กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

‘กันยา เซสเซอร์’ (Kanya Sesser) ชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ผู้เป็นทั้งนางแบบ นักแสดง นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสเก็ตบอร์ด เจ้าของสถิติโลกยืนหกสูง โดยการใช้สองมือยืนบนสเก็ตบอร์ด นานที่สุดในโลกตามบันทึกของ Guinness World Records เป็นเวลา 19.65 วินาที

KEY

POINTS

  • ‘กันยา เซสเซอร์’ (Kanya Sesser) ชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ผู้เป็นทั้งนางแบบ นักแสดง นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสเก็ตบอร์ด
  • กันยาคือเจ้าของสถิติโลกยืนหกสูง โดยการใช้สองมือยืนบนสเก็ตบอร์ด นานที่สุดในโลกตามบันทึกของ Guinness World Records เป็นเวลา 19.65 วินาที
  • เธอเกิดและโตที่อำเภอปากช่อง ประเทศไทย ได้รับการดูแลจาก 'แม่ ๆ' จากโรงพยาบาลปากช่องนานาเป็นอย่างดี ก่อนจะได้รับอุปการะจากครอบครัวเซสเซอร์ ชาวอเมริกันที่หลงรักกันยาตั้งแต่แรกเห็น เธอจึงย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ 6 ขวบ

“คงต้องเริ่มจากการให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนค่ะ เริ่มด้วยการถามว่าตัวเองว่า ต้องการอะไร”

‘กันยา เซสเซอร์’ (Kanya Sesser) ชาวอเมริกันเชื้อสายไทยในวัย 31 ปี กล่าวถึงคติในการใช้ชีวิตตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนอายุล่วงเลยเข้าสู่เลขสาม เธอเป็นทั้งนางแบบ นักแสดง นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสเก็ตบอร์ด เจ้าของสถิติโลกยืนหกสูง โดยการใช้สองมือยืนบนสเก็ตบอร์ด นานที่สุดในโลกตามบันทึกของ Guinness World Records เป็นเวลา 19.65 วินาที

เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้มาโดยตลอดคือ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเสียงหัวใจของตัวเอง และนั่นทำให้เธอทำทุกอย่างตามเสียงหัวใจเรียกร้อง กันยาไม่เคยหยุดฝัน เธอพร้อมจะลุยทุกอย่างเท่าที่ศักยภาพของเธอจะทำได้ แต่เอาเข้าจริง เธอไม่เคยมองว่าตัวเองแตกต่าง ไม่ว่าจะทางกายภาพ เชื้อชาติ หรือสิ่งอื่นใด เธอคือตัวเธอ เธอคือคนเดียวบนโลก ดังนั้นคงไม่มีใครจะมาแทนที่คนชื่อกันยา หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมความพิเศษเช่นเธอได้อีกแล้ว

กันยาเติบโตมาด้วยความรัก เธอถูกห้อมล้อมด้วย ‘แม่ ๆ’ จากโรงพยาบาลปากช่องนานา อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมามาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่รู้จักว่าแม่หรือพ่อที่แท้จริงคือใครกันแน่ การมีพื้นเพชีวิตแบบนี้ไม่ได้บั่นทอนคุณค่าของเธอแต่อย่างใด ในทางกลับกันเธอกลับรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดีเสมอมา

เสียงร่ำไห้จากข้างถนน

ย้อนกลับไปวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 อำเภอปากช่อง ประเทศไทย มีคนเดินผ่านหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใกล้กันมีพงหญ้าขึ้นท่วมสูง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้เหมือนจะขาดใจดังออกมาเป็นระยะ ทันทีที่ได้ยินเสียง ผู้หวังดีรีบหาที่มาของเสียง จนพบกับร่างของเด็กทารกถูกห่อด้วยผ้าสีชมพู ผู้หวังดีรีบคว้าเด็กน้อยขึ้นมา พร้อมกับสำรวจร่องรอยว่าเด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ก่อนจะพากลับบ้านและพบว่าทั้งร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยยุงกัดเต็มไปหมด

“เขาเปิดผ้าออกมาและเห็นฉันมีรอยยุงกัดเต็มตัวเลยค่ะ แล้วพยายามหาว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีกบ้าง และก็พบว่าฉันไม่มีขา ตอนแรกเขาก็พยายามหาว่าฉันถูกทารุณตัดแขนตัดขาไปหรือเปล่า แต่ไม่พบร่องรอย ฉันเกิดมาไม่มีขาตั้งแต่แรก”

หลังจากนั้น ผู้หวังดีจึงต่อโทรศัพท์สายตรงหาตำรวจ และนำทารกตัวน้อยคืนสู่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อสืบหาว่าใครกันแน่ที่ทิ้งเด็กน้อยไว้ข้างทางเช่นนี้ ระหว่างการค้นหากันยาถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของแม่ ๆ พยาบาล ไม่ว่าจะเป็น ‘แม่จันทร์’ (บุญจันทร์ ไชยแขวง) ‘แม่จิตร’ (สมจิตร รอสูงเนิน) ซึ่งพวกเธอก็ช่วยดูแลทารกตัวน้อยตั้งแต่อายุ 3-4 เดือน กระทั่งวันเวลาล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 4 เด็กหญิงกันยาก็กลายเป็นที่รักของคนทั้งโรงพยาบาล

แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อ แม่ ๆ รู้ดีว่าตามกระบวนการกฎหมายต้องหาบ้านที่อบอุ่นให้กันยา จึงติดต่อไปยังสหไทยมูลนิธิ ซึ่งเป็นมูลนิธิดูแลเด็กถูกทอดทิ้ง สองปีต่อมากันยาได้รับการอุปการะจาก เดวิด และเจน เซสเซอร์ พ่อแม่บุญธรรม ชาวอเมริกัน ได้พาเธอไปสู่ชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม

 

ครอบครัวใหม่ที่พร้อมสนับสนุนทุกความฝัน

กันยาย้ายไปอยู่อเมริกากับครอบครัวเซสเซอร์ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เธอไม่รู้ภาษาอังกฤษ สื่อสารไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าครอบครัวต้องการจะบอกอะไร ชีวิตต่างแดนจึงกดดันไม่น้อย แต่ความรักจากพ่อแม่และพี่ชายทำให้เธอยังอุ่นใจ เธอรู้ดีว่าในไม่ช้าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง

“ช่วงแรกฉันรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำไมคนที่ฉันต้องอยู่ด้วยถึงไม่ใช่แม่ ๆ พยาบาล ทำไมต้องไปอยู่กับคนที่พูดภาษาอื่นด้วย ลองนึกภาพดูนะว่าคุณพิการ ไม่มีขา แต่ต้องมาอเมริกา ประเทศที่คุณไม่รู้อะไรเลยนอกจากภาษาของคุณเอง คุณต้องการให้คนอื่นเข้าใจคุณ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่เข้าใจคุณอยู่ดี”

กันยาเล่าว่าเธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยจนกระทั่งอายุ 9 ขวบ เพราะการเรียนรู้ภาษาใหม่เป็นเรื่องยากไม่น้อย บางครั้งเธอก็ร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว

“ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย พยายามเข้าใจมาโดยตลอด แต่ไวยากรณ์มันยากมาก แถมการเรียนที่โรงเรียนก็ยากและลำบากเข้าไปอีก”

โชคดีที่ครอบครัวของเธอเข้าใจลูกสาวของพวกเขาอย่างสุดใจ จึงให้กันยาได้ลองใช้ชีวิตตามแบบที่เธอใฝ่ฝัน กันยาเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่ใช้มือเดินแทนขา มาจนถึงวันที่เล่นกีฬาแทบทุกชนิดได้โดยไร้ขีดจำกัด

และการเติบโตมาในครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้ เธอจึงสามารถทำทุกอย่างตามใจเรียกร้องได้โดยไม่ทรมานใจ แถมยังรู้สึกสุขใจทุกครั้งทีได้เป็นตัวของตัวเอง หากเธอไม่สามารถทำตามความฝันได้แล้ว ชีวิตต่อจากนี้คงเหี่ยวเฉาน่าดู

“พูดตามตรง ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างเลย ฉันแค่รู้สึกว่า 'โอเค นี่คือตัวตนของฉัน' นี่คือฉัน และฉันจะลุยให้ถึงที่สุด”

กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

ขอแค่มั่นใจเข้าไว้!

