13 ก.ย. 2566 | 17:03 น.
- เบื้องหลังความสำเร็จด้านอวกาศของอินเดีย มีทีมนักวิทยาศาสตร์มากฝีมือ พวกเขาผสมผสานการทำงานที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ ร่วมกับความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ
- ก่อนปล่อยจันทรายาน-3 ทีมนักวิทยาศาสตร์จากองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) ราว 8 คน นำจันทรายาน-3 จำลองไปที่วัดติรุปติ เวนกตชลาปาตี
- ขณะที่หัวเรือใหญ่ของ ISRO ไปสวดมนต์ที่วัดศรีเจนกลัมมะ วันเดียวกับที่นำยานจำลองไปที่วัด
หนึ่งสัปดาห์หลังจากประสบความสำเร็จนำยานไร้มนุษย์ไปลงจอดบนดวงจันทร์ได้ อินเดียก็เดินหน้าโครงการอวกาศอันยิ่งใหญ่ ส่งยานอาทิตยา-แอล1 ไปสำรวจศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาล
อาทิตยา-แอล 1 ถูกปล่อยก่อนเที่ยงวันเสาร์ 2 กันยายน 2023 เล็กน้อย การถ่ายทอดสดเผยให้เห็นผู้ชมจำนวนมากโห่ร้องยินดีท่ามกลางเสียงอึกทึกของการปล่อยจรวด
“ขอแสดงความยินดีกับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของเรา เราจะพยายามด้านวิทยาศาสตร์ต่อไปอย่างไม่ลดละเพื่อพัฒนาความเข้าใจจักรวาลให้ดียิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรีอินเดียโพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X อดีตทวิตเตอร์
ยานอาทิตยาจะใช้เวลา 4 เดือน เดินทางไกล 1.5 ล้านกิโลเมตร ไปสังเกตการณ์ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ เพื่อให้ถึงจุดหมายที่เรียกว่า ‘จุดลากร็องฌ์ที่ 1’ หรือ ‘แอล1’
ชาติที่ 4 ลงจอดบนดวงจันทร์
เดือนก่อนอินเดียประกาศศักดาเป็นชาติที่ 4 ที่ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จตามรอยรัสเซีย สหรัฐ และจีน ด้วยงบประมาณไม่ถึง 75 ล้านดอลลาร์ ชาวอินเดียยินดีกันถ้วนหน้า แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้มีมุมเล็ก ๆ ที่หลายคนคาดไม่ถึง
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม หนึ่งวันก่อนปล่อยจันทรายาน-3 ทีมนักวิทยาศาสตร์จากองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) ราว 8 คน นำจันทรายาน-3 จำลองไปที่วัดติรุปติ เวนกตชลาปาตี (Tirupati Venkatachalapathy Temple) ในเมืองติรุปติ รัฐอานธรประเทศ หนึ่งในนั้นคือเลขาธิการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ ISRO
“นี่คือจันทรายาน-3 ทำภารกิจสำรวจดวงจันทร์ เราจะปล่อยยานพรุ่งนี้” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งในทีมกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ส่วนเอส โสมนาถ ประธาน ISRO ไปสวดมนต์ที่วัดศรีเจนกลัมมะ ในวันเดียวกัน
“จันทรายาน-3 จะเริ่มต้นเดินทางพรุ่งนี้ เราหวังว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และลงจอดบนดวงจันทร์ในวันที่ 23 ส.ค.” ประธาน ISRO กล่าวหลังสวดมนต์
ความเชื่อเหนือธรรมชาติ
การสวดมนต์ไหว้พระขอพรไม่ใช่ธรรมเนียมที่เพิ่งมี นักวิทยาศาสตร์ ISRO ทำมานานแล้ว หลายปีก่อน เจ้าหน้าที่เกษียณแล้วรายหนึ่งเคยเผยกับสื่อว่า ISRO อาจส่งจรวดและดาวเทียมไปยังดวงดาวหลายดวง แต่ได้รับการชี้นำจากเรื่องเหนือธรรมชาติและความเชื่อส่วนตัวด้วย เช่น การนับถอยหลังปล่อยจรวด ณ ฐานปล่อย ISRO จะไม่เริ่มต้นในเวลาของดาวราหู (Rahu Kaalam) ซึ่งกินเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งเนื่องจากเป็นฤกษ์ไม่ดีต่อการเริ่มต้นงานใหม่
“ในภารกิจระหว่างดวงดาว ไม่สามารถหาฤกษ์ตรงกับเวลาปล่อยจรวดได้ การปล่อยยิงต้องพิจารณาจากตำแหน่งดาวปลายทางในวันที่คาดว่ายานจะเข้าสู่วงโคจร ดังนั้น การนับถอยหลังต้องเริ่มต้นด้วยฤกษ์มงคล” เจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบาย
ในอดีต ก่อนการปล่อยจรวดทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ ISRO จะสวดมนต์ที่วัดเทพ เวงเกเตศวร ในเมืองติรุมาลา รัฐอานธรประเทศ วางแบบจำลองจรวดไว้แทบเท้าเทพขอพระองค์อวยพรให้ประสบความสำเร็จ
