ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น คนแก่ยอมเข้าคุกดีกว่า จริงหรือเปล่า?

ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น คนแก่ยอมเข้าคุกดีกว่า จริงหรือเปล่า?

ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น ประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก

KEY

POINTS

  • ญี่ปุ่นกับการรับมือ ‘สังคมสูงวัย’ ที่พยายามแล้ว พยายามอยู่ พยายามต่อไป
  • บ้านพักคนชราในประเทศญี่ปุ่น
  • คนแก่ญี่ปุ่นยอมเข้าคุกดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว จริงหรือเปล่า?
  • ซึมเศร้า เหงา อ้างว้าง ปัญหาเด่นชัดของผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น

ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม 

ตามข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ประมาณ 13.1 ล้านคน คิดเป็น 19.6% ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุถึง 36.4 ล้านคน คิดเป็น 29.1% ของประชากรทั้งหมด ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ส่วนไทยเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 

เมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองประเทศจึงต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้าน ทั้งการจัดหาที่พักอาศัย บุคลากรดูแล การรักษาพยาบาล สวัสดิการ รวมถึงการมีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุทำเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระของสังคม 

ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเผชิญกับปัญหานี้มาก่อนได้พัฒนาแผนรับมือประชากรสูงวัยในหลายมิติ เช่น ส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุเพื่อเสริมรายได้ โดยปรับเวลาทำงานให้ยืดหยุ่น เช่น ทำงานสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 3 - 6 ชั่วโมง ตามความสะดวก ซึ่งผู้สูงอายุสามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น จัดระเบียบจักรยานตามสถานีรถไฟ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า กวาดถนน เก็บขยะ ปลูกต้นไม้ สอนหนังสือให้เด็กและคนต่างชาติ ทำอาหาร ชงกาแฟ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสร้างชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ (Elderly - Friendly Town) โดยออกแบบที่พักอาศัย สถานที่สาธารณะ ระบบขนส่ง ให้เอื้ออำนวยและปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัย มีสถานที่ออกกำลังกาย พบปะสังสรรค์ ทำกิจกรรมอดิเรก เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจ รวมทั้งพัฒนางานวิจัยด้านอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งเรื่องโภชนาการและการทำให้รับประทานง่าย เช่น อาหารเหลวบดละเอียด อาหารแช่แข็งแบบพร้อมทาน ที่มาจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชน ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เช่น หุ่นยนต์ช่วยเหลือทำความสะอาดบ้าน ระบบแจ้งเตือนเพื่อการรับประทานยาตรงเวลา อุปกรณ์ฝึกสมองเพื่อป้องกันสมองเสื่อม เป็นต้น

ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น คนแก่ยอมเข้าคุกดีกว่า จริงหรือเปล่า?

ญี่ปุ่น: พยายามแล้ว พยายามอยู่ พยายามต่อไป

ย้อนกลับไป ในช่วงนโยบายเศรษฐกิจและสังคมสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรี ‘ชินโซ อาเบะ’ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ ‘Abenomics’ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ขยายความคุ้มครองประกันการดูแลระยะยาว (Long - term Care Insurance) เพิ่มเงินบำนาญ ปรับปรุงที่พักอาศัยและสถานบริการ

แต่เนื่องจากภาระงบประมาณที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลปัจจุบันจึงเริ่มปรับลดและเข้มงวดเกณฑ์การเข้าถึงสวัสดิการบางส่วน แต่โดยภาพรวมก็ยังถือว่ามีมาตรฐานสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อรวมกับปัญหาการระบาดของ COVID - 19 ซึ่งส่งผลทั้งต่อเรื่องสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ปรับเปลี่ยนนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุอีก ซึ่งส่งผลให้ผู้สูงอายุบางกลุ่มเข้าถึงสวัสดิการและการบริการได้ยากขึ้น 
 

ยกตัวอย่างเช่น การเข้มงวดเกณฑ์ในการเข้าถึงบริการดูแลระยะยาว (Long - term Care) โดยปรับเพิ่มเกณฑ์การประเมินความจำเป็นในการได้รับความช่วยเหลือ ทำให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระดับต่ำถึงปานกลางบางส่วนถูกตัดสิทธิ์ออกจากระบบ ไม่สามารถเข้าถึงบริการดูแลที่จำเป็นได้ รวมถึงการขึ้น ‘ภาษีการบริโภค’ (Consumption Tax) เพื่อนำมาใช้จ่ายด้านสวัสดิการ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ทำให้มีภาระค่าครองชีพสูงขึ้น จนอาจไม่สามารถจ่ายค่าบริการสวัสดิการบางอย่างได้