“ผู้คนต่างจ้องมองมาที่ฉัน ฉันเลยชอบทักทายพวกเขากลับไปว่า ‘สวัสดี ฉันชื่อกันยา’ ไม่เขินอายอะไรเลยค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้น แค่คิดว่าอยากทักทายพวกเขา ฉันคือกันยา หญิงไร้ขา”

กันยาอัธยาศัยดีตั้งแต่เด็ก เพื่อนร่วมชั้นต่างรักเธอ แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดต่างตกหลุมรักเสียงหัวเราะ และความเป็นกันเองของกันยา เธออยู่ในทีมเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียน ได้รับเลือกให้เป็นราชินีงานพรอม การออกเดทหรือพบเจอคนใหม่ ๆ ในชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ

ทั้งหมดนี้ คือโลกที่เปิดกว้างเพราะความมั่นใจในการใช้ชีวิตของกันยา

กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

“ตอนไปโรงเรียนไม่เคยถูกแกล้งเลยค่ะ มีแต่คนอยากรู้เรื่องราวของฉัน สิ่งที่ทำได้คือแสดงให้พวกเขาเห็นว่าฉันไม่ได้แตกต่างจากพวกเขา ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ สามารถปีนต้นไม้ได้ ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ฉันมีไฟในตัวเองมาตลอด ไม่เคยมีวันไหนหมดไฟเลยสักครั้ง และที่สำคัญฉันจะไม่ยอมให้ใครมาบั่นทอนความเป็นตัวของตัวเองเด็ดขาด”

กันยาเริ่มเป็นนางแบบตั้งแต่อายุ 16 ปี ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย เช่น Adidas, Sephora, Sweaty Betty และ Abercrombie and Fitch นอกจากนี้ เธอยังเดินแบบบนรันเวย์ในงาน New York Fashion Week ในปี 2021 และ 2022 อีกด้วย

ในปี 2016 กันยาได้รับบทนักเล่นเซิร์ฟมืออาชีพใน Hawaii Five-0 หลังจากนั้นเธอก็ได้แสดงในรายการทีวีอื่น ๆ และยังได้แสดงใน The Walking Dead และ Fear of the Walking Dead อีกด้วย โดยได้รับบทเป็นซอมบี้ที่ผูกติดอยู่กับรถบรรทุกและขับบนถนนลูกรังด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะเสี่ยงแต่ทุกประสบการณ์ที่ได้รับหล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งอย่างในทุกวันนี้

กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

กีฬาคือความสุข

ก่อนจะเล่นสเก็ตบอร์ด กันยาเล่นกีฬาบนวีลแชร์มาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น บาสเก็ตบอลบนรถเข็น เทนนิส รักบี้วีลแชร์ ว่ายน้ำ และฮอกกี้ เธอเริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่มัธยมต้น และได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขัน National Junior Disability Challenge รวมถึงเหรียญทองแดงจากการแข่งขันระดับประเทศ

หลังจากเลิกเล่นกีฬากรีฑาในปี 2015 เธอจึงหันมาสนใจกีฬาผาดโผน และพบว่านี่แหละคือชีวิตที่เธอฝัน จนทำให้เธอได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน X Games ในปี 2019, Dew Tour ในปี 2022 และเคยเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกในปี 2011 และในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 2010 อีกด้วย

“ฉันมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักสเก็ตคนอื่น ๆ และการแข่งขันสำหรับผู้พิการทางร่างกาย รวมถึงนักกีฬาปกติ ทำให้เราสร้างเป็นชุมชน รวมตัวพวกเขาเข้าด้วยกัน เพื่อให้กีฬาชนิดนี้ยังคงได้รับการส่งต่อไปเรื่อย ๆ”

