27 ส.ค. 2567 | 16:50 น.
KEY
POINTS
“เขาบอกว่าประเทศไทยนี้เป็นประเทศที่รู้ปัญหาตัวเองหมด แต่ไม่ยอมแก้ปัญหา”
ประโยคสำคัญของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ บนเวที ‘Dinner Talk: Vision for Thailand 2024’ ที่จัดโดยเนชัน กรุ๊ป เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ก่อนแสดงวิสัยทัศน์ครั้งแรก หลังจากแผ่นดินเกิดไปนาน 17 ปี
เขาใช้เวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ ในการอธิบายภาพรวมปัญหาและทางออกของปัญหาด้วยมุมมองของอดีตผู้นำ นักธุรกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ รู้ปัญหา และแก้ปัญหาได้ทัน
หลังจากนี้ คือ หลากหลายเรื่องราวในทัศนะของนายทักษิณ ชินวัตรที่ฝากเป็นการบ้านถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย ‘แพทองธาร ชินวัตร'
“วันนี้ คนไทยและประเทศไทย ติดกับดักหนี้ ทําให้เดินไม่ออก วิ่งไม่ออก”
คำพูดของทักษิณ ชินวัตรที่แสดงความกังวลถึงปัญหาหนี้สินของรัฐและประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาเพื่อให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้
"หนี้ของประชาชนวันนี้มันหนี้ครัวเรือนมัน 90 - 92% แล้ว หนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนี้พวกบ้าน รถยนต์ ผมไม่อยากเห็นคนไทยถูกยึดบ้านต้องขนของออกจากบ้านที่เป็นซุกหัวนอนของตัวเอง รถที่ขับไปทํางานถูกยึด”
โดยข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) วันที่ 25 มกราคม 2567 ประเมินสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยไว้ว่า ณ สิ้นปี 2567 หนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 91.4% หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท และมีทิศทางชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่หนี้บัตรเครดิต ลีสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคล โตเร็วสุดในรอบทศวรรษ โดบระบว่า สัดส่วนหนี้ค้างชำระระหว่าง 1-3 เดือน หรือ Stage 2 อยู่ที่ 6.66% หรือ 3.62 แสนล้านบาท ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่ง หรือราว 1.7 แสนล้านบาท มาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ และยังไม่นับรวมหนี้จากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) อีกกว่า 35% ของทั้งระบบ
นอกจากนี้ ในทัศนะของอดีตนายกรัฐมนตรี การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยลดซัพพลายเงิน 1% ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลมองว่าต่างจังหวัดขาดสภาพคล่องนั้นเหมือนปลาที่ขาดน้ำที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินไม่ได้เดินไม่ได้
ข้อเสนอของนายทักษิณ คือ ต้องแก้โซ่ตรวน ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ
“ปรับโครงสร้างหนี้ก่อน คือ เอาโซ่ตรวนออกก่อน”
อีกทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องเห็นภาพเดียวกัน และแก้ปัญหาไปด้วยกัน
หน้าที่ของกระทรวงการคลังในวันนี้ จึงจำเป็นต้องจับมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมธนาคาร หรือธนาคารประเทศไทย
“รัฐมนตรีคลังคงจะต้องคุยกับสมาคมธนาคาร และบรรดานักซื้อหนี้ทั้งหลายว่า จะแก้ปัญหากันอย่างไร เพื่อให้มันเดินต่อไปได้ ไม่งั้นเดินไม่ได้นะครับ เราต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นความสำคัญเรื่องแรก ๆ
