คนสูงวัยใจไม่หมดไฟ 2023: ‘เมธาวี อ่างทอง’ เจ้าของ Black Sugar เริ่มแบรนด์ในวัยเกือบ 60

สังคมสูงวัย (Aging Society) เป็นปรากฏการณ์ที่ถูกพูดถึงมาอย่างยาวนาน เมื่ออัตราการเกิดของประชากรในหลายประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลที่ตามมาไม่เพียงแค่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ แรงงาน และการเมือง

หากมองอีกด้านหนึ่ง สังคมสูงวัย ยังปรากฏผู้คนที่มากด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิซึ่งยังคงรักษาประสิทธิภาพ บทบาท และผลงานอย่างต่อเนื่อง

ด้วยปรากฏการณ์และความสำคัญของบุคคลที่มากด้วยวัยวุฒิ Stories of the Month ซีรีส์ใหม่บอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในแต่ละเดือน นำเสนอโดย The People จึงนำเสนอเรื่องราวประจำเดือนเมษายนภายใต้หัวข้อสังคมสูงวัย

ซึ่งชื่อในผุดขึ้นมาในหัวอีกหนึ่งคนและ The People อยากนำเสนอเรื่องราวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากเธอ นั่นก็คือ ‘เมธาวี อ่างทอง’ เจ้าของแบรนด์และดีไซน์เนอร์ของแบรนด์ Black Sugar เรียกว่าเป็นคนรุ่นใหญ่ที่มีใจรักในงานศิลปะตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจเสียด้วยซ้ำ

เพราะอาชีพข้าราชการไม่ตอบโจทย์

ด้วยวัยของ เมธาวี ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ เกี่ยวกับ ‘ข้าราชการ’ ว่าคืออาชีพที่มั่นคงที่สุดและเป็นอาชีพที่สร้างความภาคภูมิใจได้ เธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สภาพแวดล้อมรอบตัวปูภาพมาแบบนั้น

เงื่อนไขชีวิตในวัยเด็กหลายอย่างทั้งฐานะของที่บ้าน และการเลือกเรียนตามความชอบก็คืองานศิลปะ ไม่ได้รับไฟเขียวจากที่บ้าน อาจจะเพราะในตอนนั้นอาชีพที่เกี่ยวกับงานศิลปะยังไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าสมัยนี้ จึงทำให้ เมธาวี ต้องเลือกเรียนสายพาณิชย์ เธอหวังที่จะเรียนจบสายนี้มาเพื่อต่อยอดอาชีพที่มั่นคงได้ และเธอก็สามารถดูแลครอบครัวได้นั่นเอง

เมธาวี เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อของไทยว่า มีทั้งช่วงที่ต้องช่วยแม่ขายของ ดูแลน้อง ๆ เพราะแม่มีลูกหลายคน เธอพยายามเรียนจนจบ ปวช.และเข้าทำงานเป็น ‘ข้าราชการ’ เพียงเพราะว่าหลายคนมองเป็นอาชีพที่มั่นคง แต่สำหรับเธอเธอรู้ตัวนานแล้วว่าชอบในงานศิลปะ งานออกแบบ งานความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งความที่เธอทำงานที่ไม่ได้ชอบ และเงินเดือนก็น้อยมาก ทำให้เมธาวี ตัดสินใจไปเรียน ‘การตัดเย็บเสื้อผ้า’ ที่ศูนย์ฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร และนั่นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของเธอสู่เส้นทางการออกแบบ

เหตุเกิดจากเครื่องจักรเย็บผ้า

หลังจากที่หลักสูตรการตัดเย็บเสื้อผ้าจบลง สิ่งที่ เมธาวี ทำต่อจากนั้นก็คือ หาซื้ออุปกรณ์ที่ต่อยอดความรู้จากที่ได้มา วันหนึ่งเธอไปเตะตา ‘เครื่องจักรเย็บผ้า’ เธอชอบมากแต่ติดตรงที่มีราคาสูงถึง 20,000 บาท ขณะที่ตอนนั้นเงินเดือนของเธอทั้งเดือนน้อยกว่านั้นลิบ เธอจึงตัดสินใจทำงานเก็บเงินสักพักก่อนที่จะซื้อเครื่องเย็บผ้า

เครื่องจักรเย็บผ้าของเธอใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย ออกแบบได้ เย็บได้หลายแบบ ซึ่งเธอจึงเอ่ยปากของาน part-time กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนของเมธาวี ทำเสื้อผ้าเด็กส่งออกไปต่างประเทศ ทั้งเสื้อผ้า ถุงมือเด็ก ถุงเท้าเด็ก ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ ซึ่ง เมธาวี ได้ช่วยงานเพื่อนคนนั้นด้วยการเย็บผ้ากันเปื้อนของเด็ก ควบคู่ไปกับงานราชการ

