27 เม.ย. 2568 | 08:00 น.
KEY
POINTS
“ทีมชาติไทย ชุดบี ถล่ม ทีมชาติเยอรมนี คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ”
ข้อความดังกล่าวคือสิ่งที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นของยุค 90s ซึ่งเป็นช่วงที่วงการฟุตบอลไทยกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหลังจากที่สามารถคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17 ปี 1993 ณ ประเทศสิงคโปร์มาครองได้ ตามต่อด้วยความสำเร็จในการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 25 ปี 1994 ด้วยการเอาชนะทีมชาติเยอรมนี 4 - 0
แม้ในภายหลังความจริงจะปรากฎว่าทีมที่ทีมชาติไทยเอาชนะได้นั้นคือสโมสรเวสท์ฟาเลีย ซึ่งเป็นเพียงทีมฟุตบอลระดับสมัครเล่นในประเทศเยอรมนีเท่านั้น แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคือสารตั้งต้นก่อให้เกิดนักฟุตบอลทีมชาติไทยระดับตำนานมากมายและหนึ่งในนั้นคือ ‘ตะวัน ศรีปาน’ ซึ่งคือผู้ซัดประตูปิดท้ายในแมตช์ดังกล่าว
‘ตะวัน ศรีปาน’ หรือปัจจุบันก็คือ ‘ธชตวัน ศรีปาน’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอลไทยลีก ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยระดับตำนานคนหนึ่งที่สร้างผลงานเอาไว้มากมาย ด้วยทักษะฝีเท้าอันยอดเยี่ยมเมื่อรวมเข้ากับนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษทั้งในและนอกสนาม นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเป็นนักกีฬาในดวงใจของใครหลายคน
เส้นทางบนถนนสายลูกหนังของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร เรามาร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
‘แบน’ ธชตวัน ศรีปาน เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 1971 ที่จังหวัดสระบุรี เป็นบุตรของคุณพ่อสมกิจ และคุณแม่สมศรี ศรีปาน โดยเจ้าตัวนั้นเป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้องรวมทั้งหมด 4 คน เส้นทางสายลูกหนังเริ่มขึ้นในตอนที่อายุได้ 12 ปี สมัยเรียนอยู่โรงเรียนแก่งคอย
จากนั้นเจ้าตัวก็เข้ามาศึกษาต่อในระดับปวช. ที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตนนทบุรี (ช่างกลนนทบุรี) และยังคงลงเล่นฟุตบอลให้กับสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายการฟุตบอลกรมพลศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งแม้จะทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่มันก็ยังไม่ดีพอสำหรับคำว่า ‘ทีมชาติไทย’
เส้นทางการเล่นฟุตบอลในระดับสโมสรของธชตวัน ศรีปาน นั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1990 รายการฟุตบอลชิงถ้วยราชทานประเภท ง. กับสโมสรธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ โดยเป็นกำลังสำคัญพาทีมคว้าแชมป์มาครองได้และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงฟุตบอลชิงถ้วยราชทานประเภท ก. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงเวลานั้น
สำหรับเส้นทางสายทีมชาตินั้น ธชตวัน ศรีปาน ติดทีมชาติไทยครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1993 เนื่องมาจาก ‘บิ๊กหอย’ ธวัชชัย สัจจกุล เกิดประทับใจในฟอร์มการเล่นระดับสโมสรของเจ้าตัว จึงได้ทาบทามให้มาฝึกซ้อมกับทีมชาติไทยชุดฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกและลงเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก
ในช่วงการฝึกซ้อมกับทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น ธชตวัน ศรีปาน ไม่ได้รับความสนใจมากนัก เพราะทีมชาติไทยยุคนั้นอุดมไปด้วยกองกลางฝีเท้าดีมากมาย แถมดีกรีก็ไม่ธรรมดา แต่แล้วในวันที่ 18 เมษายน 1993 โอกาสในการลงสนามให้ทีมชาติไทยของ ธชตวัน ศรีปาน ก็มาถึงในแมตช์ฟุตบอลโลก 1994 รอบคัดเลือก รอบแรก กับทีมชาติบังกลาเทศ
โดยหลังจากที่ ธชตวัน ศรีปาน ได้รับโอกาสลงไปโชว์เพลงแข้งในแมตช์นั้นแล้ว เจ้าตัวก็กลายเป็นกำลังหลักของแดนกลางทีมชาติไทยในเวลาต่อมา
ช่วงปี 1993 เป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลไทยอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนัก เนื่องจากขุนพลช้างศึกนั้นห่างหายจากการคว้าเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์มานานกว่า 8 ปี ฉะนั้นเป้าหมายหลังของสมาคมฟุตบอลฯ ในเวลานั้นก็หนีไม่พ้นการคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17 ปี 1993 ณ ประเทศสิงคโปร์ มาครองให้ได้
ซึ่งหลังจากที่ ธชตวัน ศรีปาน ฝากผลงานเอาไว้ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอย่างยอดเยี่ยม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่นักเตะจากสระบุรีคนนี้จะมีชื่อไปไล่ล่าเหรียญทองซีเกมส์ที่แดนลอดช่องกับทีมชาติไทย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนฟุตบอลต้องผิดหวัง เมื่อสามารถเป็นกำลังหลักพาช้างศึกกลับมาคว้าเหรียญทองได้อีกครั้ง
โดยในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งดังกล่าว ธชตวัน ศรีปาน สร้างสถิติได้ลงสนามทุกแมตช์ และออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 5 แมตช์ด้วยกัน
ชื่อของ ธชตวัน ศรีปาน มาโด่งดังถึงขีดสุดในศึกการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพปีต่อมา โดยเจ้าตัวนำทีมชาติไทยชุดบีโค่นทีมเวสท์ฟาเลีย จากประเทศเยอรมนี คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และเจ้าตัวคือคนยิงประตูปิดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ
ทีมชาติไทยชุดนั้นได้รับฉายาว่า ‘ดรีมทีม’ และ ธชตวัน ศรีปาน คือนักเตะที่เป็นไอคอนิกของทีม ร่วมกับ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
“มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ครับ จากนักฟุตบอลที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นนักเตะโนเนม แต่เพียงแค่ปีกว่าในถนนสายทีมชาติไทยชุดดรีมทีม ทำให้ผมได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ได้เป็นกองกลางทีมชาติไทย ผมต้องขอบคุณลุงหอย (ธวัชชัย สัจจกุล) มาก ๆ ครับ ที่ปลุกปั้นผมขึ้นมา”
อ้างอิงบทสัมภาษณ์จากหนังสือฟุตบอลสยาม เอ็กซ์ตรา เรื่อง สิงห์ดรีมทีม
ช่วงปลายปี 1994 ธชตวัน ศรีปาน ได้มีโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติไทยในศึกการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน อายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย (AFC U-19 Championship) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะกัปตันทีม โดยเจ้าตัวสามารถพาทีมชาติไทยคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้ แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมชาติไทยไปแข่งขันฟุตบอลเยาวชนโลก