“กระทรวงการคลังจะต้องประสานนโยบายเศรษฐกิจกับแบงค์ชาติ เพื่อให้นโยบายการเงินซึ่งแบงค์ชาติดูแล และดูนโยบายการคลังซึ่งกระทรวงคลังดูแลไปในทางเดียวกัน โดยที่ยังเคารพความเป็นอิสระของแบงค์ชาติอยู่ แต่ต้องคุยกันเพื่อให้มันไปทางเดียวกันให้ได้”
เพราะถ้าแก้ปัญหานี้ได้ จะเกิดโอกาสทางธุรกิจ GDP ประเทศจะสูงขึ้น คนใช้หนี้ได้ คุณภาพชีวิตของประชาชนก็คงจะดีขึ้นตาม
หากจะพูดถึงนโยบายชูโรงของเพื่อไทยตั้งแต่หาเสียง คงหนีไม่พ้น ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ (Digital Wallet)
หลังจากมีกระแสข่าวมาเรื่อย ๆ ทั้งความเป็นไปได้ และคำถามที่ว่า การแจกเงินเป็นคำตอบของการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
แต่รัฐบาลก็ยังเดินหน้าต่อ ตั้งเงื่อนไข และเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน
สำหรับเรื่อง Digital Wallet นายทักษิณบอกว่า นโยบายใหม่นี้ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ประกอบด้วย นกกระตุ้นเศรษฐกิจ นกเทคโนโลยี และนกที่จะถูกใช้งานต่อเนื่อง
‘นกกระตุ้นเศรษฐกิจ’ คือ การให้ Digital Wallet เป็นองค์ประกอบสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจประเทศ เพราะ Digital Wallet มีระบบบล็อคเชนและ Smart Contract หลังบ้านที่จะควบคุมการใช้เงินให้อยู่ในพื้นที่และค่อนข้างมีความแม่นยำ
‘นกเทคโนโลยี’ การใช้เทคโนโลยรเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นจะทำให้ชาวบ้านเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีได้
‘นกที่จะใช้ถูกใช้งานต่อเนื่อง’ หมายถึง Digital Wallet จะเป็นจุดเริ่มต้นในการทำ Digital ID เพื่อนำไปสู่ One Sign On ที่ประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้อย่างทั่วถึง สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง จ่ายหนี้ได้จริง
นายทักษิณยังบอกอีกว่า การแจก Digital Wallet จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยให้กลุ่มเปราะบางและคนพิการก่อนด้วยวงเงิน 1.22 แสนล้านจากงบประมาณปี 67 แล้วจึงมาพิจารณาคุณสมบัติของประชาชนทั่วไป เพื่อแจกเงินดิจิทัลในประชาชนในรอบสุดท้าย
และอีกทางหนึ่งก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ win-win ทั้งสองฝ่าย เนื่องจากรัฐบาลก็สามารถที่จะออกบอนด์ขายประชาชนผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ประชาชนได้ด้วย
ดังนั้น เมื่อวันแจกเงินมาถึง Digital Wallet จะช่วยเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไป
อีกหนึ่งประเด็นที่นายทักษิณพูดถึง คือ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติ
เริ่มจากความหวังที่จะเป็น ‘Save Heaven’ การลงทุนในรูปแบบที่คาดว่าจะรักษาเงินต้น หรือเพิ่มมูลค่าขึ้น รักษาความเสี่ยงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำและมีความผันผวนได้
นายทักษิณมองว่า ไทยจะต้องไปเชิญชวนเพื่อน ๆ นักลงทุนในต่างประเทศมาลงทุนที่ไทย เพราะหากมองดูแล้ว ประเทศไทยก็ยังคงเป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาเรื่อง Geopolitics หรือ ประเด็นทางที่ตั้งภูมิศาสตร์ซึ่งส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้า
รวมถึงการตั้งเป้าเป็น ‘Data Center’ ดินแดนเพื่อเก็บอุปกรณ์และเทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์ IT, ซอฟต์แวร์ หรือ ซอฟต์แวร์เป็นต้น
แม้ยังมีความกังวลเรื่องประเด็นค่าไฟและพลังงานสีเขียว วิธีการของนายทักษิณที่ต้องการส่งต่อรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหานี้ คือ การผลิตพลังงานเองที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันประเด็นเรื่อง ‘รถไฟฟ้า’ จากจีนก็เป็นประเด็นที่พูดถึง เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจ นายทักษิณยกตัวอย่างกรณีศึกาาและประสบการณ์ของเขาที่เคยทำมาในอดีต ก็คือ การเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวาให้กับบริษัทรถยนต์จากต่างประเทศ
“ผมอยากจะขอร้องว่า หนึ่ง ขอให้ไทยเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวาได้ไหม พวงมาลัยซ้ายผลิตที่จีนพวงมาลัยขวามาผลิตที่ไทย เหมือนที่คุณธนินทร์ตอนนั้นเคยคุยกับ MG MG บอกว่าจะให้ไทยเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวา วันนี้เราก็อยากเห็น ไม่ว่าเป็น BYD GWM ก็อยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางศูนย์กลางการผลิตพวงมาลัยขวา ได้ไหม”
และไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ต้องรักษาไว้เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ จำเป้นต้องหาวิธีเจรจาให้ไทยเป็นฐานผลิตส่วนประกอบรถยนต์
“ทุกวันนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ยังดีอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่รถยนต์สันดาป Ecosystem ตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งรถยนต์ต้องรักษาไว้ ทําอย่างไรถึงจะให้รถไฟฟ้าจากจีนมาส่วนประกอบในประเทศไทยบ้าง ที่เราเรียก Local Content อันนี้ต้องเริ่มเจรจากันได้ล่ะ เพราะต่อไปมันจะเอาไม่อยู่แล้ว”
ทั้งยังกล่าวไปถึงเรื่องการส่งดาวเทียม ประเทศไทยอาจมีศักยภาพในเรื่องนี้มากขึ้น หากได้รับเทคโนโลยีจากประเทศจีนที่ตอนนี้ปล่อยดาวเทียมด้วยเทคโนโลยี 6G และหวังให้ประเทศไทยเป็นฐานส่งดาวเทียม
“ประเทศเราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เพราะฉะนั้นการยิงดาวเทียมจากเส้นศูนย์สูตรเป็นการยิงที่ประหยัดและแม่นยํา เราก็น่าจะดูว่าที่เราจะเป็น launching pad ของดาวเทียมได้ไหม เพราะวันนี้ก็ยิงดาวเทียมกันเป็นไฟเลย ยิงเยอะมากนะครับ ก็อยากให้เราช่วยกันคิด”
ทุกวันนี้ SME หน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีหลายเจ้าที่ต้องปิดตัวไป
นายทักษิณบอกว่า SME ไทยปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกัน ไม่มีจุดขายหรือความพิเศษ เมื่อสินค้าจากจีนเข้ามาบุกในอุตสาหกรรมที่ราคาถูก ทำให้อุตสาหกรรมไทยน่าเป็นห่วง
เหตุผลที่จีนตีตลาดไทยได้ คือ ขนาดอุตสาหกรรมของจีนใหญ่ สินค้าจำนวนมากจึงไหลของแดนสยามได้ และที่สำคัญ ‘ราคาถูก’
เขาบอกว่า สิ่งที่จะทำให้ SME อยู่รอด คือ สินค้าไทยต้องแตกต่าง และดีพอที่จะมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ
“เราจะแก้ปัญหาของเราอย่างไรต้องให้ทํา SME เป็น SMART SME คือ Modern SME แล้วก็พยายามให้ดีไซน์ของเรามัน unique เพราะฉะนั้นวันนี้ ทั้งโลกมี projectionism (การออกแบบตามความเชื่อของตัวเอง) แล้ว เราก็คงต้อง apply projectionism ทีละสเต็ป เพื่อให้เราแข่งขันคนอื่นได้ โดบไม่ถูกเอาเปรียบ
“ไม่ได้รังเกียจสินค้าจีน แต่ว่าต้องเท่าเทียมกันในการแข่งขัน”