หลายปีผ่านไป เจ้าหน้าที่เริ่มไปวัดอื่น ๆ ใกล้กับฐานยิงจรวดศรีหริโกฏะที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพื่อขอพรให้ภารกิจสำเร็จ และก่อนที่จรวดจะเข้าสู่ระยะต่าง ๆ ต้องมีการทำพิธีบูชา
“นี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคลล้วน ๆ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับพระเจ้าและยาพิษหรอก” อดีตผู้บังคับบัญชา ISRO เผย
เลข 13 อัปมงคล
นอกจากนี้ ยังมีกรณีนักวิทยาศาสตร์จรวดที่เกษียณแล้วรายหนึ่ง ตำแหน่งสูงถึงระดับผู้อำนวยการโครงการ เขาต้องสวมเสื้อใหม่ในวันปล่อยจรวด หรือแม้แต่การที่ ISRO เองไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมจรวดนำส่งดาวเทียม ‘พีเอสแอลวี-ซี13’ จึงไม่มีในระบบ หลังจากส่งจรวดพีเอสแอลวี-ซี12 ไปแล้ว
ISRO ใช้จรวดพีเอสแอลวี-ซี14 ทำหน้าที่นำดาวเทียมโอเชียนแซต-2 และดาวเทียมนาโนของยุโรป 6 ดวงขึ้นสู่วงโคจรโลก ข้ามตัวเลข 13 ไปเลย
เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนยัน “ไม่มีการออกแบบจรวดหมายเลขดังกล่าว” แต่ก็ไม่ได้ให้ความเห็นว่า ISRO มองว่าเลข 13 เป็นตัวเลขอัปมงคลหรือไม่
ที่น่าสนใจคือ หลังจากภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอพอลโล-13 ล้มเหลว องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) ไม่เคยใช้ตัวเลขนี้ไปตั้งชื่อภารกิจอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ภารกิจดาวอังคารของอินเดียก็ฝ่าขนบด้วยการบินในวันอังคาร
จากปากคำเจ้าหน้าที่ ISRO อีกคนหนึ่ง ระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ISRO ที่ปล่อยจรวดวันอังคาร โดยทั่วไปวันอังคารถือว่าเป็นวันไม่ดี”
แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสอีกรายในภารกิจดาวอังคารเผยว่า สำหรับเขา วันอังคารเป็นวันดี เนื่องจากภารกิจสำเร็จ
จากความเห็นที่แตกต่างชี้ว่า นี่เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลอย่างแท้จริง
ชาวอินเดียทั่วโลกทำพิธีขอพร
ในเมื่อนักวิทยาศาสตร์ยังต้องขอกำลังใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิพักพูดถึงประชาชนคนสามัญ ตอนที่ยานสำรวจของจันทรายาน-3 จะลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ กำหนดเวลาไว้ที่ 18.04 น. วันพุธที่ 23 สิงหาคม ประชาชนทุกความเชื่อตั้งแต่เมืองฤาษีเกศ ไปจนถึงสหรัฐฯ ขอพรกันตั้งแต่เช้า ขอให้อินเดียประสบความสำเร็จในหมุดหมายประวัติศาสตร์แห่งการสำรวจดวงจันทร์
ตัวอย่างเช่น ในรัฐมัธยประเทศ ประชาชนไปรวมตัวกันที่วัดศรีมหากเลศวร ในเมืองอุชเชน ประกอบพิธีพิเศษเรียกว่า ‘ภัสมาอารตี’ ขอให้จันทรายาน-3 ลงจอดที่ขั้วใต้ของดวงจันทร์ได้สำเร็จ ที่เมืองฤาษีเกศมีการทำพิธี ‘คงคาอารตี’ ในสหรัฐฯ ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียทำพิธีบูชาไฟ ‘หวัณ’ และ ‘อภิเษกมฺ’
ส่วนที่อังกฤษ นักศึกษาและนักวิจัยชาวอินเดียในอักซ์บริดจ์ ลอนดอน จัดพิธีขอพรที่วัดอัตยา ศักติ มาตาจี ขอให้จันทรายาน-3 ลงจอดอย่างปลอดภัย
ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่า พลังศรัทธาเหล่านั้นส่งผลหรือไม่ แต่อินเดียก็ประสบความสำเร็จเป็นชาติแรกของโลกที่นำยานลงจอดบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ซึ่งเป็นพื้นที่อันท้าทายได้สำเร็จ แตกต่างจากความพยายามล่าสุดของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยานลูนา-25 ไปจอดที่ขั้วใต้ได้ก่อนอินเดีย แต่กลับล้มเหลวกระแทกผิวดวงจันทร์ในวันที่ 20 สิงหาคม ก่อนเวลากำหนดลงจอด 12 ชั่วโมง
เรื่อง: กนกวรรณ เกิดผลานันท์
ภาพ: แฟ้มภาพ เอส โสมนาถ ประธาน ISRO ประกอบกับแฟ้มภาพทีมงาน ISRO ของอินเดีย จาก Getty Images
อ้างอิง: