26 ต.ค. 2566 | 15:05 น.
- ‘ลูเซียนา ฟุสเตอร์’ (Luciana Fuster) ตัวแทนจากประเทศเปรู ตัวเต็งของเวทีเป็นผู้ชนะเลิศเวทีประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2023
- ลูเซียนา ฟุสเตอร์ ถูกจับตามาตลอดในฐานะตัวเต็งด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง
- บรรยากาศของเวทีนี้ แม้จะถูกตำหนิในช่วงต้น หากมองภาพรวม กระแสและความสนใจในระดับนานาชาติถือว่าไม่แผ่วลงเลยทีเดียว
เวทีการประกวดนางงามอินเตอร์ระดับโลกสัญชาติไทยอย่างมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Miss Grand International) ปี 2023 โดยมีประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ปิดฉากลงอย่างงดงามในค่ำคืน 25 ตุลาคม 2023
สาวงามผู้คว้ามงกุฎไปครองครองคือ ‘ลูเซียนา ฟุสเตอร์’ (Luciana Fuster) ตัวแทนจากประเทศเปรู ผู้ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่แฟน ๆ นางงามจับตามองมาโดยตลอด
ในบทความนี้ ผู้อ่านจะได้ทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของเธอ เหตุผลที่อาจทำให้เธอคว้าชัยชนะในครั้งนี้ รวมถึงพูดคุยถึงภาพรวมของการประกวดที่มิสแกรนด์ อินเตอร์ฯ ที่ดูท่าว่าจะไปเป็นช่วงเทรนด์ขาขึ้นแบบฉุดไม่อยู่
‘ลูเซียนา ฟุสเตอร์’ มิสแกรนด์ ฯ คนที่ 11 ของโลก กับคุณสมบัติที่ “แล้วบอสจะปฏิเสธหนูไม่ลง”
‘ลูเซียนา ฟุสเตอร์’ สาวงามวัย 24 ปี เริ่มเส้นทางสู่การเป็นบุคคลสาธารณะของเธอด้วยการชนะการประกวด Miss Teen Model Perú ในปี 2015-2016 ต่อด้วยรางวัลชนะเลิศในการประกวด Miss Teen International 2016-2017
หลังจากนั้น เธอเริ่มมีผลงานในวงการบันเทิงเช่น แสดงภาพยนตร์ พิธีกรประจำคลื่นวิทยุของสเปน Onda Cero โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันในรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง Esto es Guerra ที่เธอได้โชว์ความสามารถในด้านการเต้นแบบสุดฤทธิ์สุดเหวี่ยง ทำให้ยอดผู้ติดตามผ่านทางอินสตาแกรมของเธอพุ่งสูงถึง 4.5 ล้านคน
เรือนร่างของผู้หญิงแบบอุดมคติ (อก เอว สะโพก) ประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจในการแสดงออกบนเวที โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดผู้ติดตาม ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ลูเซียนา ในบริบทของมิสแกรนด์ฯ หรือพูดอย่างอีกก็คือสิ่งเหล่านั้นเป็นคุณสมบัติที่เจ้าของเวที (คุณณวัตน์) จะให้คะแนนเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากเธอจะเป็นผู้เข้าประกวดที่ถูกจับตามองและวางให้เป็นตัวเต็งตั้งแต่เริ่มต้นการประกวด
ในช่วงระหว่างเก็บตัว เธอทำผลงานได้ดีในทุก ๆ รอบ กราฟของเธอเริ่มทิ้งห่างผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ และขึ้นเป็นจ่าฝูงหลังจากการประกวดรอบชุดว่ายน้ำ
‘อิงฟ้า วราหะ’ เคยให้ความคิดเห็นไว้ว่า มิสแกรนด์เปรูคนนี้ทำคะแนนได้ดีติดอันดับต้น ๆ ในทุก ๆ รอบ มีฐานแฟนคลับที่ส่งคะแนนโหวตให้อย่างหนาแน่น เป็นหนึ่งผู้เข้าประกวดที่อาจคว้ามง
ตลอดการเก็บตัว กระแสของเธอไม่เคยตกหรือแผ่ว เธอรักษามาตรฐานได้อย่างสม่ำเสมอ ประคองตัวเองและทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนถึงรอบไฟนอล
อย่างไรก็ดี ในรอบตอบคำถามสำหรับผู้เข้าประกวด 5 คนสุดท้าย คงต้องบอกตามตรงว่าเธอไม่ใช่คนที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด และเนื้อหาคำตอบของเธอไม่ได้โดดเด่นที่สุด หากเทียบกับคนอื่น ๆ แต่ในแง่ดี เธอก็ตอบมันอย่างมีสติ เป็นธรรมชาติ(ไม่ประดิษฐ์) และดูจริงใจ และนี่คือคำถามและคำตอบของเธอ
ถาม… “ด้วยเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างอิสราเอล กลุ่มฮามาส และฉนวนกาซา ในช่วง 18 วันที่ผ่านมานี้ มีผู้เสียชีวิตราว 8,000 คน หากคุณมีโอกาสจะพูดกับผู้นำสักคน คุณจะพูดกับใคร ว่าอะไร เพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”