สุดท้าย ต่อให้โลกจะหมุนไปแค่ไหน แต่ SME ไทยจำเป็นต้องปรับตัว และ ‘ต้องรอด’
“วันนี้ ผมอยากเห็นนักธุรกิจไทย ออกไปสู้ในเวทในเวทีโลกบ้าง โดยที่รัฐบาล ผมว่ารัฐบาลน่าจะช่วยกันสนับสนุนให้คนไทยออกไปแข่งขัน”
ทุกคนรู้ ‘ระบบราชการ’ ของไทย มีขนาดใหญ่ และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่จำเป็นต้องปฏิรูป เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที
นายทักษิณบอกว่า จำเป็นต้องปฏิรูปราชการ ลดงบประมาณภาครัฐ ดึงเทคโนโลยีมาใช้ในระบบราชการมากขึ้น เปลี่ยนจากการ ‘กระจายอำนาจ’ มาเป็น ‘กระจายควบคุม’
“ยกตัวอย่าง ผมไปเห็นด่านกับตรวจไม้ รถขนไม้มาต้องหยุดให้ด่านตรวจ ติด GPS ไปตัวเดียว ไม่เห็นต้องไปตั้งด่านเลย ก็รู้หมดว่าอยู่ไหน มอนิเตอร์ได้หมดเพราะได้รับอนุญาตแล้ว”
แล้วก็ดูเหมือนว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะให้ความสำคัญกับการหาเจ้าภาพมาเป็นหัวเรือในการรับผิดชอบปัญหาของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ
และสิ่งนี้ในฐานะพ่อ ทักษิณ ชินวัตร เองก็รับรู้มาตลอด
“คณะรัฐมนตรีคงต้องเตรียมตัวไว้ว่า นายกจะต้องหาเจ้าภาพในแต่ละปัญหา เพราะท่านบอกกับผมไว้ว่า ‘คุณพ่อ ถ้ามันไม่มี ownership ใครจะแก้ปัญหา’ เพราะฉะนั้นทุกประเด็น ทุกปัญหาต้องมีเจ้าภาพ”
ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่นายทักษิณก็บอกทิ้งท้ายในหัวข้อนี้ว่า การปฏิรูปราชการก็เป็นเรื่องที่ท้าท้าย ดูเหมือนง่าย แต่ทำยาก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในโลกเศรษฐกิจทุนนิยม
ผู้คนยังคงต้องดิ้นรน เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ได้สักวันหนึ่ง
ในมุมมองของนายทักษิณ เขามองว่า เราจำเป็นต้องเข้าใจและเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อที่จะได้เติบโตไปพร้อมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ไม่ว่าจะเป็นราชการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐ ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนมันต้องมีความเอื้อถอนต่อคนซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีกําลังทรัพย์ ไม่มีกําลังความรู้
“เราอยู่ในระบบทุนนิยม เราชอบหรือไม่ชอบ มันก็เป็นเศรษฐกิจทุนนิยม แต่เศรษฐกิจทุนนิยมมันพังไปหลายที่ เพราะว่าขาดความเอื้ออาทร ถ้าไม่มีความเอื้ออาทรต่อคนที่ไม่มีกำลัง เราก็จะทำให้เป็นประเทศที่เติบโตลําบากและเติบโตไปอย่างพิการ”
ขณะเดียวกัน นอกจากเอื้ออาทรต่อกันแล้ว อีกสิ่งสำคัญ คือ การยอมรับและเห็นใจกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
ในวันที่โลกเชื่อมต่อกันไร้พรมแดน ทักษิณในฐานะผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานกว่า 17 ปี จึงอยากเห็นเมืองไทยพัฒนาทัดเทียมนานาชาติ โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลของแพทองธาร ชินวัตร จะผลักดันเรื่องซอฟท์พาวเวอร์อย่างจริงจัง พร้อมทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักระดับโลกผ่านหลากหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างแรกที่เขามองเห็นถึงศักยภพาสูงสุดคือ ‘มวยไทย’ ศิลปะการต่อสู้อันทรงเสน่ห์ของไทย
“ผมอยากแนะนำทีมซอฟท์พาวเวอร์ว่า เราสามารถเอามวยไทยมาทำเป็นลีกส์เหมือนฟีฟ่าได้ไหม สมมติว่าเราตั้งกฎกติกาให้คนมาแข่งขันกันคล้ายกับพรีเมียร์ลีก ค่าตัวนักมวยจะดันขึ้นไปเท่าไหร่ ลองดู เพื่อจะให้มวยไทยมีมาตรฐานแล้วไปแข่งขันได้ทั่วโลก”