“คงจะเป็นเพราะตอนนั้นผมเป็นกัปตันทีม และเป็นความหวังของทีมคู่กับซิโก้ เลยโดนจับตามองและตั้งความหวังมากเป็นพิเศษ พอลูกฟุตบอลมาอยู่ที่เราและเราทำไม่ได้ก็เลยต่อว่ามากกว่าคนอื่น หลายคนหาว่าผมเป็นพ่อเลี้ยง”
“ช่วงนั้นองค์ประกอบของทีมไม่ลงตัวครับ บ้างครั้งผมได้บอลแล้วเพื่อนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบเราก็ไม่ได้จ่ายให้ กลายเป็นว่าเราหวงบอลเลี้ยงบอลไว้คนเดียว บอกตามตรงผมเสียใจมากครับ”
ยุคสมัยนั้นทีมชาติไทยและหลายชาติในเอเชีย ยังมีการใช้ผู้เล่นอายุเกินลงแข่งขันในระดับเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย โดยขณะนั้น ธชตวัน ศรีปาน คือหนึ่งในผู้เล่นตัวหลักและมีอายุเกิน ซึ่งเมื่อไม่สามารถทำผลงานอย่างที่ถูกตั้งความหวังทำให้ได้รับเสียงต่อว่าค่อนข้างมาก และยิ่งเจ้าตัวเป็นคนอ่อนไหวด้วยแล้วสถานการณ์ยิ่งไปกันใหญ่
“ผมแคร์ความรู้สึกของทุกคนมากเกินไปตอนนั้น พอกลับจาก 19 ปี ผมเก็บเอามาคิดว่าจะต้องพยายามเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นของตัวเองเพื่อเอาใจแฟนบอล ตอนนั้นพอผมได้บอลผมก็จะรีบให้ทันที เรียกว่าเล่นไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแม้แต่น้อย”
อ้างอิงบทสัมภาษณ์จากหนังสือ ‘ทีมชาติไทย 2 เหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 18’ ปี 1995
ผลงานของ ธชตวัน ศรีปาน กับทีมชาติไทยเริ่มดิ่งลงจากนักฟุตบอลที่มีความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม กลายเป็นนักฟุตบอลระดับธรรมดา จนเมื่อถึงจุดหนึ่งเจ้าตัวก็อยากพักการเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติไทย แต่ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างทำให้ ธชตวัน ศรีปาน ยังคงยืนหยัดอยู่ได้
หลังจากที่ ธชตวัน ศรีปาน ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตมาได้ เจ้าตัวก็เริ่มกลับมาโชว์ฟอร์มกับทีมชาติไทยได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยเฉพาะในรายการซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 1995 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เปรียบดั่งเกมเปลี่ยนชีวิต
“ก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เชียงใหม่ ทีมชาติไทยบินไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษครับ ซึ่งตัวผมเองก็ทำผลงานได้ดี ทำให้เกิดความมั่นใจว่าซีเกมส์เราต้องทำได้ ขนาดเล่นกับนักเตะอังกฤษเรายังเล่นได้ แล้วกับนักเตะอาเซียนทำไมจะเล่นไม่ได้ ผมบอกกับเพื่อนร่วมทีมว่าขอให้เชื่อใจในตัวผม ซีเกมส์ครั้งนี้ผมมั่นใจว่าทำได้”
ธชตวัน ศรีปาน ทำผลงานกับทีมชาติไทยในการแข่งขันซีเกมส์ 1995 ได้ค่อนข้างดี จนมาถึงเกมกับทีมชาติเวียดนามในการแข่งขันรอบแรกแมตช์ที่ 3
ทีมชาติไทยขึ้นนำทีมชาติเวียดนามไปก่อน 1 - 0 ในครึ่งเวลาแรก จากนั้นเมื่อครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 3 นาที ‘วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์’ ก็เปิดบอลทะลุช่องมาให้ ธชตวัน ศรีปาน สอดขึ้นมากระดกบอลข้ามศีรษะของผู้รักษาประตูทีมชาติเวียดนามเข้าไปอย่างสวยงาม
ทีมชาติไทยขึ้นนำ 2 - 0 แต่ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของ ธชตวัน ศรีปาน ที่ถูกผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามยันเข้าไปที่เข่า จนเล่นต่อไม่ไหวต้องถูกเปลี่ยนตัวออก
