‘เทพลีลา’ 2 หนุ่มอารมณ์ดี ที่อยากอวดลีลาเต้นแต่ไม่สำเร็จ ตั้งตนเป็น ‘ตลกครีเอทีฟ’ เมืองไทย

‘เทพลีลา’ 2 หนุ่มอารมณ์ดี ที่อยากอวดลีลาเต้นแต่ไม่สำเร็จ ตั้งตนเป็น ‘ตลกครีเอทีฟ’ เมืองไทย

เปิดเรื่องราวของ ‘เทพลีลา’ ที่เริ่มต้นจาก 2 หนุ่มอารมณ์ดี ที่อยากอวดลีลาเต้นแต่ดันไม่สำเร็จ จึงปรับแนวทางคอนเทนต์ตั้งตนเป็น ‘ตลกครีเอทีฟ’ ที่เป็นมากกว่าครีเอเตอร์

  • ‘เทพลีลา’ ชื่อที่มาจาก ลีลาของเทพ(เจ้า) ที่อยากมาอวดการเต้น โชว์เหนือสเต็ปของร่างกายผ่านลีลาและเสียงเพลง
  • เติ๊ด - ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี และ  เหว่ง - ภูศณัฎฐ์ การุณวงศ์วัฒน์ 2 ผู้ก่อตั้งเพจสายอารมณ์ดี ที่อยากมาแชร์ความติ๊งต๊อง ด้วยสกิล ตลก ครีเอทีฟ ยัดเยียดความฮาสุ่กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

“มันเริ่มจากอยากโชว์ความไร้สาระออกมาให้มากที่สุด (ฮา ๆ)”

เติ๊ด - ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี หนุ่มวัย(เกือบ)กลางคน หน้าตาหล่อเหลา และมักจะตกเป็นเหยื่อข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นคนเจ้าชู้ประจำ ‘เทพลีลา’ เขาเอ่ยปากเมาท์มอยถึงผู้ร่วมก่อตั้งเพจอีกคนหนึ่งคือ ‘เหว่ง’ (ภูศณัฎฐ์ การุณวงศ์วัฒน์) หนุ่มอารมณ์ดีวัย 45

เป็นการตอบคำถามของ 2 หนุ่มอารมณ์ดีช่วง Q&A ในคลิปวิดีโอแรก ๆ ตั้งแต่ที่เริ่มต้นทำ ‘เพจเทพลีลา’ เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งตอนนี้อายุของเทพลีลาก็ดำเนินมาสู่วัย 7 ขวบแล้ว และเป็นไปตามเป้าหมายของ 2 หนุ่มที่อยากจะทำคอนเทนต์ใหม่ออกมาเรื่อย ๆ (แม้ว่าจะมีความคล้ายรายการอื่นบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็พูดเองว่า อาจจะเหมือนรายการอื่นมาก ๆ แต่ก็คือคอนเทนต์ใหม่นะ ฮา ๆ)

นอกจากนี้ ความใฝ่ฝันในวันนั้นที่จะปั้นเทพลีลาสู่แพลตฟอร์มอื่น เช่น YouTube แน่นอนว่าวันนี้ประสบความสำเร็จเกินฝันพวกเขาไปมาก เพราะปัจจุบันมียอด subscribers มากถึง 1.66 ล้านคน จำนวนขนาดนี้เรียกว่าเป็นประเทศหนึ่งยังไหวเลย แล้วตัวเลขที่เห็นก็ยังไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบไม่กลัวความสูงกันเลย

แต่ก่อนที่จะไปศึกษาวิธีคิดของหนุ่ม ๆ อยากให้เริ่มรู้จักที่มาของชื่อเทพลีลาก่อน เพราะเอาจริงก็สะท้อนคาแรคเตอร์บางอย่างลึก ๆ ของเพจเทพลีลาได้เหมือนกัน

‘เทพลีลา’ 2 หนุ่มอารมณ์ดี ที่อยากอวดลีลาเต้นแต่ไม่สำเร็จ ตั้งตนเป็น ‘ตลกครีเอทีฟ’ เมืองไทย

ทำไมต้องชื่อ ‘เทพลีลา’

