19 พ.ย. 2566 | 18:04 น.
- คนที่ติดตามรายการ ‘The Face Thailand’ ซีซัน 1 จะคุ้นหน้าเธอดี เพราะเธอเป็นหนึ่งในลูกทีมของ ‘เมนเทอร์พลอย’ แต่ในรายการนี้เธอก็ไม่สามารถทะลุไปยังรอบลึก ๆ ได้
- เธอไม่ได้อยากสร้างตำนานในวงการนางงาม แต่มองถึงความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต และคิดว่าแพลตฟอร์มของมิสยูนิเวิร์สจะช่วยทำให้ความตั้งใจและโครงการเพื่อสังคมของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น
การประกวด ‘มิสยูนิเวิร์ส 2023’ (Miss Universe 2023) นับเป็นอีกปีที่แฟนนางงามลุ้นกันแทบหยุดหายใจ เพราะครั้งนี้สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย เข้าใกล้มงมากที่สุดในรอบ 35 ปี
สาวงามผู้มีเลือดแห่ง ‘นักสู้’ คนนี้คือ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023
“ขอโทษที่ไม่สามารถนำมงกุฎกลับมาที่บ้านของเราได้ ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักและการสนับสนุนทั้งหมดที่ได้รับตลอดการเดินทางในครั้งนี้ หากไร้ซึ่งแรงสนับสนุนของทุกคน ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ อย่างที่เคยบอกไป มงกุฎและสายสะพายไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งที่คุณทำกับแพลตฟอร์มที่คุณมีนั้นสำคัญที่สุด”
แอนโทเนียบอกเล่าความรู้สึกนี้เป็นภาษาอังกฤษ ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ หลังพ่ายให้กับนางงามจากนิการากัว ‘เชย์นิส ปาลาซิโอส’ (Sheynnis Palacios) ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ถึงจะไม่ใช่ผู้ชนะบนเวทีนี้ เรื่องราวการต่อสู้บนเส้นทางนางงามของเธอก็ได้สร้าง ‘แรงบันดาลใจ’ ให้กับผู้คนมากมาย
ผู้แพ้ใน The Face สู่ ‘มิสซูปรา’ คนแรกของไทย
‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ วัย 27 ปี ลูกครึ่ง ไทย - เดนมาร์ก จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด สาขาการตลาดและประชาสัมพันธ์
คนที่ติดตามรายการ ‘The Face Thailand’ ซีซัน 1 จะคุ้นหน้าเธอดี เพราะเธอเป็นหนึ่งในลูกทีมของ ‘เมนเทอร์พลอย’ (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) แต่ในรายการนี้เธอก็ไม่สามารถทะลุไปยังรอบลึก ๆ ได้ ทั้งยังไม่ถูกเอ่ยถึงเป็นพิเศษ หลังจากออกไปจากรายการแล้วก็ไม่ได้มีผลงานบันเทิงอะไรมากนัก
แต่จู่ ๆ แอนก็กลับมาอีกครั้งในฐานะผู้ชนะ ‘มิสซูปราเนชันแนลไทยแลนด์ 2019’ เล่นเอาหลายคนขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะไม่เชื่อว่านี่คือแอนคนเดียวกับที่เคยร้องไห้เพราะพลาดหวังใน The Face
แอนได้กลายเป็นตัวแทนสาวไทยในการประกวด ‘มิสซูปราเนชันแนล’ (Miss Supranational) ที่ประเทศโปแลนด์ หนึ่งในเวทีประกวดสาวงามนานาชาติระดับแกรนด์สแลมของโลก ซึ่งว่ากันตามตรง สาวไทยไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับเวทีนี้สักเท่าไหร่นัก และน้อยครั้งที่จะมีตัวแทนสาวไทยจะผ่านเข้ารอบลึก ๆ
แต่ปรากฏว่า แอนไม่เลือกที่จะยอมแพ้ เธอสู้จนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุก ๆ รอบ และตอบคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ social media ได้ถูกใจกรรมการ เธอจึงกลายเป็นผู้สร้างตำนาน สาวไทยคนแรกที่คว้ามงกุฎมิสซูปราเนชันแนลมาครองได้สำเร็จ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็มีแฟน ๆ คอยเอาใจช่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่บนเส้นทางการต่อสู้ของเธอ ไม่ได้มีเพียงการดูแลรูปโฉมภายนอกเท่านั้น เธอยังเปิดบริษัทและคิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ซึ่งทุกคำสั่งซื้อจะสมทบทุน 1 ดอลลาร์ให้แก่โครงการ ‘Little steps’ ที่เธอดูแล เพื่อคืนประโยชน์ให้แก่สังคมและผู้ยากไร้
นั่นเป็นเพราะว่าคุณสมบัติของความเป็นผู้นำ ถือเป็นหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของมิสยูนิเวิร์ส
จาก ‘มิสซูปรา’ สู่ ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์’
