‘มอยเซส ไกเซโด้’ เด็กขายพวงมาลัยที่ก้าวสู่นักบอลค่าตัวแพงสุดในลีกอังกฤษ

‘มอยเซส ไกเซโด้’ เด็กขายพวงมาลัยที่ก้าวสู่นักบอลค่าตัวแพงสุดในลีกอังกฤษ

‘มอยเซส ไกเซโด้’ เด็กขายพวงมาลัยในบ้านเกิด เขาพัฒนาฝีเท้าตัวเอง ก้าวสู่นักฟุตบอลค่าตัวแพงสุดในลีกอังกฤษ ในปี 2023 เมื่อย้ายมาร่วมทีมเชลซี

  • มอยเซส ไกเซโด้ นักฟุตบอลเจ้าของดีกรีนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในลีกอังกฤษ เริ่มต้นอาชีพในวัยเด็กจากเป็นเด็กขายพวงมาลัย
  • ไกเซโด้ พยายามอย่างหนักเพื่อได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพซึ่งจะช่วยให้เขาหลุดพ้นความยากจน เมื่อมีโอกาสเล่นในสโมสรท้องถิ่นก็ตั้งใจเต็มที่ กระทั่งได้โอกาสเล่นในลีกยุโรป

มีประเพณีหนึ่งซึ่งชาวละตินถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นั่นคือการเข้าร่วมเทศกาล Día de los Muertos หรือ ‘วันแห่งความตาย’

Día de los Muertos ถือเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวของชาวอเมริกาใต้ มีช่วงเวลาระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 6 พฤศจิกายนของทุกปี แล้วแต่จะจัดในประเทศไหน จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตไป เป็นความเชื่อว่าวิญญาณผู้ตายจะกลับมาที่บ้าน จะมีตั้งแท่นบูชา จัดสำรับข้าวปลาอาหาร และสิ่งของที่ผู้ตายชอบทั้งหมดเอาไว้ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีกิจกรรมคาร์นิวาล แห่ขบวนตุ๊กตาผีไปถามท้องถนน บรรยากาศคล้ายวันฮาโลวีนในโลกตะวันตก ซึ่งตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวเช่นเดียวกัน

ทุก ๆ ปี ‘มอยเซส ไกเซโด้’ (Moisés Caicedo) เจ้าของตำแหน่ง ‘นักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุด’ ในลีกอังกฤษ เมื่อครั้งยังเยาว์วัย จะทำเงินให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำจากเทศกาล Día de los Muertos ด้วยการเร่ขายพวงมาลัยที่คุณแม่ของเขาตระเตรียมให้ล่วงหน้า

แน่นอนว่า ความลำบากยากจนเป็นพลังผลักดันให้เด็กผู้ชายจำนวนมากมุ่งมั่นสู่อาชีพนักกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีฬาปะทะต่าง ๆ ที่ต้องใช้ร่างกายเข้าแลก ไม่ว่าจะเป็นมวย หรือฟุตบอล กัดฟันฝึกฝนเพลงเตะ เพลงต่อย กว่าจะก้าวสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีแข้งทอง

‘มอยเซส ไกเซโด้’ ก็อยู่ในข่ายนี้

นักเตะค่าตัว 115 ล้านปอนด์ ในวัย 21

ไม่น่าเชื่อว่า นักเตะที่อาร์เซนอล, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฝ้าจับตาดูจะเพิ่มมูลค่าจาก 4.5 ล้านปอนด์ เป็น 70 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี

เพราะเมื่อ 7 เดือนก่อน (ต้นปี 2023) อาร์เซนอลเป็นทีมแรกที่ยื่นความจำนงขอซื้อ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ จากไบร์ทตัน ในราคา 70 ล้านปอนด์ แต่ข้อเสนอถูกทิ้งลงถังขยะ

7 เดือนต่อมา คือในสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง (ต้นเดือนสิงหาคม 2023) ที่ค่าตัวของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ พุ่งกระฉูดไปที่ 115 ล้านปอนด์ จากการแข่งยื่นข้อเสนอแย่งกันระหว่างลิเวอร์พูล กับเชลซี

และก็เป็นเชลซี ที่ได้ลายเซ็นและตัวของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ไปใช้งานในฤดูกาลใหม่ 2023/2024 ที่เพิ่งเปิดประเดิมเจิมแข้งกันไปเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม

4.5 ล้านปอนด์ คือค่าตัวเดิมที่ไบร์ทตัน ควักจ่ายให้กับอินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ สโมสรในลีกอาชีพของเอกวาดอร์ ที่ต้องประมูลแข่งกับทีมต่าง ๆ อย่างดุเดือด

และก็เป็นอินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ แห่งนี้เอง ที่เป็นแหล่งฟูมฟัก ‘มอยเซส ไกเซโด้’ เสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเขา ก่อนจะย้ายมากอบโกยทุกอย่างในยุโรป

‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของอินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ ซึ่งถือเป็นโค้ชคนแรกของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ พูดถึง ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ว่า “ผมรักเขามาก เขามักร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ก็ใช่ เขายังเด็กมากตอนมาอยู่กับผม”