เหตุผลที่ตั้งชื่อว่าเทพลีลา เพราะมาจากลีลาของ ‘เหว่ง’ ที่ยกยอตัวเองว่าเป็นนักเต้นลีลาเด็ด เขาอยากจะมาอวดลีลาฝีเท้าของตัวเองผ่านเพจที่มีชื่อนี้ ดังนั้นความหมายของชื่อเทพลีลาก็มาจาก ลีลาของเทพ(เจ้า)นั่นเอง ฮา ๆ

“เริ่มจากตอนแรก ๆ ที่พี่เหว่งชวนทำคอนเทนต์ ก็คือทำคอนเทนต์ติ๊งต๊อง ๆ สไตล์เขาแหละ (เติ๊ดตอบคำถามด้วยน้ำเสียงก๊วน ๆ)

“เมื่อก่อนอะถ้าเป็นติ๊งต๊องเลเวลสูง เขาจะทำเพจเกี่ยวกับการเต้น แล้วพี่เหว่งก็บอกว่าเขาเป็นคนเต้นเก่งมาก (ฮา ๆ) ไม่รู้ใครไปบอกเขาว่าเป็นคนเต้นเก่ง ผมก็บอกว่า โอเคอยากทำก็ทำ ทำเพจเต้นนี่แหละ ซึ่งคำว่า ลีลา = มันคือลีลาการเต้นของพี่เหว่งนี่แหละครับ แล้วคลิปแรก ๆ ของพวกเราอะก็คือเต้น นี่ก็เป็นที่มาของชื่อเพจเทพลีลาครับ

“แต่พอเราเต้นไม่ดีและก็ไม่มีใครดูด้วย เราก็เลยเปลี่ยนทิศทางคอนเทนต์มาเป็นแบบปัจจุบัน”

 

แรงบันดาลใจเริ่มทำเพจ

“อยากจะโชว์ความไร้สาระออกมาให้ได้มากที่สุด (ฮา ๆ) ล้อเล่นครับ ก็คือ เราอยากทำเป็นอาชีพนั่นแหละ ก็เหมือนคนทำบริษัททั่วไปครับ อยากทำให้ดี ดูแลทีมได้ ให้คนดูชอบและมีความสุข แล้วก็อยู่ได้ด้วย คือพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วย (เรื่องรายได้)”

ส่วนเป้าหมาย ทั้งเติ๊ดและเหว่งพูดในตอนนั้นก็คือ “อยากจะขยายแพลตฟอร์ม เพราะตอนนี้ทำเพจแค่ใน Facebook แต่เราอยากจะขยายไปแพลตฟอร์มอื่นด้วย เช่น YouTube”

‘เทพลีลา’ 2 หนุ่มอารมณ์ดี ที่อยากอวดลีลาเต้นแต่ไม่สำเร็จ ตั้งตนเป็น ‘ตลกครีเอทีฟ’ เมืองไทย

แต่ด้วยความไม่ปัง ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนั้นเมื่อ 7 ปีก่อน ทำให้เราได้เห็นเทพลีลาในวันนี้เป็นเทพลีลาที่เติบใหญ่ และมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมาก ซึ่งบนเวทีในงาน Thailand Influencer Awards (TIA) ที่ผ่านมา ได้รับเชิญ 2 หนุ่มเทพลีลามาแชร์แนวทางคอนเทนต์ในมุมมองของพวกเขา ในฐานะที่ได้รับรางวัล Best Entertainment Awards จากเวทีนี้

ซึ่งขณะที่ 2 หนุ่มเหว่ง - เติ๊ด อยู่บนเวทีในฐานะที่เป็นวิทยากรมาแชร์ความรู้ เห็นได้ชัดถึงความเคร่งขรึมของ ‘เหว่ง’ ที่ดูผิดแปลกไป เพราะโดยปกติเขาจะเฮฮา เล่นตลกหน้าตายอยู่บ่อย ๆ ส่วน ‘เติ๊ด’ ซึ่งเขา keep บุคลิกอันเริงร่าและยิ้มง่ายเหมือนที่เราเห็นในคลิป ในวันนั้นก็ยังคงเป็นแบบนั้น เพียงแต่มีความประหม่าเล็กน้อย และนี่คือสิ่งที่พวกเขาบอกกับเรา

