29 ม.ค. 2563 | 23:32 น.
“48 ชั่วโมง” มักจะเป็นคำที่สำนักข่าวใหญ่ ๆ หยิบมาใช้บ่อยครั้งในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ตัวเลขดังกล่าวเป็นการนับถอยหลังสู่การปิดดีลอย่างเป็นทางการระหว่างสองสโมสร
“48 ชั่วโมง” สำหรับทีมอื่นอาจจะบ่งบอกเป็นนัยว่าอีกสองวันพวกคุณเตรียมได้เห็นนักเตะใหม่ชูเสื้อได้เลย มันหมือนเป็นการการันตีว่าพวกเขากำลังจะได้นักเตะใหม่แน่นอน
แต่ “48 ชั่วโมง” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากเกาะอังกฤษ นั้นเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร “48 ชั่วโมง” ของพวกเขาไม่ต่างกับ 48 วัน (หรือบางครั้งลากยาวจนคนลืม) มันกลับกลายเป็นว่าทุกครั้งที่สื่อพาดหัวในลักษณะนี้ แฟนปีศาจแดงส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้กันดีว่า “48 ชั่วโมง ของพวกเราไม่เท่ากับทีมอื่น”...เอิ่ม อิหยังวะ
“ยูไนเต็ดเตรียมปิดดีล แฟร์นันเดส ในอีก 48 ชั่วโมง” นี่คือประโยคยอดฮิตประจำตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม ฤดูกาล 2019-2020 ที่สื่อต่าง ๆ หยิบมาใช้นำเสนอในช่วงที่ทีมปีศาจแดงใกล้จะคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันเดส (แต่อ่านว่า บรูนู่ เฟร์นันดึซ ตามหลักภาษาโปรตุกีส) กองกลางตัวรุกจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เรียกได้ว่าถ้าใครพูดถึง “48 ชั่วโมง” ทุกคนจะพูดถึงเรื่องราวของแฟร์นันเดสทั้งนั้น
แฟร์นันเดสถือเป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน เขาเป็นทั้งกัปตันทีมและตัวความหวังของสโมสร คงไม่แปลกที่ใคร ๆ ก็อยากได้เขามาช่วยยกระดับทีม ก่อนหน้านี้ แฟร์นันเดสมีข่าวกับหลายทีมยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะสองทีมจากพรีเมียร์ลีกอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด และ ท็อตแนมป์ ฮ็อตสเปอร์ โดยเฉพาะทีมหลังที่ใกล้จะคว้าตัวเขามาก ๆ ในช่วงตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่แล้วในวันที่ลมเปลี่ยนทิศ วันนี้แฟร์นันเดส ย้ายมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะ “ผู้กอบกู้?” ซึ่งเป็นหนึ่งวันหลังจากที่เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอของทีมโดนเผาบ้าน
เรื่องราวชีวิตของแฟร์นันเดสไม่หวือหวาหรือรันทดเหมือนใครหลายคน เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายนปี 1994 ในเมืองไมอาส์ และเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลางที่หลงรักในกีฬาฟุตบอล พ่อของเขาเคยเป็นอดีตนักฟุตบอล ที่ต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควรเพราะต้องหันมาดูแลครอบครัว ส่วนแม่ของเขาก็เป็นแฟนบอลตัวยงของปอร์โต้ ซึ่งไม่แปลกที่เขาและพี่ชาย “ริคาร์โด” จะเติบโตมาท่ามกลางโลกของฟุตบอล
ชีวิตบนเส้นทางลูกหนังของแฟร์นันเดส ก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่เริ่มต้นจากศูนย์ เขากับพี่ชายมักจะฝึกซ้อมด้วยกันตลอดเวลา ซึ่งสำหรับแฟร์นันเดสคนน้องมันคือช่วงเวลาแห่งความสุข ริคาร์โดเคยออกมาพูดถึงน้องชายของเขาว่า เป็นเด็กที่รักในฟุตบอลและไม่เคยกลัวใครหน้าไหน แม้คนคนนั้นจะเล่นเก่งกว่าหรือตัวใหญ่กว่าเขามากแค่ไหน “เขาไม่เคยมีแผนสอง เขามีความฝันอย่างเดียวคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ”
แฟร์นันเดสตัดสินใจทิ้งการเรียน เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งเลขหรือการสื่อสาร จริง ๆ แล้วเขาก็เหมือนนักเรียนทั่ว ๆ ไป ที่สนใจจะสร้างอาชีพตัวเองในสายฟุตบอล เขาลาออกจากโรงเรียนเมื่อเรียนจบเกรด 11 และมุ่งหน้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกหัดในสโมสรอินเฟสต้าสองปี ก่อนจะถูกเบาวิสต้าจับเซ็นสัญญาในปี 2004 เขาเล่นให้กับทีมอยู่สองปี ก่อนจะถูกส่งตัวไปอัพเลเวลกับ ปาสเตไลร่า จนในท้ายที่สุด แฟร์นันเดสก็ได้รับสัญญาฉบับแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพจากสโมสรโนวาร่า ทีมจากศึกกัลโช่ ซีเรียบี ซึ่งที่นั่นเขาใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถขยับขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้
[caption id="attachment_19139" align="aligncenter" width="1080"]