ในระหว่างที่แอนออกงานในฐานะมิสซูปรา เธอมักจะถูกถามเสมอว่า สนใจลงประกวดมิสยูนิเวิร์สหรือเปล่า? ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเธอจะตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ บางคนตีความว่าเธอมีแนวโน้มจะปฏิเสธด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็เซอร์ไพรส์ด้วยการยืนยันว่าเธอจะเข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 เล่นเอาแฟนนางงามพากันตาลุกวาว เลือกกันแทบไม่ถูกว่าจะเชียร์ใครดีระหว่างแอนโทเนีย, เจสซี่ (กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์) ผู้เข้าแข่งขันหน่วยก้านดีจาก The Face ซีซัน 2, และ วีนา (ปวีนา ซิงห์) ดีกรีเจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 และรองอันดับ 1 เวทีเดียวกันในปี 2020
ถามว่าเป็นเจ้าของตำแหน่งมิสซูปรายังไม่พออีกหรือ? ประเด็นนี้แอนมองว่า เธอไม่ได้อยากสร้างตำนานในวงการนางงาม แต่มองถึงความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต และคิดว่าแพลตฟอร์มของมิสยูนิเวิร์สจะช่วยทำให้ความตั้งใจและโครงการเพื่อสังคมของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น
และเธอก็ทำสำเร็จอีกครั้ง โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งที่น่าเกรงขามไปได้ แม้บางคนจะคาใจในรอบตอบคำถามรอบ 3 คนสุดท้าย
รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023
แอนไม่ได้เคลื่อนไหวตอบโต้ เธอทุ่มเวลาไปกับการเตรียมพร้อมสู่การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2023 ซึ่งจัดขึ้น ณ The Adolifo Pineda Gymnasium ประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นการประกวดครั้งที่มีผู้เข้าแข่งขันที่หลากหลายมาก ทั้งหญิงสาวที่มีลูกแล้ว สาวข้ามเพศ และสาวร่างใหญ่
หลังผ่านเข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้ายท่ามกลางการลุ้นด้วยใจระทึกของแฟนนางงามทั้งประเทศ แอนก็ออกมาในชุดราตรีที่ขับสีผิวของเธอ ประกาศแสดงความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนพลังหญิง เพื่อให้ผู้หญิงสามารถยืนหยัดทางเศรษฐกิจ และมีอาชีพของตัวเอง พร้อมขับเคี่ยวในการตอบคำถามกับสาวงามอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย เปอร์โตริโก นิการากัว และโคลอมเบีย
ในรอบนี้ แอนต้องตอบคำถามว่า “ถ้าได้คุยกับเด็กที่ถูกบุลลี่ จะบอกว่าอย่างไร?” ซึ่งแอนตอบว่า “อย่าไปฟังเสียงคนที่บุลลี่เรา สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การฟังเสียงตัวเอง และลุกขึ้นมาจากนาทีที่ยากลำบากนั้น”
คำตอบนี้ทำให้เธอลอยลำเข้าสู่รอบ 3 คนสุดท้าย เพื่อไปเฉือนกับออสเตรเลีย และนิการากัว
สำหรับคำถามตัดสินคือคำถามที่ว่า “ถ้าสามารถเป็นผู้หญิงคนอื่นได้ 1 ปี จะเลือกเป็นใคร” ซึ่งแอนเลือกตอบว่า ‘มาลาลา’ โดยให้เหตุผลว่า “มาลาลาลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อการศึกษาให้กับผู้หญิง และเป็นเสียงสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”
ในขณะที่มิสนิการากัวเลือกที่จะเป็น ‘แมรี วอลล์สโตนคราฟต์’ โดยให้เหตุผลว่า “แมรีผู้นี้ได้ช่วยลดช่องว่างทางสังคม และให้โอกาสผู้หญิงหลายคน” ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเองก็อยากจะทำให้ได้ เพื่อให้ผู้หญิงสามารถทำงานที่ใดก็ได้ตามแต่ที่พวกเธอเลือก
คำตอบที่อ้างถึงนักเขียนและนักสิทธิสตรีชาวอังกฤษนี้เอง ทำให้มิสนิการากัวคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไปครองได้เป็นครั้งแรกของประเทศ
การพลาดมงครั้งนี้อาจทำให้แฟนนางงามไทยขัดใจอยู่บ้าง แต่สำหรับ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ อย่างที่เธอบอกหลังการประกวด “มงกุฎและสายสะพายไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด...” และเธอจะยังคง “ทำงานและเดินทางตามความฝันต่อไป” อย่างที่เธอทำมาตลอด ด้วยหัวใจของ ‘นักสู้’ ที่อยู่ในเรือนร่างของ ‘นางงาม’
ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก Miss Universe
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความที่ชื่อว่า ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 กับดราม่ารอบตอบคำถามที่หลายคนคาใจ โดย ‘ณัฐ วิไลลักษณ์’ เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566