26 พ.ย. 2561 | 17:14 น.
คุณลองจินตนาการถึงเสียงต่าง ๆ ที่ได้ยินในเกมเทนนิสสิ เสียงของลูกเทนนิสเมื่อกระทบกับแร็คเก็ต เสียงของไลน์แมนที่ขานดังลั่นว่า “ออก” เสียงของแชร์อัมไพร์ที่ประกาศแต้มสำคัญว่า “deuce” หรือแม้กระทั่งเสียงของคนดูที่ปรบมือ เมื่อได้เห็นลูกโฟร์แฮนด์พิฆาตตัดสินเกมของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เสียงต่าง ๆ เหล่านี้คือเสน่ห์ของเกมลูกสักหลาด ในกีฬาเทนนิสระดับอาชีพการได้ยินเสียงแร็คเก็ตของคู่แข่งกระทบกับลูก ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะมันจะบอกเราได้ว่าคู่ต่อสู้จะตีกลับมาในรูปแบบใดทิศทางไหน ต่อจากนั้นเรามีหน้าที่เพียงเตรียมรับลูกและกะจังหวะให้ดี แต่สำหรับ ลี ดัค ฮี (Lee Duck Hee) นักเทนนิสชาวเกาหลีใต้วัย 20 ปี ชายที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงจริง ๆ ของตัวเองเป็นอย่างไร เขาต้องอาศัยสายตาเพื่อช่วยในการกะจังหวะความเร็วของลูกเท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าหูของเขาหนวกสนิทมาตั้งแต่เกิด นักเทนนิสจากเจชอน เมืองทางตอนกลางของประเทศ (ระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงโซล) เริ่มต้นตีเทนนิส เมื่ออายุได้เพียง 7 ขวบ แรงบันดาลใจที่ทำให้เขาหันมาจับแร็คเก็ตคือการที่ได้เห็นญาติ ๆ เล่น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาตกหลุมรักเทนนิสชนิดโงหัวไม่ขึ้น ในช่วงแรก ดัค ฮี ได้คุณพ่อของเขารับหน้าที่เป็นโค้ชให้ และต่อมาเขาก็เริ่มสนใจเทนนิสมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก อาการหูหนวกทำให้การสื่อสารกับผู้คนของ ดัค ฮี เป็นเรื่องที่ยาก แม่ของดัค ฮี สอนให้เขาอ่านปากของผู้คน แทนที่จะเรียนรู้ภาษามือ และปฏิเสธใช้ล่ามเพื่อหวังจะให้ดัค ฮี สามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่องใด ๆ “ดัค ฮี สามารถสื่อสารกับทุกคนได้ปกติ โดยไม่ต้องใช้ภาษามือ ฉันไม่ต้องการให้เขาต้องพึ่งล่ามภาษามือ เพราะฉะนั้นการอ่านปากได้คือหนทางที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้" มี-จา ปาร์ค แม่ของ ลี ดัค ฮี เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ดัค ฮี ไม่เคยคิดว่า ‘การหูหนวก’ คืออุปสรรคในการทำความฝันของตัวเอง เขาเดินหน้าพิชิตแชมป์ระดับเยาวชนได้หลายรายการ และได้เข้าแข่งขันรายการ ATP TOUR ในเวลาต่อมา ก่อนจะเทิร์นโปรเมื่อปี 2013 “ผู้คนมักนิยามคนที่หูหนวกว่าเป็นพวกไร้ความสามารถ แต่สิ่งนี้ไม่เคยกวนใจผม ผมมองว่ามันเป็นข้อได้เปรียบมากกว่านักเทนนิสคนอื่นด้วยซ้ำ มันคือของขวัญที่คนทั่วไปไม่มี เทนนิสคือโอกาสที่ทำให้ผมรอดพ้นจากการใช้ชีวิตเป็นคนพิการในสังคมทั่วไป ทุกครั้งที่ได้จับแร็คเก็ตผมจะรู้สึกมั่นใจเสมอ”