นอกจากปัญหาด้านนโยบายที่มีการปรับเปลี่ยนแล้ว ญี่ปุ่นยังเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นงานที่มีค่าตอบแทนต่ำ งานหนัก และมีภาพลักษณ์ไม่ดีนัก ทำให้ไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในสายนี้ ส่งผลให้การให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้สูงอายุบางส่วนจึงเข้าไม่ถึงการดูแลที่มีคุณภาพ

อีกหนึ่งปัญหาคือความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองใหญ่กับพื้นที่ชนบท ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุในเขตเมืองมีแนวโน้มเข้าถึงสวัสดิการได้สะดวกกว่า เนื่องจากมีสถานบริการและบุคลากรทางการแพทย์กระจุกตัวอยู่ในเมือง ในขณะที่ผู้สูงอายุในชนบทห่างไกลอาจเข้าไม่ถึงการดูแลและสวัสดิการต่าง ๆ เท่าที่ควร

ส่วนผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพัง ไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องดูแล ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ทำให้พลาดโอกาสในการใช้บริการที่รัฐจัดให้ นอกจากนี้ ยังขาดผู้ช่วยพาไปใช้บริการหรือทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ จึงเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

บ้านพักคนชราในประเทศญี่ปุ่น

บ้านพักคนชราในประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงกันค่อนข้างมาก โดยบ้านพักคนชราในญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายรูปแบบและระดับ เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มีความต้องการและกำลังทางการเงินที่แตกต่างกัน หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ได้แก่ ‘การเคหะแห่งประเทศญี่ปุ่น’ (Japan Housing Corporation) ซึ่งทำหน้าที่จัดสรรที่พักอาศัยราคาประหยัดสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมถึงบ้านพักคนชราด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้านพักคนชราในญี่ปุ่น ดังนี้

‘บ้านพักคนชราของรัฐ’ (Public Elderly Housing) มีทั้งแบบเช่าระยะยาวและแบบซื้อขาด โดยมีค่าเช่าหรือราคาซื้อที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงที่พักอาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์เข้าพักอย่างเข้มงวด เช่น ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น

นอกจากบ้านพักของรัฐแล้ว ญี่ปุ่นยังมีบ้านพักคนชราของเอกชนที่หลากหลาย ทั้งแบบที่พักอาศัย (Residential Type) และแบบให้การพยาบาล (Nursing Care Type) ซึ่งมีค่าบริการที่แตกต่างกันไปตามสิ่งอำนวยความสะดวกและมาตรฐานการดูแล โดยบ้านพักระดับสูงมักมีสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด ปลอดภัย พร้อมบริการครบครัน แต่ก็มีราคาสูงตามไปด้วย

สำหรับบ้านพักคนชราระดับล่างนั้น ภาพจำของหลายคนคือสภาพแออัด ไม่ถูกสุขลักษณะ แต่ความจริงแล้วก็มีการควบคุมมาตรฐานในระดับหนึ่ง เช่น ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐ มีการตรวจสอบคุณภาพเป็นระยะ 

แม้คุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยอาจไม่สูงนัก แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายให้กับผู้สูงอายุที่ยากไร้ได้มีที่พักพิงในบั้นปลายของชีวิต

อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพสังคมสูงวัยของญี่ปุ่นที่มีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาความต้องการบ้านพักคนชรามีมากกว่าจำนวนห้องที่มีอยู่ รัฐบาลจึงต้องเร่งสร้างที่พักเพิ่ม รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนและองค์กรไม่แสวงหากำไรเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ มีการออกนโยบายจูงใจ เช่น ยกเว้นภาษี ให้เงินอุดหนุน เพื่อให้เกิดบ้านพักคนชราที่มีคุณภาพมากขึ้น

นอกเหนือจากปัญหาด้านปริมาณแล้ว บ้านพักคนชราในญี่ปุ่นยังเผชิญความท้าทายเรื่องคุณภาพและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น เช่น ผู้สูงอายุบางส่วนต้องการการดูแลพิเศษหรือบริการทางการแพทย์ แต่บ้านพักหลายแห่งยังขาดบุคลากรที่มีทักษะและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครัน ทำให้การดูแลผู้สูงอายุเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึงและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการด้านที่พักอาศัยแก่ผู้สูงอายุ แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีช่องว่างและความท้าทายอีกมาก ทั้งในแง่ปริมาณ คุณภาพ การเข้าถึง และการบูรณาการกับบริการสุขภาพ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาสังคม และครอบครัว ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เพื่อให้ผู้สูงอายุทุกคนสามารถเข้าถึงที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของตน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงได้รับในสังคมที่เอื้ออาทร

ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น คนแก่ยอมเข้าคุกดีกว่า จริงหรือเปล่า?