กันยา เซสเซอร์ : ถึงกำพร้าและไร้ขา แต่พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของชีวิตเพียงแค่ไม่หยุดฝัน

ส่วนคำแนะนำสำหรับคนที่เริ่มอยากเข้าสู่กีฬาชนิดนี้ กันยาบอกว่าอยากให้ทุกคนมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองเยอะ ๆ เพราะคงไม่มีใครจะรักและเคารพตัวเองได้ดีเท่าเจ้าของร่างกายนี้แล้ว

“โปรดรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองค่ะ บนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และเราทุกคนต่างมีช่วงเวลาให้รู้สึกสั่นคลอน ไม่มั่นใจในตัวเองบ้างในบางครั้ง แต่ได้โปรดเชื่อมั่นในตัวเองเยอะ ๆ คุณสมควรได้รับมัน”

จากวันที่ถูกพบเจอจากพงหญ้า ร้องตะโกนอย่างสุดเสียงหวังให้ใครได้ยิน มาในวันที่เธอเฉิดฉายบนเวทีโลก ไม่ว่าขยับไปทางไหนแสงไฟสปอตไลท์ทุกดวงต่างหันมาส่องแสงให้กันยา ชีวิตของเธอไม่เคยหยุดนิ่ง เธอพร้อมจะคว้าทุกโอกาส ไม่ว่าจะงานนางแบบ นักแสดง หรือนักกีฬา ทั้งหมดนี้คือข้อพิสูจน์ว่าร่างกายไม่ใช่อุปสรรคต่อการทำตามฝัน ร่างกายไม่ได้ทำให้เธอพิกลพิการจนถึงจิตวิญญาณ แต่มันคอยหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นหญิงสุดแกร่ง และกล้าเผชิญกับทุกความไม่แน่นอนของชีวิต

“ฉันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง การตั้งคำถามถึงขีดจำกัดหรือความสามารถมันเป็นสิ่งที่ดีค่ะที่เราจะสงสัย แต่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดประโยชน์อะไร หากเราไม่พยายามทำความเข้าใจว่าเรา(คนพิการ)คือใคร ฉันคิดว่าโลกของเราจะดีขึ้นกว่านี้ได้ หากพ่อแม่พูดคุยกับลูก ๆ เล่าให้ฟังว่าบนโลกนี้มีความแตกต่างเยอะมาก และความพิการคือหนึ่งในนั้น เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาตระหนักถึงความแตกต่าง เพื่อให้พวกเขารับรู้และเรียนรู้ไปพร้อมกัน”

คำว่า ‘คนปกติ’ คือสิ่งที่กันยาได้ยินมาตลอดทั้งชีวิตพอ ๆ กับคำว่า ‘คนพิการ’ แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ เธอก็ยังไม่เข้าใจนิยามของมันกระจ่างชัด เพราะทั้งคนปกติหรือคนพิการ ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ประจำตัวแตกต่างกัน

“อะไรคือคำว่าปกติ ฉันไม่ปกติ ใช่ แต่ก็ไม่มีใครปกติเช่นกัน เราทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และท้ายที่สุดแล้ว เราก็เป็นคนเหมือนกัน และความเป็นคนที่แตกต่างมันช่างสวยงามเหลือเกิน

“เกิดมาเพียงครั้งเดียว แล้วยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของชีวิตอีก ดังนั้น สิ่งที่ฉันจะเสียใจมากที่สุดก็คือการไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อฉันตายไป สิ่งเดียวที่ฉันจะเสียใจคือไม่ได้พยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ตามที่ต้องการและไม่ได้เติมเต็มตัวเองด้วยสิ่งที่ต้องการทำ”

และนี่คือเรื่องราวของกันยา เซสเซอร์จากเด็กสาวที่ถูกทิ้งข้างถนน กลายเป็นดวงดาวประดับฟ้าไม่ว่าจะขยับไปทางไหน เธอก็พร้อมส่งต่อพลังงานดี ๆ ให้คนรอบข้างเสมอ

สามารถติดตามกันยาได้ทางอินสตาแกรม kanyasesser

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : Guinness World Records

 

อ้างอิง