ชีวิตการค้าแข้งในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลีคือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับแฟร์นันเดส เขามีปัญหาเรื่องการปรับตัวทั้งในและนอกสนาม โดยเฉพาะอาการโฮมซิกที่ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเจ้าตัว ต้องขอบคุณครอบครัวและโดยเฉพาะภรรยาของเขาที่ยอมทิ้งการเรียนเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อน จนทำให้แฟร์นันเดสค่อย ๆ ปรับตัวได้ และโชว์ฟอร์มเก่งออกมา
แค่ปีเดียว แฟร์นันเดสก็ดีดตัวเองขึ้นไปอยู่ในลีกสูงสุดกับอูดิเนเซ่ ก่อนที่อีกสามปีต่อมา ซามพ์โดเรียก็ตัดสินใจยืมตัวเขามาช่วยทีมในฤดูกาล 2016–2017 โดยปีนั้นแฟร์นันเดสซัดไป 5 ประตู และมีส่วนช่วยให้ “ลาซามพ์” จบอันดับที่ 10 ของลีก
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเจ้าตัวเกิดขึ้นในฤดูกาลต่อมา เมื่อสปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังจากศึกปรีไมราลีกา ตัดสินใจจ่ายเงิน 8.5 ล้านยูโรเป็นค่าตัวของแฟร์นันเดส ซึ่งที่นั่นเขาก็ฉายแววจอมทัพขึ้นมาอย่างโดดเด่น
ตลอด 2,474 นาที หรือ 28 นัด ในฤดูกาล 2019-2020 ผลงานรวมทุกถ้วยของแฟร์นันเดสกับทีม คือการยิง 15 ประตู และทำอีก 14 แอสซิสต์ เราอาจจะเคยได้ยินศัพท์ว่า มาเอสโตร (Maestro) ในวงการดนตรี ยามที่ใช้เรียกหรือยกย่องบุคลากรทางด้านดนตรีที่เก่งกาจ ซึ่งถ้านำมาเปรียบกับวงการฟุตบอล มาเอสโตรในที่นี้ก็หมายถึงเพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกมของทีมผู้มีทักษะรอบด้าน ทั้งการจ่ายบอลหรือทำประตู
แฟร์นันเดสมีลักษณะการเล่นที่ชอบพาบอลขึ้นไปข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะกดดันกองหลังตัวกลางของคู่แข่ง ระยะสิบหลาจากหน้าประตู คือพื้นที่สังหารของชายคนนี้ อีกทั้งลูกเก่งของเขาคือการต่อบอลจังหวะหนึ่งสองกับกองหน้า ในขณะที่ตัวเองกำลังหันข้างหรือหันหลังให้เพื่อน ซึ่งความหูไวตาไวนี้ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “มาเอสโตรสามตา”
ฟิลิเป้ ดิอาซ ผู้เชี่ยวชาญวงการฟุตบอลโปรตุกีสชื่อดัง เคยออกมากล่าวยกย่องความสามารถของแฟร์นันเดสว่า “ผมเป็นนักข่าวมา 20 ปี ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนทำได้เหมือนกับสิ่งที่เขาทำเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผมไม่สงสัยเลยว่าแฟร์นันเดสจะสามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกได้”
นอกจากนี้ รูปแบบการปั้นเกมในแดนที่มาพร้อมกับการสร้างอิมแพ็คต์ในสนาม ก็มักจะทำให้แฟร์นันเดสถูกเปรียบเทียบว่าละม้ายความคลึงกับการเล่นของแฟรงก์ แลมพาร์ด อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ จนสื่อในโปรตุเกสชอบเรียกเขาว่าเป็น “แฟรงก์ แลมพาร์ด แห่งโปรตุเกส”
“ในสนามเขามีทั้งความเป็นผู้นำ และเกิดมาเพื่อเป็นเพลย์เมเกอร์ และนักสังหารประตู เขาทั้งแข็งแกร่ง ว่องไว และมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีเสมอ เราไม่สามารถจะละเลยกับพรสวรรค์ของเขาได้เลย” ดิอาซ ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sport
แฟร์นันเดสเป็นคนที่มักจะไม่ชอบเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวมากนัก อินสตาแกรมส่วนตัวของเขามีแค่รูปตอนเล่นฟุตบอล และตอนที่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับครอบครัวและเพื่อนเท่านั้น (ร้านโปรดของเขาคือ Nogueira's Porto กับ The Blini) แฟร์นันเดสเป็นคนราศีกันย์ คนในราศีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีความขยัน มุมานะ สิ่งหนึ่งที่เขามักจะสะท้อนออกมาตลอดช่วงชีวิตที่เล่นฟุตบอลคือการพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งขึ้นในทุกวัน
ครั้งหนึ่ง แฟร์นันเดสเคยถูกทีมแมวมองของแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งข้อครหาถึงสรีระและสไตล์การเล่นที่ดูแล้วไม่น่าเข้ากับความหนักของฟุตบอลอังกฤษได้ แต่แล้วในวันนี้ แฟร์นันเดสก็ทำให้ทีมปีศาจแดงต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเองมูลค่าเบ็ดเสร็จกว่า 67 ล้านปอนด์ เพื่อล่าเขามาร่วมทีม
นักฟุตบอลหลายคนอาจเคยฝันว่าจุดสูงสุดของอาชีพคือการได้สวมชุดสีขาวของเรอัล มาดริด หรือชุดแดงเลือดหมู-น้ำเงิน ของทีม “อาซูลกราน่า” บาร์เซโลนา แต่สำหรับแฟร์นันเดส ในวันที่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีก ก็คือหนึ่งในฝันที่เป็นจริงสำหรับเขา
“ผมอยากเล่นที่นั่นอยู่เสมอนั่นแหละ ผมฝันจะได้เล่นฟุตบอลที่อังกฤษ เป้าหมายของผมคือการได้เล่นในอังกฤษ สปอร์ติ้งรวมถึงทุกคนรู้เรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ผมจะต้องทำให้สำเร็จ ”