เข้าคุกดีกว่า สบายกว่ากันเยอะเลย...จริงหรือเปล่า?

สืบเนื่องจากปัญหาผู้สูงอายุในญี่ปุ่นที่มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในหลากหลายรูปแบบ จึงมาถึงประเด็นที่ว่า มีผู้สูงอายุญี่ปุ่นบางคนถึงกับอยากเข้าคุกมากกว่าเข้าบ้านพักนั้น แม้จะไม่มีรายงานเป็นทางการ แต่ก็มีข้อมูลจากข่าวบทความหลายชิ้นที่สะท้อนแนวโน้มดังกล่าว 

ยกตัวอย่างเช่น สถิติจากกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นระบุว่า ในปี ค.ศ.2019 มีผู้สูงอายุที่ถูกจับกุมและต้องโทษจำคุกสูงถึง 13,867 คน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าในรอบ 20 ปี โดยผู้สูงอายุหลายรายกระทำผิดซ้ำ ๆ เช่น ลักขโมยของในร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ได้กลับเข้าไปอยู่ในคุก ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่าชีวิตข้างนอก

นอกจากนี้ เมื่อปี ค.ศ.2019 สำนักข่าว BBC ยังนำเสนอเรื่องราวของผู้สูงอายุญี่ปุ่นที่กระทำผิดกฎหมายเพื่อให้ได้เข้าคุก โดยให้เหตุผลว่า ในเรือนจำมีอาหารให้กิน มีเพื่อนให้คุย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งดีกว่าการใช้ชีวิตอย่างลำพังและยากจนภายนอก นับเป็นภาพสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำและการถูกทอดทิ้งของผู้สูงอายุในสังคมญี่ปุ่น

งานวิจัยของศูนย์วิจัยนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิฮอน (Nihon University) ชี้ว่า ผู้ต้องขังสูงอายุในญี่ปุ่นมีแนวโน้มพึงพอใจกับชีวิตในคุกมากกว่าผู้ต้องขังวัยอื่น ๆ เนื่องจากมีที่พัก อาหาร การรักษาพยาบาล และกิจกรรมนันทนาการ ซึ่งตอบสนองความต้องการพื้นฐาน ต่างจากผู้สูงอายุจำนวนมากที่อาศัยอยู่ข้างนอก แต่ไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเพียงพอ

นักสังคมสงเคราะห์ในญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า การที่ผู้สูงอายุบางส่วนมองว่าคุกเป็นสถานที่ที่น่าอยู่กว่าบ้านพัก แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องของระบบสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ขณะเดียวกัน การเข้าคุกก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับปัญหาผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นการผลักภาระไปให้กระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ การต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘อาชญากร’ ยังส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและการเข้าสังคมภายหลังพ้นโทษ ดังนั้น เป้าหมายที่แท้จริงคือการพัฒนาสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุให้ดีขึ้นกว่าสภาพความเป็นอยู่ในคุก ไม่ใช่การทำให้คุกน่าอยู่กว่าสวัสดิการ 

กล่าวโดยสรุป กระแสข่าวเรื่องคนแก่อยากเข้าคุกสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของสังคมในการดูแลผู้สูงวัย ที่ทำให้คนบางกลุ่มรู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า และต้องหันไปพึ่งกระบวนการยุติธรรมเพื่อความอยู่รอด ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าเศร้าและไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมที่เจริญแล้ว รัฐบาลและทุกภาคส่วนจำต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อปฏิรูประบบสวัสดิการผู้สูงอายุให้มีคุณภาพ ครอบคลุม และสอดคล้องกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อให้ผู้สูงวัยทุกคนสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสงบสุขและมีความหมาย สมกับที่เคยทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการพัฒนาประเทศมาตลอดชีวิต

ซึมเศร้า เหงา อ้างว้าง ปัญหาเด่นชัดของผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น