 

พวกเราเป็น ‘ตลก ครีเอทีฟ’

“ด้วยวิกฤตการเงินในไทย และพวกเราอยากทำเงินด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองและเลี้ยงครอบครัว อีกอย่างผมกับพี่เหว่งเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เราจึงอยากลองทำคอนเทนต์อะไรสักอย่าง”

นอกจากนี้ 2 หนุ่มจากเทพลีลา ได้พูดถึงตัวตนของเพจว่าพวกเขาวางตัวเองเป็น ‘ตลก ครีเอทีฟ’ ไม่ใช่แค่ ‘ครีเอเตอร์’ ซึ่งอธิบายไว้ว่า

“เทพลีลา หรือ ยกกำลัง 2 เราเรียกตัวเองว่าเป็น ‘ตลก ครีเอทีฟ’ มากกว่าครับ คือ เรายัดความตลกตามกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ครับ”

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ครีเอเตอร์ ยังพูดถึงวิธีการคิดการปล่อยคอนเทนต์ในแต่ละครั้งว่า โดยปกติจะวางแผนงานทั้งเดือน แต่พวกเขาจะมีการพูดคุยกันตลอดว่า คอนเทนต์ไหนที่ควรปล่อยและอย่าเพิ่งปล่อย ถึงแม้ว่าคอนเทนต์นั้น ๆ จะเป็น month plan ก็ตาม ซึ่งทุกอย่างต้องดูตามความเหมาะสม และไทม์ไลน์ในช่วงนั้นว่าคอนเทนต์ประเภทไหนที่จะดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า

และเมื่อถามถึง ‘ความเฟล’ สำหรับเทพลีลาว่าช่วงเวลาแบบนั้นเกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ พวกเขาบอกว่า “จุดยืนของเทพลีลาคือ เราจะบ้ง (ผิดพลาด) ในสิ่งนั้นก่อน แล้วเรียนรู้ทุกวัน เราจะพยายามทำดีในมุมมองของเราให้ดีที่สุด ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตพวกเราก็อาจจะบ้งอีก แต่สิ่งที่อยากพูดก็คือ อยากให้คนในสังคมให้โอกาสกัน เรียนรู้กันและกัน

“ต่อให้เราบ้ง ต่อให้เราแป้ก สำคัญที่สุดเลยคือ ต้องเริ่มทำก่อน

“ถ้าจะอยากให้พูดฝากอะไร ก็คงจะเป็นแนะนำแพลตฟอร์มที่ดีในการเริ่มต้นคือ TikTok เพราะมีโอกาสประสบความสำเร็จเร็วที่สุดแล้วในเวลานี้ แต่อยากให้สติว่า การเสพสื่อของคนเราตอนนี้ มันขยายไปไกลมาก มีความ toxic มากขึ้น ซึ่งก็คงอยากจะพูดแนะนำเรื่องการเสพสื่อเหล่านั้น และสร้างความเข้าใจกับมัน เพราะโลกทุกวันนี้มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ หลายรูปแบบเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และเร็วมาก”

การแชร์มุมมองจาก ‘เหว่งและเติ๊ด’ เป็นเพียงบางมุมเท่านั้นที่มาจาก 2 ครีเอเตอร์ชื่อดังของเมืองไทย อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่อยากแนะนำหรือฝากถึง

แต่จุดเริ่มต้นที่ดีในการผันตัวเองไปเป็นครีเอเตอร์ และในฐานะคนเสพสื่อคอนเทนต์ ความเข้าใจจากคนที่เป็นกูรูในวงการคอนเทนต์อีกมุมหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็เหมือนเป็นการเล่าสู่กันฟัง และอาจจะช่วยแครกบางอย่างจากเรื่องราวของ 2 หนุ่มเทพลีลาก็ได้

ข้อมูลบางส่วนมาจากคลิป ‘ทำไมใช้ชื่อเทพลีลา Q&A’ จาก https://www.youtube.com/watch?v=X3NT99h11Sk และการพูดคุยในงาน Thailand Influencer Awards (TIA)

 

ภาพ : เพจเทพลีลา/Facebook