อย่างที่เกริ่นข้างต้นการได้ยินสำคัญมากกับกีฬาชนิดนี้ แล้ว ดัค ฮี ทำได้อย่างไร ? คำตอบก็คือเขาใช้สายตาวิเคราะห์การตีของคู่แข่งและตัดสินใจเลือกช็อตในการตีต่อไป นั่นทำให้ระบบประสาทของเขาดีกว่านักเทนนิสคนอื่น บวกกับการไม่ได้ยินเสียงรบกวนต่าง ๆ ยิ่งทำให้เขามีสมาธิกับเกมมากกว่าผู้เล่นทุกคน “ผมจำเป็นต้องโฟกัสกับลูกบอลเสมอ และผมต้องสังเกตการตีของคู่แข่งและตำแหน่งที่ลูกบอลจะไปและเคลื่อนตัวตาม เพราะผมไม่ได้ยินเสียงตี ผมนั่งดูเทปและเว็บไซต์ที่บันทึกการตีของคู่แข่งมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การไม่ได้ยินเสียงของคนดู หรือเสียงคู่ต่อสู้ขณะตีลูก คือข้อได้เปรียบของผม นั่นหมายความว่าผมสามารถมีสมาธิกับเกมของตัวเองมากกว่าคนอื่น” แต่การไม่ได้ยินบางครั้งก็ทำให้เขาวิตกได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อต้องสื่อสารกับกรรมการ ไลน์แมน หรือ แชร์อัมไพร์ บางจังหวะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกที่ตัวเองตีออกไปออกหรือไม่ออก “ระหว่างแข่งการสื่อสารกับอัมไพร์ เป็นเรื่องที่ยากเสมอสำหรับผม บางครั้งผมไม่รู้ว่ากรรมการตัดสินอย่างไร เพราะผมไม่ได้ยินพวกเขา โดยเฉพาะเวลาลูกเสิร์ฟแรกติดเน็ต หรือออก ผมต้องสังเกตสัญญาณมือของกรรมการแทน บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากเพราะแต่ละคนก็มาจากหลายประเทศ ผมสามารถอ่านปากเวลาพวกเขาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้” ดัค ฮี ต่างก็มีความฝันเหมือนกับนักเทนนิสคนอื่น นั่นก้คือการคว้าแชมป์รายการต่าง ๆ โดยเฉพาะการชนะแกรนด์สแลมได้ ที่สำคัญเขาหวังเหลือเกินว่าวันหนึ่งจะได้ดวลกับเหล่าฮีโร่ในวัยเด็กอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หรือ ราฟาเอล นาดาล “ผมอยากรู้ถึงอารมณ์ของการคว้าแชมป์ในแกรนด์สแลม ผมเชื่ออย่างมากว่าวันหนึ่งผมจะสามารถคว้าแชมป์เหล่านั้นได้ จนกว่าจะถึงวันนั้นผมจะฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่านี้ทุกครั้งที่ผมได้เดินลงสู่สนาม มันคือช่วงเวลาที่ดีเสมอ” ดัค ฮี เข้าใกล้แกรนด์สแลมมากสุดคือรอบคัดเลือก และช่วงเวลาประทับใจที่สุดของเขาตอนนี้คือการได้ดวลกับ ชอง ฮยอน นักเทนนิสรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่เคยโค่น โนวัค ยอโควิช มาแล้ว หลายคนมักยก ดัค ฮี เปรียบเทียบกับ ฮยอน จากอายุที่ใกล้กันและถูกมองว่าหากครบ 32 ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้เหมือนที่ ฮยอน ทำได้ “ผมไม่ได้อยากให้ทุกคนมองว่าผมเก่งเพราะหูหนวก ผมหวังว่าทุกคนจะจดจำผมได้ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง มากกว่าจะเป็น ลี ดัค ฮี ชายผู้มีปัญหาการได้ยิน บางครั้งเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกอยากจะเลิกเล่นไปเลย แต่มันก็กลายเป็นแรงผลักดันทำให้ผมรู้สึกว่าจะอยากพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าคนเหล่านี้คิดผิด ผมคือชายหูหนวกคนหนึ่ง ผมไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจหรือการดูแลที่แตกต่าง ผมต้องการพัฒนาตัวเองเพื่อจะเป็นที่สุดของโลก นั่นคือความฝันของผม” เรื่องราวของ ดัค ฮี กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกถึงขนาดเจ้า "เอล มาทาดอร์" ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชื่อดัง ยังเคยทวีตชื่นชมไว้ว่า “เรื่องราวของลี ดัค ฮี สอนให้พวกเราทุกคนรู้ว่าต้องสู้ต่อไป” ความพิการ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนไร้ความสามารถ แต่สิ่งที่คุณทำได้ต่างหากคือเครื่องมือวัดความสามารถของคุณ