ปัญหาความเหงาและซึมเศร้าในผู้สูงอายุญี่ปุ่นนับเป็นอีกประเด็นสำคัญที่สะท้อนให้เห็นผลกระทบเชิงลบของการเป็นสังคมสูงวัย ซึ่งมีสาเหตุและความท้าทายที่ซับซ้อน ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัว จากเดิมที่เป็นครอบครัวขยายหลายรุ่น กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวและขนาดเล็กลง ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องอยู่ตามลำพัง ขาดคนดูแลและเอาใจใส่ จนรู้สึกโดดเดี่ยวและเกิดภาวะซึมเศร้าในที่สุด

ค่านิยมในการทำงานหนักของคนญี่ปุ่น ส่งผลให้วัยแรงงานมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยลง ไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ผู้สูงอายุ จนทำให้ช่องว่างระหว่างวัยมีมากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อเกษียณอายุ ผู้สูงอายุเองก็รู้สึกสูญเสียบทบาทหน้าที่ ไร้คุณค่า และหมดเป้าหมายในชีวิต นำไปสู่ความรู้สึกเหงาและหดหู่ได้

ประกอบกับปัญหาสุขภาพและภาวะทุพลภาพของผู้สูงอายุ ยิ่งจำกัดความสามารถในการออกไปข้างนอกและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น บางคนติดบ้าน นอนป่วยอยู่แต่บนเตียง ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวและแปลกแยก รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังมากขึ้น

การขาดกิจกรรมนันทนาการและพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ ทำให้ขาดโอกาสในการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยน และสร้างสายสัมพันธ์กับผู้อื่น จึงหมกมุ่นอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านและความทุกข์ของตัวเอง บางคนติดเหล้า บุหรี่ หรือการพนัน เพื่อหลีกหนีความเหงา แต่สุดท้ายก็ยิ่งทำให้ปัญหาสุขภาพจิตและการเงินแย่ลง

การฆ่าตัวตายของผู้สูงอายุเป็นอีกปัญหาที่สะท้อนความรุนแรงของความเหงาและซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี จากสถิติพบว่าญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุค่อนข้างสูง โดยมักมีสาเหตุจากความเจ็บป่วย ซึมเศร้า ความยากจน และขาดคนดูแล แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการป้องกัน แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน 

สำหรับในประเด็นการุณยฆาตนั้น เป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมญี่ปุ่น โดยมีผู้สูงอายุบางส่วนเรียกร้องให้มีการรับรองสิทธิ์ในการตายอย่างสงบและมีศักดิ์ศรี เมื่อตนเองมีความทุกข์ทรมานมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการุณยฆาตยังไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แม้จะเริ่มมีการผ่อนปรนให้แพทย์ระงับการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามเจตนารมณ์ของผู้ป่วยได้บ้างแล้ว

จากปัญหาข้างต้นทั้งหมด จะเห็นได้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นยังต้องปรับปรุงนโยบายและการบริหารจัดการอีกมาก เพื่อให้ระบบสวัสดิการผู้สูงอายุมีความครอบคลุม เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม และมีคุณภาพสูง สอดคล้องกับสภาพสังคมสูงวัยที่มีความต้องการหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น โดยอาจต้องเพิ่มงบประมาณ ขยายกำลังคน ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย รวมถึงส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนเข้ามามีบทบาทในการดูแลมากขึ้น เพื่อแบ่งเบาภาระของภาครัฐ และสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

ในส่วนของประเทศไทย แม้จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุน้อยกว่า แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของญี่ปุ่นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม โดยในปัจจุบัน ไทยมีแผนรองรับสังคมสูงวัยที่ดำเนินการอยู่ 

เช่น โครงการบ้านพักคนชรา เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ยากไร้มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัย ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ระบบประกันสังคมและสวัสดิการผู้สูงอายุ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ

การจัดตั้ง ‘โรงเรียนผู้สูงอายุ’ หรือ ‘ชมรมผู้สูงอายุ’ ในแต่ละชุมชน เพื่อให้ผู้สูงวัยมีกิจกรรมทำร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง เช่น กิจกรรมนันทนาการ การออกกำลังกาย อบรมอาชีพ ทำบุญ ท่องเที่ยว เป็นต้น

ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการออกกำลังกายและโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในการคิดค้นการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าว โปรตีนไข่ขาว และวัตถุดิบท้องถิ่นอื่น ๆ เพื่อให้คนชราได้รับสารอาหารที่เหมาะสม

จะเห็นได้ว่า ทั้งประเทศไทยและญี่ปุ่นต่างมุ่งมั่นที่จะให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีศักดิ์ศรี ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ถอดบทเรียน ‘สังคมสูงวัย’ ในญี่ปุ่น คนแก่ยอมเข้าคุกดีกว่า จริงหรือเปล่า?