“จังหวะดังกล่าวผมรู้สึกเจ็บมากครับ ผมคิดว่าโอกาสที่จะได้ลงสนามในแมตช์ที่เหลือมันจบลงแล้ว อย่าว่าแต่จะไปเล่นฟุตบอลเลยครับ แค่เดินผมยังไม่ไหวเลย ช่วงนั้นทีมแพทย์พยายามรักษาอาการบาดเจ็บผมด้วยการทำอัลตราซาวด์ แต่ผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาลงสนามได้ทัน”
ทีมชาติไทยแม้ว่าจะต้องขาดกำลังสำคัญอย่าง ธชตวัน ศรีปาน ไป แต่ก็สามารถทำผลงานผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะต้องลงสนามพบกับทีมชาติเวียดนามอีกครั้ง
“ก่อนเกมรอบชิงชนะเลิศ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปบอกทีมสต๊าฟและลุงหอยว่า ผมพร้อมจะลงสนามแล้ว ผมต้องการคว้าเหรียญทองกับทีมชาติไทย”
“ช่วงวอร์มก่อนเกม อาหมอพันผ้าล็อกกล้ามเนื้อให้ผมถึง 3 ชั้นจนแน่นไปหมด แต่พอเวลาผมสปีดจะเจ็บมาก มันเจ็บจนทนไม่ไหว สุดท้ายผมเลยขอให้แพทย์ประจำทีมฉีดยาให้ผมซึ่งอาการก็ดีขึ้น”
“ตอนนั้นผมหวังแค่ว่าจะประคองตัวและประคองทำเกมให้ไหลลื่นที่สุด ไม่ใช่ว่าผมอยากดังแล้วจะไปเป็นตัวถ่วงของทีมนะครับ แต่ผมรู้ว่าต้องเล่นกับเวียดนามยังไง ผมจึงพยายามจะลงเล่นให้ได้ครับ ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยจะต้องได้เหรียญทอง”
และก็เป็นเช่นดังที่เจ้าตัวกล่าวไว้จริง ๆ ครับ ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติเวียดนามไปได้ 4 ประตูต่อ 0 โดย 2 ประตูแรกมาจากฝีเท้าของ ธชตวัน ศรีปาน
ความสำเร็จในครั้งนั้นส่งผลให้ทีมชาติไทยและตัวของ ธชตวัน ศรีปาน ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคมอย่างคาดไม่ถึง ทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ตามมาติดขอสัมภาษณ์กันมากมาย จากนักฟุตบอลธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์เพียงข้ามคืน
“ผมไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาสนใจในตัวผมขนาดนี้ เพราะตัวผมเองก็เคยผ่านจุดที่คนสนใจมาแล้วสมัยดรีมทีม ผมไม่คิดว่าประตูที่ทำได้จะเปลี่ยนชีวิตผมอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นคนดังนะครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนมีจุดเด่นขนาดนั้นครับ”
ธชตวัน ศรีปาน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือ ‘ทีมชาติไทย 2 เหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 18’ ปี 1995
ธชตวัน ศรีปาน สร้างชื่อเสียงกับทีมชาติไทยอย่างมากมาย เจ้าตัวเป็นกำลังสำคัญและมีส่วนกับความสำเร็จของทัพช้างศึกทั้งในระดับอาเซียนและทวีปเอเชีย แต่สิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันสำหรับเจ้าตัวมาโดยตลอดนั่นก็คือการเล่นฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศ
จนปี 1998 ความฝันดังกล่าวของ ธชตวัน ศรีปาน ก็เป็นความจริงเมื่อเจ้าตัวได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพของสโมสรเซมบาวัง เรนเจอร์ส ในฟุตบอลเอสลีก (S League) ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ธชตวัน ศรีปาน ลงเล่นให้กับสโมสรเซมบาวัง เรนเจอร์ส เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี โดยมีการบันทึกเอาไว้อย่างไม่เป็นทางการว่าเจ้าตัวลงสนามประมาณ 180 แมตช์และทำประตูได้ทั้งสิ้น 29 ประตู โดย ธชตวัน ศรีปาน ได้รับการยกย่องและยอมรับจากแฟนฟุตบอลของสโมสรเป็นอย่างมาก ทั้งด้วยฝีเท้าในสนามและนิสัยใจคอนอกสนามทำให้เจ้าตัวได้รับฉายาว่า ‘เจ้าชายเซมบาวัง’