แต่ท้ายที่สุด เมธาวี ตัดสินใจลาออกจากงานราชการเพราะค่อนข้างมั่นใจเรื่องค่าตอบแทน และฝึกมือกับงานตัดเย็บมาพอสมควรแล้ว ซึ่งเพื่อนของเมธาวี ถึงกับเอ่ยปากชมว่าเธอเย็บผ้าค่อนข้างเนียบ เชี่ยวชาญงานละเอียด และมีความประณีต จึงแนะนำให้เธอลองทำธุรกิจของตัวเอง ก็คือ ตัดเย็บและส่งออกเสื้อผ้าเด็กนี่แหละ โดยมีเพื่อนคอยช่วยเหลือในช่วงแรก ๆ

ต้องบอกว่าเหตุผลที่ The People สนใจเกี่ยวกับ เมธาวี อีกอย่างก็คือ เธอเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวในวัย 57 ซึ่งเพียงอีกไม่กี่ปีที่เธอจะเกษียณในตอนนั้นแต่เธอกลับเลือกเดินตามความชอบของตัวเอง และไม่ละทิ้งความฝันในวัยเด็กของตัวเอง ซึ่งธุรกิจแรกก็คืออย่างที่บอกไปคือส่งออกเสื้อผ้าเด็ก โดยระหว่างที่พยายามปั้นแบรนด์ เธอไปร่วมออกบูธอยู่บ่อยครั้ง และยังแสดงสินค้ากับกรมส่งเสริมการส่งออกด้วย

อย่างไรก็ตาม โชคชะตาชีวิตของเมธาวีกับเส้นทางธุรกิจกลับสะดุดเพราะวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 ถือว่าในตอนนั้นธุรกิจของเธอคือล้มแบบ 100% เธอหมดตัวไปกับความพยายามที่จะฟื้นธุรกิจครั้งแล้วครั้งเล่าในระหว่างนั้น และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่โด่วดังไปทั่วโลก ‘Black Sugar’

 

เรียนเพิ่มจนเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ตัวเอง

เรียกว่าวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนั้นมีส่วนทำให้ เมธาวี ต้องยกเลิกการทำธุรกิจเสื้อผ้าเด็กแต่หันมาทำเสื้อผ้าผู้ใหญ่ ด้วยประสบการณ์และวิธีการตัดเย็บที่ไม่ธรรมดา สุดท้ายเธอใช้ฝีมือและความเชื่อใจของลูกค้าในต่างประเทศ เปิดรับออเดอร์และให้ลูกค้าโอนเงินให้ล่วงหน้า นั่นจึงทำให้เธอกับธุรกิจลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง แต่สงครามตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้นทำให้ธุรกิจเธอที่ผูกกับต่างประเทศค่อนข้างเยอะต้องชะงักลงเพราะไม่สามารถส่งออกได้

จนเกิดเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งด้วยเงินที่เหลืออยู่บางส่วน (หลังจากที่เธอเลย์ออฟพนักงานบางส่วนออกไป) เมธาวี ปรับหมุดธุรกิจครั้งใหม่ก็คือ การทำเสื้อผ้าผู้ใหญ่เต็มตัวและเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย

เธอยอมที่จะจ้างดีไซเนอร์ให้มาออกแบบเสื้อผ้าให้แต่ก็ไม่ถูกใจ และเกิดการทะเลาะขัดแย้งวกันบ่อย ๆ สุดท้ายเธอเลือกที่จะลงเรียนเพิ่มเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า ลงเรียนหลาย ๆ หลักสูตรจนได้ใบประกาศนียบัตรมาหลายใบ และเมธาวีก็เริ่มออกแบบเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ตัวเองนับตั้งแต่ตอนนั้น

และศูนย์การค้าอิเซตัน ก็เป็นห้างฯ แรกที่ เมธาวี ไปติดต่อและใช้เป็นพื้นที่ทดลองขายแบรนด์เสื้อผ้าในชื่อว่า Black Sugar ที่ทำการตลาดอย่างจริงจัง จนลูกค้าเริ่มเป็นที่รู้จักผลตอบรับดี จากนั้นเธอก็ขยายสาขาไปที่ห้างฯ อื่นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันสำหรับเสื้อผ้าที่คงเอกลักษณ์สีขาว-ดำแบรนด์นี้ มักปรากฎตัวบนรันเวย์ระดับโลกมาแล้วหลายที่ เช่น MQ  Vienna Fashion Week ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งก็ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมากขึ้นจากในหลายประเทศ

ซึ่งความสำเร็จของ เมธาวี ในวันที่เธอเริ่มต้นธุรกิจในวัยเกือบ 60 ปี และยังเรียนเพิ่มเติมเพื่อนำความรู้ใหม่ ๆ มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง ทำให้เราเชิดชูและชื่นชมเลือกให้เป็น People of The Month ของเดือนนี้นั่นเอง

เรื่องราวของเธอที่หยิบมานำเสนอในบทความนี้เป็นเพียงบางส่วนของจุดเปลี่ยนสำคัญ ๆ เท่านั้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและรู้จักตัวตนของเมธาวีมากขึ้น

 

ภาพ: Black Sugar Facebook

อ้างอิง:

Black Sugar

Smethailandclub

Mgronline

Brandbuffet