ประการแรก ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับนโยบายผู้สูงอายุ จัดสรรงบประมาณ และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด เช่น พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้สูงวัย ตลอดจนการลงโทษผู้ที่ทำร้ายหรือทอดทิ้งคนชรา นอกจากนี้ รัฐควรพัฒนาระบบสวัสดิการ การประกันสุขภาพ ที่พักอาศัย และอาชีพสำหรับผู้สูงอายุให้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

ประการที่สอง ภาคเอกชนและประชาสังคมต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงวัยมากขึ้น เช่น จัดตั้งศูนย์ออกกำลังกาย ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ วัด โรงเรียนผู้สูงอายุ จัดทัศนศึกษา ท่องเที่ยว บริจาคเงิน สิ่งของ อุปกรณ์การแพทย์ ยารักษาโรค รวมทั้งจัดให้มีจิตอาสาไปเยี่ยมเยือน พูดคุย ให้กำลังใจผู้สูงวัยตามบ้านหรือสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ

ประการสุดท้าย สมาชิกในครอบครัว ลูกหลาน ต้องไม่ลืมบุญคุณพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หมั่นไปเยี่ยมเยียน พาไปเที่ยว จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในโอกาสพิเศษ สอบถามไถ่ถามทุกข์สุข ให้เวลา รับฟัง ดูแลเอาใจใส่ทั้งสุขภาพกายและใจ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น เพราะเท่ากับเป็นการตอบแทนพระคุณท่านที่เคยเลี้ยงดูเรามา การที่ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ถูกลืม แต่เป็นที่รักของคนในครอบครัว ได้รับการเคารพนับถือ มีคุณค่า ก็จะทำให้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป

ท้ายที่สุดนี้ การดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคนในสังคม ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้ผู้สูงวัยได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสงบ มีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระของใคร เปรียบเสมือนการสะสมบุญที่เราจะได้รับผลในภายภาคหน้าเช่นกัน เมื่อเราต้องกลายเป็นผู้สูงอายุเองในอนาคต

 