หลังจากที่ ธชตวัน ศรีปาน ประสบความสำเร็จในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรเซมบาวัง เรนเจอร์ส ในปี ค.ศ. 2004 เจ้าตัวก็ออกไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรฮอง อันห์ ยา ลาย ในฟุตบอลวีลีก (V League) ของประเทศเวียดนาม โดยมีบันทึกอย่างไม่เป็นทางการว่า ตลอด 2 ปีที่ ธชตวัน ศรีปาน ลงเล่นให้กับสโมสรจากเวียดนามนั้น เจ้าตัวทำประตูได้ทั้งหมด 13 ประตูจากการลงสนาม 49 แมตช์
ธชตวัน ศรีปาน เป็นนักฟุตบอลที่สร้างเกียรติประวัติกับทีมชาติไทยอย่างมากมาย การคว้าเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์ร่วมกับทีมชาติไทย 4 สมัย (1993 - 1999) การคว้าแชมป์อาเซียน แชมเปียน ชิพ 3 สมัย (1996, 2000 และ 2002) การได้อันดับที่ 4 กีฬาเอเชียนเกมส์ในปี 1998 รวมทั้งสร้างประวัติศาสตร์พาทีมชาติไทยไปถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย โซนเอเชียได้สำเร็จ นับได้ว่าเจ้าตัวคือระดับตำนานแข้งทีมชาติไทยคนหนึ่ง
ด้านเส้นทางการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนระดับอาชีพนั้นเจ้าตัวมีผลงานที่โดดเด่นกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด โดยเฉพาะการพาทีม ‘กิเลนผยอง’ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2017 (AFC Champions League 2017) โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ธชตวัน ศรีปาน นำสโมสรจากประเทศไทยสร้างผลงานโค่นสโมสรคาชิม่า แอนท์เลอร์ส แชมป์เจลีกของประเทศญี่ปุ่น, สโมสรอุลซาน ฮุนได จากประเทศเกาหลีใต้ และสโมสรบริสเบน รอร์ จากประเทศออสเตรเลีย ด้วยฟอร์มสุดยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตามเส้นทางการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นไม่มีอะไรที่แน่นอน ธชตวัน ศรีปาน ยุติเส้นทางกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ในช่วงต้นปี 2018 จากนั้นก็ไปพิสูจน์ตัวเองสั้น ๆ กับสโมสรในฟุตบอลไทยลีกอย่างโปลิศ เทโรและสุพรรณบุรี เอฟซี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
จากนั้นช่วงปลายปี 2020 ธชตวัน ศรีปาน ก็ต้องพบกับความท้าทายใหม่เมื่อเจ้าตัวเข้ามาเป็นกุนซือใหญ่ของสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด และก็นำพาความสำเร็จมาสู่สโมสรโดยผลงานที่สุดโด่นเด่นก็คือการพาทีมแข้งเทพเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2023 - 2024 (AFC Champions League 2023 - 2024)
โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ธชตวัน ศรีปาน พาสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด เอาชนะสโมสรชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส จากประเทศเกาหลีใต้ จนสร้างความฮือฮาไปทั่วเอเชีย นอกจากนี้เจ้าตัวยังคือกุนซือประวัติศาสตร์ที่พาทีมแข้งเทพคว้าแชมป์ฟุตบอล ไทยแลนด์ เอฟเอ คัพ ได้อีกด้วย นับได้ว่า ธชตวัน ศรีปาน คือหัวหน้าผู้ฝึกสอนระดับอาชีพมากฝีมือ ที่สร้างผลงานเอาไว้ให้กับวงการฟุตบอลไทยมากมาย
และนี่คือเรื่องราวของ ‘ตะวัน ศรีปาน’ หรือปัจจุบันก็คือ ‘ธชตวัน ศรีปาน’ นักฟุตบอลทีมชาติไทยระดับตำนาน และหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่กำลังได้รับการจับตามองในช่วงเวลานี้
เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง (The Sportory)