“เมื่อได้มาตรฐานก็ตั้งรางวัล เทรนครูมวย เทรนกรรมการห้ามมวยให้ได้มาตรฐานเหมือนในฟีฟ่า ฟุตบอล ตรงนี้จะทำให้มวยของไทยจับต้องได้เร็ว เพราะมันเป็นไปโดยธรรมชาติของมันแล้ว”
เรื่องต่อมาที่ทักษิณยกขึ้นมาพูดเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง คือ เขาอยากเห็นการแข่งขันในอุตสาหกรรมเกมส์ เพราะในปัจจุบันวงการอีสปอร์ตกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก จะดีกว่าไหมหากไทยสามารถผลิตเกมส์ส่งออกต่างประเทศ เพื่อให้ต่างชาติรับรู้ว่าเกมส์ไทยเองก็มีระบบที่ดีไม่แพ้จากค่ายยักษ์ใหญ่
โดยเน้นช่วยเหลือผ่านคนเล่นเกมหรือฝั่งดีมานด์ ไซด์ มากกว่าการส่งกำลังช่วยฝั่งผู้ผลิตหรือซัพพลายไซด์ พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า หากเกมส์ของผู้สร้างคนใดมียอดดาวน์โหลดสูง รัฐบาลจะแจกโทเคนให้กับผู้ผลิตรายนั้น และสามารถนำเหรียญมาขึ้นเงินรางวัลได้
“ผมจะให้โทเคน กับเด็กที่เล่นเกมคุณ ถ้าเกมคุณดี มีคนเล่นจำนวนมาก ได้เงินเยอะ มาขึ้นเงินกับรัฐบาล ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนให้คนไทยสร้างเกมเอง”
แม้ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง แต่หัวข้อต่อไปนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่คนบางกลุ่มไม่น้อย เมื่ออดีตนายกฯ ทักษิณยกตัวอย่างนางแบบระดับโลก ว่าไม่ได้มีหน้าตาสะสวยตามพิมพ์นิยม ทั้งผิวดำคล้ำ สันจมูกน้อยนิด แล้วทำไมประเทศไทยเรา จะผลิตซูเปอร์โมเดลแบบนั้นบ้างไม่ได้ ในเมื่อคนอีสานมีหน้าตาไม่ได้ต่างจากพวกเขาเท่าไหร่นัก
“อย่างเรื่องของแฟชั่น เมื่อก่อนนี้ ตอนสมัยผมทำงานอยู่มีการผลักดัน ‘บางกอกเมืองแฟชั่น’ เพราะเราต้องการสร้างดีไซเนอร์ขึ้นมา ท่านเห็นไหมว่า นางแบบตัวดำปี๋เลย แต่เขาเป็นนางแบบ ซูเปอร์โมเดลระดับโลก แล้วทำไมนางแบบจมูกแบนตัวดำ ๆ ทางอีสานเราจะเป็นนางแบบระดับโลกบ้างไม่ได้ บางทีเราต้องยอมรับความเป็นธรรมชาติของคนเรา และเราก็พร้อมจะส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น เราเองก็น่าจะส่งเสริม เพราะวันนี้คนไทยเราติดอยู่กับดักรายได้ขั้นต่ำ มันไม่พอ ต้องพยายามสร้างให้คนไทยสามารถพัฒนาตัวเองจากพรสวรรค์ของตนให้ได้”
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การผลักดันครัวไทยสู่ครัวโลก ทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง นำความรุ่งโรจน์ในอดีตให้กลับมาเป็นที่ประจักษ์สู่สายตาชาวโลกให้ได้อีกครั้ง โดยการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านหน้าต่างครัวไทย ก่อนจะกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในอดีต เรื่องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในต่างแดน เพราะเข้าใจดีว่าไม่ใช่คนไทยทุกคนที่โยกย้ายถิ่นฐาน จะมีทุนเพียงพอในการเปิดร้านอาหาร รัฐบาลในอดีตจึงปล่อยสินเชื่อ โดยมี SMEs ธนาคารหนุนเพื่อให้พวกเขาตั้งตัวได้
“ถ้าเราสนับสนุนเขา เขาก็จะสามารถมีร้านค้าเป็นของตัวเองจากที่เคยเป็นลูกจ้างคนอื่นมาโดยตลอด เราเข้าใจดีว่าบางครั้งพวกเขาไม่สามารถกู้เงินในต่างประเทศได้”