“ผมอาจจะดุเขามากไปในตอนซ้อม เขาร้องไห้เหมือนเด็กทุกครั้ง แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น”

เช่นเดียวกับคุณแม่ของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ที่เอ่ยชื่นชมลูกชายคนเล็กของเธอว่า “มอยเซส ไม่เคยลืมรากเหง้าของเขา เขามักไปซ้อมบอลโดยไม่ได้กินอะไรจากบ้านเลย นอกจากน้ำอุ่นชงกับน้ำตาลทรายแดง”

“ฉันเชื่อว่า ทุกวันนี้ เขาคงใช้ชีวิตสมถะเหมือนเดิม”

 

จากดินสู่ดาว เส้นทางที่มีแต่หนามกุหลาบ

“เขาบอกกับฉันว่า วันหนึ่งจะไปเข้าทีมอินดิเพนเดียนเต้ เด บาเย สโมสรชื่อดังของเอกวาดอร์ ที่เคยทุบริเวอร์เพลท และโบคา จูเนียร์ส มาแล้ว” คุณแม่ของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ เผย

“คนในหมู่บ้านบอกกับฉันว่า อินดิเพนเดียนเต้ เด บาเย ทีมนี้ขึ้นชื่อเรื่องสร้างนักเตะเยาวชน เพื่อป้อนเข้าสู่วงการฟุตบอลเอกวาดอร์”

‘มอยเซส ไกเซโด้’ เริ่มฝึกฟุตบอลตอนอายุ 5 ขวบ ที่อะคาเดมี่มูเฮร์ ตราบาฮาดอรา ที่แสนอัตคัต สนามมีดินมากกว่าหญ้า แถมเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เด็ก ๆ ก็ยังรักที่จะมา

ด้วยความยากจน ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ฝึกอยู่ที่นี่ถึง 7 ปี เพราะไม่รู้จะไปหาของฟรีแบบนี้ได้ที่ไหนอีก

แต่ฟ้าเริ่มมีตา เมื่อ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ อายุได้ 13 เขาถูกเรียกติดทีมรวมดาราซานโต โดมิงโก ทำให้ไฮปาดิดา สโมสรกึ่งอาชีพเชิญเขาไปร่วมทีม ต่อมา ‘มาโก้ ไกเซโด้’ พี่ชายของ ‘มอยเซส’ ได้ใช้เส้นสายฝากเพื่อนไปบอก ‘กาโล โรดริเกส’ โค้ชเยาวชนของอินดิเพนเดียนเต้ ให้มาดูฟอร์มน้องชาย

เมื่อแรกเห็น ‘โรดริเกส’ ประทับใจ ‘มอยเซส’ มาก “สำหรับวงการฟุตบอลยุคนี้ เป็นเรื่องยากที่จะเจอเพชรสักเม็ด แต่เมื่อได้เห็นฝีเท้าของไกเซโด้ ผมรู้ทันทีว่าเขาจะไปโลดในต่างแดน”

‘ไกเซโด้’ ถูกเรียกมาทดสอบฝีเท้าที่อินดิเพนเดียนเต้ทันที และผ่านการพิจารณาทันทีเช่นกัน โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะฝึกหัด เพื่อรอจังหวะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะอาชีพต่อไปในอนาคต

ปี ค.ศ. 2019 ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ได้รับโอกาสไปร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ‘มาร์ติน อันเซลมี’ ผู้ช่วยโค้ชเผยว่า “มอยเซส ฉลาดกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เขาเข้าใจสิ่งที่เราสอนอย่างทะลุปรุโปร่ง”

“ผมคิดว่ามอยเซส มีดีพอที่จะเล่นให้เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ เพราะเขามีลีลาคล้ายกาเซมิโร ไม่เชื่อคอยดู”

จริงดังว่า เพราะ ‘มอยเซส’ พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว จนขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ และเป็นตัวหลักของทีมในเวลาไม่นาน

‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ โค้ชอินดิเพนเดียนเต้ เล่าว่า “ช่วงที่เขาบาดเจ็บหนักต้องพักถึง 10 เดือน ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นเขาอายุ 17 มอยเซสมาขออนุญาตผมกลับบ้านเพื่อไปฉลองวันเกิด”

“ผมปฏิเสธทันที และสอนว่า มอยเซส คุณเป็นนักเตะอาชีพแล้ว อาชีพนี้ไม่มีวันหยุด คุณบาดเจ็บอยู่ ต้องเร่งพักฟื้น และรีบกลับลงสนามให้เร็วที่สุด ตอนนี้คุณอายุ 17 ไม่ใช่เด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว”

“ในอนาคต เมื่อคุณย้ายไปอยู่สโมสรใหญ่ ไม่มีทางที่เขาจะอนุญาตให้คุณลาไปฉลองวันเกิดกับครอบครัวกลางฤดูกาลแบบนี้ได้ ถ้าขืนคุณทำเช่นนั้น พวกเขาจะไม่ให้คุณอยู่ในทีมอีกเลย”

นี่คือบทเรียนสำคัญของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ เพราะหลังจากหายเจ็บ เขามุ่งมั่นขึ้นจนกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมเยาวชนของอินดิเพนเดียนเต้ คว้าแชมป์โคปาลิเบอร์ตาดอเรส U20 (ทีมอายุต่ำกว่า 20 ปี) ในปี ค.ศ. 2020

‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ บอกว่า “มอยเซส มีความสำคัญต่อสโมสรมาก และเขาก็สำคัญสำหรับทีม U20 ด้วย”

“ดังนั้น คุณไม่ต้องแปลกใจ ถ้าหาก 3 วันที่แล้ว เขาเล่นให้ทีม U20 จากนั้นวันรุ่งขึ้นเขาจะบินกลับมาลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ จากนั้นอีก 2 วันเขาจะบินกลับไปแข่งถ้วยลิเบอร์ตาดอเรส U20 อีก ตอนนั้นมันบ้ามากทั้งสโมสร และมอยเซส” ‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ หัวเราะ

หลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมให้กับอินดิเพนเดียนเต้ โอกาสสำคัญที่สุดในชีวิตของ ‘ไกเซโด้’ ก็มาถึง เมื่อไบรท์ตันเซ็นสัญญาคว้าเขาไปร่วมทีมในปี ค.ศ. 2021

‘เกรแฮม พอตเตอร์’ โค้ชไบรท์ตันในตอนนั้น มักจับ ‘ไกเซโด้’ ลงเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายหมายเลข 8 แต่หลังจาก ‘โรแบร์โต้ เดอ แชร์บี’ เข้ามาคุมทีม ‘ไกเซโด้’ ขยับมายืนเป็นตัวตัดเกมตรงกลางสนาม และบางครั้งก็โยกไปเล่นเป็นแบ็คขวา 

ไม่ว่าจะถูกส่งลงสนามในตำแหน่งใด ‘มอยเซส’ ยอดเยี่ยมเสมอ ฤดูกาลที่แล้ว เขาลงเล่นเป็นตัวจริงให้ไบร์ทตัน 34 นัด จาก 38 เกมในพรีเมียร์ลีก และมีบทบาทสำคัญ พา ‘นกนางนวล’ ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการจบอันดับ 6 ได้ไปลุยศึกยูฟ่ายูโรป้าลีก

 

จาก ‘เด็กขายพวงมาลัย’ สู่ ‘นักบอลค่าตัวแพงที่สุด’ ของอังกฤษ

‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของอินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ โค้ชคนแรกของ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ บอกว่า “เด็กคนนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งความสามารถ และทัศนคติ เขาไปได้ไกลอย่างแน่นอน”

‘มิเกล อัลเกล รามิเรส’ ชี้ว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ค่าตัวนักเตะแต่ละคน ตลาดจะเป็นผู้กำหนด ว่าคุณจะอยู่ในระดับไหน”

“ผมคิดว่า ณ เวลานี้ มอยเซส สมควรอยู่ในระดับที่เขาอยู่ในตอนนี้แล้ว นี่คือความจริง”

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ในฐานะน้องนุชสุดท้องของครอบครัว มักช่วยแม่เร่ขายพวงมาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเทศกาล Día de los Muertos หรือ ‘วันแห่งความตาย’ ส่วนพ่อของเขาเป็นพ่อครัวในร้านอาหาร

นอกจากเทศกาล Día de los Muertos แล้ว ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ยังช่วยแม่ขายดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ และวันอีสเตอร์อีกด้วย

ตอนเด็ก ๆ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ ไม่เคยได้ฉลองวันเกิดเลย เพราะต้องไปช่วยแม่ขายพวงมาลัยในเทศกาล Día de los Muertos ซึ่งตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี ใช่แล้ว มันตรงกับวันเกิดของเขานั่นเอง

ช่วงที่อยู่ไบรท์ตัน ‘มอยเซส ไกเซโด้’ มักกลับไปที่อะคาเดมี่มูเฮร์ ตราบาฮาดอรา เพื่อบริจาคเงิน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งแรกของเขา รวมทั้งบริจาคให้ไฮปาดิดาสโมสรแรกของเขาด้วย

หลังจากนั้น ‘มอยเซส ไกเซโด้’ จะไปที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลทีมเยาวชนของอินดิเพนเดียนเต้ ในห้องเรียนภาษาอังกฤษที่เขาสร้างให้ เขาบอกกับเด็ก ๆ ที่มาเรียนว่า “พวกเราต้องเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง มันจำเป็นมากในอนาคต”

ใช่แล้ว ‘มอยเซส ไกเซโด้’ กำลังกระตุ้นให้เด็ก ๆ ชาวเอกวาดอร์เดินตามรอยเท้าของเขา

หลังมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ‘มอยเซส ไกเซโด้’ สร้างบ้านใหม่ให้ครอบครัว รวม 11 ชีวิต คือพ่อแม่และพี่น้อง 9 คน ในย่านที่ห่างไกลจากแหล่งเสื่อมโทรม

จุดเริ่มต้นที่สร้างเขาขึ้นมา