Drag Race และ Drag Culture

Julian Eltinge มีฐานะร่ำรวยมาก และอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย แม้จะเป็นมหาเศรษฐี แต่เขายังคงออกทัวร์อย่างต่อเนื่อง และรับงานแสดงภาพยนตร์อีก 2 เรื่องในช่วงท้ายของอาชีพ ได้แก่ Madame Behave และThe Fascinating Widow ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับเขาในเวอร์ชั่นละครเวที

หลังยุคเฟื่องฟูของ Julian Eltinge วัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Drag Culture ได้เปิดตัวขึ้นในวงการบันเทิงกระแสหลักในยุค 1930-1940 การแต่งหญิงอย่างเปิดเผยได้แผ่ขยายในกลุ่มชาวเกย์ ที่ถือว่า Drag เป็นการสร้างความบันเทิงรูปแบบหนึ่งในบาร์

ในเวลาต่อมา Drag Culture ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุค 1950 -1960 ภายใต้รหัส Pansy Craze ก่อนที่จะเกิดการปราบปรามชุมชนชาว LGBT ครั้งใหญ่ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม Drag Ball ซึ่งเป็นการประกวดแข่งขันล้อเลียนในช่วงต้นของยุค 1970 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pride Month ที่สืบทอดต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ดังนั้น ถือได้ว่าการปรากฏตัวของ Julian Eltinge ในฐานะ Drag Queen คนแรก มีส่วนกระตุ้นให้ Drag Queen คนอื่นๆ ทยอยออกโรงตามมา ไม่ว่าจะเป็นร็อคสตาร์ยุค 70 อย่าง Davbid Bowie หรือ RuPual Andre Charles โต้โผใหญ่ผู้ให้กำเนิดวัฒนธรรมการแข่งขัน Drag Race ที่โด่งดังไปทั่วโลกในยุค 80

และก็เป็น Drag Race นี้เองที่เป็นชนวนระเบิด Soft Power ผู้ขับเคลื่อน Drag Culture เข้ากระแสหลักในเวลาต่อมา ผ่านความคิดสร้างสรรค์ด้านแฟชั่น และการแต่งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารยธรรม Lip Sync ที่สืบทอดต่อมาในยุค 90

จาก Drag Queen สู่ Drag Race และ Drag Culture

Julian Eltinge มีฐานะร่ำรวยมาก และอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย แม้จะเป็นมหาเศรษฐี แต่เขายังคงออกทัวร์อย่างต่อเนื่อง และรับงานแสดงภาพยนตร์อีก 2 เรื่องในช่วงท้ายของอาชีพ ได้แก่ Madame Behave และThe Fascinating Widow ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับเขาในเวอร์ชั่นละครเวที

หลังยุคเฟื่องฟูของ Julian Eltinge วัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Drag Culture ได้เปิดตัวขึ้นในวงการบันเทิงกระแสหลักในยุค 1930-1940 การแต่งหญิงอย่างเปิดเผยได้แผ่ขยายในกลุ่มชาวเกย์ ที่ถือว่า Drag เป็นการสร้างความบันเทิงรูปแบบหนึ่งในบาร์

ในเวลาต่อมา Drag Culture ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุค 1950 -1960 ภายใต้รหัส Pansy Craze ก่อนที่จะเกิดการปราบปรามชุมชนชาว LGBT ครั้งใหญ่ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม Drag Ball ซึ่งเป็นการประกวดแข่งขันล้อเลียนในช่วงต้นของยุค 1970 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pride Month ที่สืบทอดต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ดังนั้น ถือได้ว่าการปรากฏตัวของ Julian Eltinge ในฐานะ Drag Queen คนแรก มีส่วนกระตุ้นให้ Drag Queen คนอื่นๆ ทยอยออกโรงตามมา ไม่ว่าจะเป็นร็อคสตาร์ยุค 70 อย่าง Davbid Bowie หรือ RuPual Andre Charles โต้โผใหญ่ผู้ให้กำเนิดวัฒนธรรมการแข่งขัน Drag Race ที่โด่งดังไปทั่วโลกในยุค 80

และก็เป็น Drag Race นี้เองที่เป็นชนวนระเบิด Soft Power ผู้ขับเคลื่อน Drag Culture เข้ากระแสหลักในเวลาต่อมา ผ่านความคิดสร้างสรรค์ด้านแฟชั่น และการแต่งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารยธรรม Lip Sync ที่สืบทอดต่อมาในยุค 90

Julian Eltinge คุมแม่ Drag Queen จุดระเบิดพลัง Soft Power

หากพิจารณาในอีกแง่มุมหนึ่ง Drag Culture คือหนึ่งใน Soft Power แห่งยุคสมัย ที่ไม่เป็นเพียงแค่วัฒนธรรม แต่เป็นกระแสธารที่สะท้อนถึงความหลากหลายแห่งกาลเวลา ที่แฝงไว้ด้วยการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างอย่างเข้มข้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Drag Culture คือสัญลักษณ์หนึ่งของการแสดงออกเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมอย่างแยบยล และส่งอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น และอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างยิ่งยวด

เช่นเดียวกับ Julian Eltinge ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคแห่งความหลากหลาย ที่แม้จะถูกสังคมปิดกั้น แต่เขาได้ดำรงตนเยี่ยงพลุที่จุดตัวเองเพื่อความสว่างไสวของสังคม แม้จะความสวยงามและกระจ่างชัดจะเกิดเพียงชั่วครู่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะส่งมอบแสงไฟให้กับคนรุ่นต่อไป

แม้ภาพลักษณ์หลังม่านของ Julian Eltinge จะไม่ชัดเจนแต่เขาก็แต่งงานกับ Laurette Bullivant นักแสดงตลกชื่อดัง แม้ว่าเขาจะแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงอย่างชัดแจ้งบนเวที แต่ Julian Eltinge ก็มีภาพลักษณ์แบบชายชาตรีในที่สาธารณะเพื่อต่อต้านข่าวลือเรื่องความเป็นเกย์

วิกฤตการณ์ตลาดหุ้นในปี ค.ศ. 1929 Julian Eltinge ก็เป็นเช่นเดียวกับบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความนิยมที่มีต่อ Vaudeville พลอยดิ่งเหวไปด้วยอย่างไม่ทราบสาเหตุในช่วงทศวรรษ1930 

Julian Eltinge หันไปจับงานแสดงในไนต์คลับแทน ควบคู่ไปกับมาตรการปราบปรามการการแต่งกายข้ามเพศในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะควบคุมกิจกรรมรักร่วมเพศในห้วงเวลานั้น

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1941 Julian Eltinge ล้มป่วยขณะแสดงที่ ไนต์คลับ Diamond Horseshoe ในนครนิวยอร์ก เขาถูกนำตัวกลับบ้าน และเสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์ของเขาใน 10 วันต่อมา คือในวันที่ 7 มีนาคม ปี ค.ศ. 1941 ใบมรณบัตรของเขาระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นโรคเลือดออกในสมอง

ภาพ: J. Willis Sayre Collection of Theatrical Photographs