คำตอบ… “ปัจจุบัน เราอยู่ในท่ามกลามความขัดแย้ง เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สงครามดูเป็นเรื่องยากที่จะหยุดยั้ง ฉันเลยอยากจะขอพูดกับผู้นำของอิสราเอล ขอให้เขาดูแลชาติของเขา เพราะไม่มีใครสมควรจะมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวด มีผู้เสียชีวิตมากมายในทุก ๆ วัน และข่าวสารที่เผยแพร่ออกมาก็ล้วนแล้วแต่น่าสยดสยอง หากเราไม่เปลี่ยนแปลงวิถีคิด หากเราไม่เปลี่ยนการแบ่งพรรคพวก สังคมก็จะไม่มีทางดีได้ ได้โปรด ปล่อยตัวประกัน”
ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาจะดูไม่เป็นชัยชนะแบบขาดลอย แต่ก็เข้าตำราที่แฟน ๆ นางงามมิสแกรนด์ชอบพูดกันว่า “แล้วบอส (คุณณวัฒน์) จะปฏิเสธหนูไม่ลง” เพราะอย่างที่กล่าวไว้ คุณสมบัติและต้นทุนที่เธอมีนั้น พูดให้ถึงที่สุดคือเป็นตัวเลือกที่เมื่อบวกลบคูณหารแล้วน่าจะก่อประโยชน์ให้แก่องค์กรสุดที่สุด นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหลักที่ผลักดันเธอให้คว้ามงกุฎไปครอบครองได้สำเร็จ
ภาพรวมของเวทีมิสแกรนด์ ฯ เวทีขาขึ้นแบบฉุดไม่อยู่
แม้ในระหว่างการเก็บตัว เวทีมิสแกรนด์อินเตอร์ ฯ อาจถูกตำหนิค่อนข้างรุนแรงถึงความปลอดภัยในรอบการประกวดชุดว่ายน้ำ ทางกองประกวดให้สาวงามทุกคนใส่รองเท้าส้นสูงเดินแบบประกวดในขณะฝนตกและพื้นลื่นจนทำให้นางงามหลายคนลื่นล้มแบบไม่เป็นท่า แต่ถือว่าภาพรวม เวทีมิสแกรนด์อินเตอร์ฯ ยังคงรักษามาตรฐานได้ดี กระแสและความสนใจในระดับนานาชาติไม่แผ่วลงแม้แต่น้อย สังเกตได้จากการจัดงานที่ใหญ่โตขึ้นทุกปี นานาประเทศต่างเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ และตัวแทนนางงามของแต่ละประเทศที่ส่งมาประกวด ทั้งสวยทั้งสับขึ้นทุกปี
ยิ่งไปกว่านั้น ในท่ามกลางบริบทของโลกสงครามการต่อสู้ปะทุขึ้นในจุดต่าง ๆ สุนทรพจน์เกี่ยวกับสงครามของเหล่าสาวงามผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย (ซึ่งมีประจำทุกปีอยู่แล้ว เพราะอุดมคติหลักของมิสแกรนด์ฯ คือการต้านต่อสงครามและความรุนแรงในทุกรูปแบบ) หรือคำถามถึงสงครามในรอบ 5 คนสุดท้ายที่ตรงไปตรงมา ยิ่งขับเน้นให้เวทีดูมีเนื้อหาและความเข้มข้น สอดรับเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ที่ทั้งโลกให้ความสนใจ
ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งให้มิสแกรนด์อินเตอร์ฯ ผงาดเป็นเวทีระดับโลกอย่างสมศักดิ์ศรี สวนทางกับเวทีระดับตำนานอย่างมิสยูนิเวิร์สหรือมิสเวิลด์ที่นับวันยิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดงาน กิจกรรมในกองประกวด โปรดักชั่น ฯลฯ รวมถึงข้อครหาของเวทีในเรื่องของการตัดสิน
2 ปีก่อน คุณณวัตน์ เคยประกาศบนเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ว่า ขอเวลาอีกเพียงไม่กี่ปีเขาจะทำให้มิสแกรนด์ฯ เป็นเวทีประกวดสาวงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และทำให้โลกแห่งการประกวดสาวงามมีเพียงมิสแกรนด์ฯ คำพูดนี้ที่บางคนมองเป็นชวนหัว กลับมีโอกาสเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งหนึ่งที่ชวนให้จับตามองต่อไปคือ เหตุผลในด้านผลประโยชน์จะไปเดินคู่กับคุณค่าหรือความนิยมของเวทีนางงามเสมอไปหรือไม่
หมายเหตุ: คำว่า ‘บอส’ ในประโยค “แล้วบอสจะปฏิเสธหนูไม่ลง” บอส คือคำเรียกที่เหล่านางงามและแฟน ๆ นางงามมิสแกรนด์ใช้เรียกคุณณวัตน์ เป็นคำพูดติดปากของบรรดาเหล่านางงามที่มาประกวดมิสแกรนด์ฯ ใช้แสดงความมั่นใจกับผู้อื่น การตอบว่า “แล้วบอสจะปฏิเสธหนูไม่ลง” เท่ากับว่า เธอผู้นั้นมีความสวยพร้อมมากจนคุณณวัตน์ ต้องให้มง ประโยคนี้กลายมาเป็นคำพูดของแฟน ๆ นางงามในบริบทเชิงขำขันเวลาที่เรามั่นใจในอะไรสักอย่างมาก ๆ จนเราไม่น่าจะพลาด
เรื่อง: ณัฐ วิไลลักษณ์
ภาพ: Miss Grand International / Facebook