เรื่อง: ดาวหางสีแดง...ชาร์ อัสนาเบิ้ล
ภาพ: Pexels

เอกสารอ้างอิง:
1. United Nations. (2022). World Population Ageing 2020 Highlights. 
2. 内閣府. (2022).「令和3年版高齢社会白書(全体版)」. 内閣府. 
3. Cabinet Office of Japan. (2020). Annual Report on the Ageing Society
4. The Government of Japan. (2020). Annual Report on the Ageing Society.
5. 藤田幸司. (2020).「高齢社会対策の現状と課題―介護保険制度の見直しなどを中心に―」. 国立国会図書館 調査と情報―ISSUE BRIEF―. 
6. Ministry of Health, Labour and Welfare. (2015). Long-Term Care Insurance System of Japan. 
7. Maruyama, S. (2015). The Aging Population in Japan: Causes, Consequences and Perspectives. Meiji Journal of Political Science and Economics, 4, 63-73.
8. World Bank. (2021). Population Aging and the Impact of COVID-19. 
9. Jiji Press. (2022). Japan gov't faces challenges as social security costs continue to rise. The Japan Times.
10. Suzuki, W. (2022). The Long-term Care Insurance System in Japan: Its Successes and Challenges. JMA Journal, 5(1), 103-112.
11. Shimizutani, S. (2021). Sustainability of the Long-term Care Insurance System in Japan. Social Science Japan Journal, 24(1), 101-119.
12. Oshio, T., & Usui, E. (2021). Welfare Impacts of Consumption Tax Increase on Elderly Households in Japan. Japanese Economic Review, 72(3), 463-480.
13. World Economic Forum. (2019). Housing An Ageing Population: The Importance of Dignity.
14. Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism. (2021). Public Rental Housing. 
15. UR Community. (n.d.). Types of UR Rental Housing
16. Japan Property Central. (2021). Private Senior Housing Market in Japan. 
17. Suzuki, W., Iwamoto, Y., Uda, A., & Morikawa, S. (2022). Long-term Care Workforce Challenges in Japan: Findings from a National Survey. PLOS ONE, 17(1), e0262812.
18. Yamaguchi, M. (2020). Long-Term Care Provision and Market Failure: Challenges Facing the Aging Society of Japan. Journal of Industry, Competition and Trade, 20(3), 635-652.
19. Morikawa, M. (2021). Disparity in Access to Long-term Care in Japan: Evidence from a National Survey. BMC Health Services Research, 21(1), 1-12.
20. Igarashi, A., & Iijima, S. (2020). Challenges in the Provision of Home-Based End-of-Life Care for Older People in Japan. Journal of Cross-Cultural Gerontology, 35(4), 405-420.
21. Murayama, H., Shibui, Y., Fukuda, Y., & Murashima, S. (2011). A New Crisis in Japan-Social Isolation in Old Age. Journal of the American Geriatrics Society, 59(11), 2160-2162.
22. Saito, T., Cable, N., Aida, J., Shirai, K., & Kondo, K. (2021). Social Isolation and Lack of Social Support as Risk Factors for Unmet Care Needs Among Older Japanese. Journal of Applied Gerontology, 41(7), 1788-1797.
23. Saito, T., Cable, N., Aida, J., Shirai, K., & Kondo, K. (2021). Social Isolation and Loneliness as Risk Factors for Disability in Japan: A Longitudinal Study. Journal of the American Geriatrics Society, 69(5), 1211-1219.
24. Traphagan, J. W. (2003). Older Women as Caregivers and Ancestral Protection in Rural Japan. Ethnology, 42(2), 127.
25. Kavedžija, I. (2015). Frail, Independent, Involved? Care and the Category of the Elderly in Japan. Anthropology & Aging, 36(1), 62-81.
26. Klinenberg, E. (2021). Is the Next Big Killer Loneliness? Japan May Have the Answer. Time. 
27. Nikkei Asia. (2021). Japan's Seniors Wager Twilight Years in Pachinko Parlors. 
28. Aihara, Y., Sakaguchi, K., & Aida, J. (2022). Loneliness Among Older Adults During the COVID-19 Pandemic: A Socio-Ecological Approach. Journal of Applied Gerontology, 41(3), 742-752.
29. Honyashiki, M., Onishi, J., & Saito, T. (2021). Suicide in the Elderly: The Challenge of an Aging Society. Journal of the American Academy of Child & Adolescent Psychiatry, 60(2), S22.
30. Takusari, Y., Suzuki, M., Nakamura, H., & Otsuka, K. (2011). Suicide Patterns and Characteristics in Kumamoto Prefecture, Japan. International Journal of Environmental Research and Public Health, 8(12), 4844-4858.
31. The Japan Times. (2020). Japan's Prisons Are a Haven for Elderly Women. 
32. Bloomberg. (2018). Japan's Prisons Are a Haven for Elderly Women. 
33. BBC. (2019). Why Some Japanese Pensioners Want to Go to Jail. 
34. Kamigaki, K., & Yokotani, K. (2014). Positive and Negative Affect in Imprisoned Older Adults in Japan. Journal of Forensic Nursing, 10(4), 231-237.
35. The Asahi Shimbun. (2018). Elderly Prisoners Prefer Life in Jail. 
36. Nikkei Asian Review. (2020). Japan's Elderly Prisoners Pose Unique Challenges for Justice System. 
37. The Japan Times. (2019). Japan's Seniors Turn to Life of Crime to Make Ends Meet. 
38. Shibata, Y. (2020). Euthanasia and Assisted Suicide in Japan: Past, Present and Future. Asian Bioethics Review, 12(3), 259-269.
39. Tanaka, H., & Nakayama, M. (2021). A Survey on the Awareness of General Citizens Regarding Euthanasia in Japan. Journal of Palliative Medicine, 24(8), 1164-1170.
40. Kai, K. (2010). Euthanasia and Death with Dignity in Japanese Law. Waseda Bulletin of Comparative Law, 27, 1-26. 
41. กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2565). ข้อมูลสถิติผู้สูงอายุของประเทศไทย ปี 2565. 
42. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2564). สรุปผลที่สำคัญ การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2564. 
43. วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2564). มิติใหม่การจัดการสังคมสูงวัย. กรุงเทพฯ: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 
44. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2565). ประเทศไทยกับสังคมสูงวัย: การเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคต. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. 
45. ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์ และปราโมทย์ ประสาทกุล. (2564). ความท้าทายของระบบบำนาญไทยภายใต้บริบทสังคมสูงอายุ. วารสารสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปะ, 14(2), 317-337. 
46. ชมพูนุท พรหมภักดิ์. (2556). การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศญี่ปุ่น: ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อประเทศไทย. วารสารเศรษฐศาสตร์ประยุกต์, 18(1), 41-62.