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงอาหารแล้ว จะปล่อยให้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการประกอบอาหารอย่างพันธุ์ข้าวไทยให้หลุดลอยไปคงเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย อดีตนายกฯ ทักษิณเองก็ได้พูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน เขากล่าวว่า ประเทศไทยถึงเวลาต้องปฏิรูปการเกษตรเสียใหม่ ดินของไทยเริ่มเสื่อมโทรมเนื่องจากเพาะปลูกมาหลายปี ทำให้พันธุ์ข้าวไทยสู้กับคู่แข่งอย่างเวียดนามไม่ได้
“วันนี้เราสู้เวียดนามไม่ได้ มีหลายสาเหตุด้วยกัน หนึ่ง ดินของเราใช้มานาน ดินเราพังหมดแล้ว เพราะโดนทั้งปุ๋ยทั้งยาฆ่าแมลงตลอดเวลาสิบปี แต่เวียดนามเขาเพิ่งเริ่มทำการเกษตรได้ไม่นานนัก ดินยังรู้จักปุ๋ย รู้จักยาฆ่าแมลงไม่นาน เพราะฉะนั้นคุณภาพดินของเขาจึงยังดีอยู่ เราก็ต้องไปแก้ว่าจะสามารถสร้างพันธุ์ข้าวแบบใหม่ ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตน้อย ไฟเบอร์เยอะ แต่อร่อยเหมือนเดิมได้ไหม เนื่องจากคนรุ่นใหม่เขากลัวอ้วน ไม่อยากกินข้าว แต่อยากได้ไฟเบอร์
“หากสามารถผลิตได้ เราก็ตั้งราคาแพงได้ วันนี้เราขายของถูกมาก margin เราต่ำ ทำให้เราต้องกดเรื่องค่าแรงลง อีกอันนึงเนี่ย ผมอยากให้ประเทศไทยเป็น food Security ให้กับประเทศที่ไม่สามารถผลิตสินค้าเกษตรได้ ให้เขาใช้เราเป็นที่ผลิตหรือสำรองให้ อันนี้สามารถเดินยุทธศาสตร์ได้ มีการผลิตมากขึ้น แล้วก็มีลูกค้าที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย”
การท่องเที่ยวไทยก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อดีตนายกฯ ทักษิณห่วงกังวลไม่น้อย เขาเผยว่าในช่วงเวลาที่ไม่อยู่ไทย รันเวย์สนามบินที่ 3 เพิ่งเปิดทดลองตอนเขามายืนอยู่ ณ เวทีแห่งนี้ 17 ปีที่เสียไป เพิ่งจะเทปูนคอนกรีตเสร็จ ซึ่งจะเปิดทดลองครั้งแรกในช่วงเดินพฤศจิกายน 2567 และเขาหวังว่าประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับจีนและอินเดีย จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มครึ่งมหาศาล
“จีนและอินเดียเป็นสองประเทศที่เมื่อรวมกันก็มีประชากรตั้งเกินครึ่ง 1 ใน 3 ของโลกเข้าไปแล้ว เป็นตลาดใหญ่ที่เรายังรับได้อีกเยอะ เพราะฉะนั้นต้องขยายสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงต้องปรับปรุงสนามบินอีกหลายแห่งทั่วประเทศไทย สร้างสถานที่ท่องเที่ยว man-made attraction เช่น สร้างสวนน้ำดึงนักท่องเที่ยว และรัฐต้องลงทุนอีกหลายที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวทั่วไป”
“ต่อไปนี้การลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐจะต้องเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีของรัฐบาลนี้ หากอนาคตชนะการเลือกตั้ง รัฐบาลหน้าก็สานต่อ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะเป็นอัลไซเมอร์หรือยังนะ ซึ่งการลงทุนเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ทำความสูญเสียให้ประเทศเยอะ ถ้าเราไม่แก้กฎหมายวันนี้ งบกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วนที่ต้องใช้เพื่อการลงทุนนั้นก็สามารถนำมาแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้ ต้องแก้ทั้งระบบ”
ทักษิณเน้นย้ำถึงความสำคัญในการแก้กฎหมายและสานต่อนโยบายให้ก้าวต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะยังคงติดหล่มอยู่กับที่เดิมไม่ก้าวไปข้างหน้าเสียที นอกจากนี้ เขายังได้หยิบเอาเรื่องติดค้างอยู่ในยุคสมัยสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยผลักดัน เพื่อแก้น้ำท่วมกรุงเทพฯ รองรับน้ำทะเลสูงขึ้นขึ้นมากล่าวต่อ นั่นคือ การถมทะเลบางขุนเทียน
“ผมเคยพูดไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ นั่นคือ การถมทะเลบางขุนเทียน ปากน้ำ เพื่อให้ได้พื้นที่ ขยายความแออัดของกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งและทำให้เป็นเมืองสีเขียว และเป็นเมืองใหม่ให้รถไฟฟ้าวิ่งเท่านั้น มีรถไฟเชื่อมและป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้ เราต้องเตรียมการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้”
เนื่องในปีหน้าครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีน ทักษิณเชื่อว่าจะเป็นสัญลักษณ์อันดีที่ทำให้สองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้น เขาอยากจะเห็นการเชื่อมโลกทัศน์ของไทยให้ขยายใหญ่ไปยังสายตานานาประเทศ การเอนเอียงเข้าหาจีนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
“เส้นทางสายไหม one belt ของจีนน่าจะถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดี ซึ่งปีหน้าจะครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ผมอยากเห็นว่าเราเชื่อมโลกได้อีกทางหนึ่ง เพราะว่ารถไฟฟ้านั้นไม่ได้ใช่ขนส่งผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว มันสามารถส่งสินค้าได้ด้วย”
“ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายก็คงต้องทำ เพราะว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เราพูดไปแล้วเราต้องทำให้ได้”
พื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา (Overlapping Claims Area - OCA) เรื่องใหญ่ที่รัฐบาลปัจจุบันต้องเร่งแก้ไข ทักษิณมองว่า ไม่ใช่แค่การกำหนดเขตแดนเท่านั้นที่สำคัญ แต่การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมต้ท้องทะเลอย่างปิโตรเลียมเองก็น่ากังวลไม่ต่างกัน
โดยเสนอว่าอาจจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน 50-50 คล้ายกับกรณีที่เคยดำเนินการกับมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะหากไม่เร่งดำเนินการ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่อีกไปเกิน 20 ปีจะใช้งานไม่ได้ และจะต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
“เพราะว่าคนเริ่มรังเกียจฟอสซิล จะไปใช้พลังงานกรีนอย่างเดียว เลยมองว่าอาจจะต้องเร่งมือทำ แต่ผมกำลังให้เขาศึกษาจากนอร์เวย์อยู่ว่าเขาทำยังไง ที่นำเอาผลประโยชน์ทางธรรมชาติมาแบ่งผลประโยชน์ดังกล่าวให้กับประชาชน มันพอจะเป็นไปได้ไหม ในขณะเดียวกันมันจะทําให้พลังงานที่เราผลิตขึ้นมาถูกลง ทําให้เราเก็บค่าไฟได้ถูกลง เราใช้น้ํามันได้ถูกลง ใช้แก๊สหุงต้มได้ถูกลง นี่คือสิ่งที่จะต้องลงมือทำอย่างจริงจัง”
“ทั่วโลกเขาพูดถึงการขายที่ดินให้คนต่างชาติได้ เพื่อที่จะให้คนต่างชาติเข้ามาเอาเงินมาใช้ในประเทศไทยให้ประเทศไทยเป็นบ้านที่สอง”
บ้านหลังที่สองในความหมายของทักษิณ คือ การขายที่ดินให้คนต่างชาติ เพื่อที่จะให้คนต่างชาติเข้ามานำเงินใช้ในประเทศ พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า สมมติขายที่ดินให้นาย A ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ตกลงราคากันเรียบร้อย แทนที่ผู้ขายจะยกโฉนดให้นาย A ก็เปลี่ยนไปให้กรมธนารักษ์แทน โดนให้กรมเป็นคนดูแลโฉนด เพื่อให้เขาได้สัญญาเช่าที่มั่นคง 99 ปี พอครบกำหนด ที่ดินตกเป็นของหลวง ดังนั้นจะไม่มีต่างชาติเอาที่ดินไปได้เลย
“พอคนต่างชาติมาซื้อที่ดินเยอะ ๆ ราคาก็จะขึ้น เมื่อที่ดินขึ้นทำไง เราก็ไปสร้างบ้านให้กับคนไทย ยกตัวอย่าง ผมอาจจะไปสร้างคอนโดที่ริมเชียงรากน้อย หรือไม่ก็สถานีรถไฟ สร้างไปเลยราคาถูก ๆ ถ้าไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนเดือนละ 3,000 กว่าบาท 99 ปี ผ่อน 30 ปี นี่คือเดียที่ทำให้คนไทยมีบ้านโดยไม่ต้องดาวน์ อันนี้ก็จะทำให้เกิดสมดุลทางเศรษฐกิจ”
ก่อนจะกล่าวปิดท้ายว่า “อดีตก็คืออดีต ไม่ใช่ว่าความจําเสื่อมจําไม่ได้ จําได้หมด แต่ผมอยากอยู่กับปัจจุบันและอนาคต
“...วันนี้ เห็นว่ารัฐบาลใหม่มีหลายพรรคเข้ามาร่วมกันเยอะ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติพัฒนาขึ้น แข็งแรงขึ้น แก้กฎหมายที่มันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ แก้กฎหมายที่ทำให้คนลำบากก็แก้ได้ วันนี้มันถึงวลาแล้วที่เราต้องรวมน้ำใจให้เป็นหนึ่ง แล้วก็แก้ปัญหาไปนะครับ
“ถ้าใครบอกว่าผมโกรธ ผมว่า(คงไม่มีอะไร)มากที่สุดแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เสีบสละเวลามา เสียตังค์มานั่งกินอาหารแล้วก็ฟังผม ผมรักบ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองดี พร้อมอยู่ข้างหลังช่วยคิดให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ใครต้องการจะปรึกษาผม ก็ยอมเสียค่ากาแฟหน่อยละกัน เดี๋ยวผมจะแวะไปกินด้วย ขอบคุณมากครับ”
หลังจบการแสดงวิสัยทัศน์เข้าสู่ช่วงถาม-ตอบโดย ‘คุณบากบั่น บุญเลิศ’ รองประธานกรรมการบริหาร และ ‘คุณวีรศักดิ์ พงษ์อักษร’ บรรณาธิการอำนวยการเครือ Nation เป็นผู้ดำเนินรายการ เริ่มจากคำถามที่ว่าตลอดช่วงเวลา 17 ปีที่ผ่านมา อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มองประเทศไทยเป็นอย่างไร
“ก็คงไม่มีกี่คนในโลกนี้ ที่ในชีวิตนี้เห็นทั้งนรกและสวรรค์ ถ้าจิตไม่ปรุงแต่งมันก็ถือว่าไม่มีทั้งสวรรค์และไม่มีทั้งนรก”
และหากจำกันได้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2008 เขาได้เดินทางกลับประเทศไทยเป็นคร้ังแรก หลังจากต้องลี้ภัยในต่างแดน จากเหตุรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ภาพที่เขาค่อย ๆ บรรจงกราบแผ่นดิน ก่อนจะโผเข้าสวมกอดครอบครัว กลายเป็นหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์การเมืองไทย และครั้งนี้ทักษิณได้กลับมาไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับปรากฎตัวในงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 อย่างเต็มภาคภูมิ
“ตอนนั้นผมคิดว่าอยากอยู่ต่อ ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว”
ทักษิณเล่าย้อนไปยังช่วงเวลาที่เขากราบแผ่นดินเมื่อปี 2008 “วันที่ผมโดนปฏิวัติ ผมไปอยู่ที่ลอนดอน อาจารย์พันศักดิ์ (พันศักดิ์ วิญญรัตน์) บอกว่าท่านทำใจนะ 3 ปี ตอนนั้นนะ ผมบอกว่า 6 เดือนกูก็ไม่เอา (หัวเราะ) คือตอนนั้นอาจจะเรียกว่าประมาทก็ได้ พอมีกลิ่น”
อย่างไรก็ตาม การที่ทักษิณออกมาแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยถึงความไม่เหมาะสม เพราะเขาเป็นเพียงอดีต แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เข้ามาดูแลประเทศไทย
อ้างอิง
https://www.tba.or.th/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1141507
https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/559389