‘7 ประจัญบาน’ หนังบู๊-ฮากลิ่นคาวบอยเลือดไทยที่มาพร้อมกับตัวประกอบในดวงใจ

‘7 ประจัญบาน’ หนังบู๊-ฮากลิ่นคาวบอยเลือดไทยที่มาพร้อมกับตัวประกอบในดวงใจ

หวนคิดถึงเสียงฮากับ 7 ตัวละคร 7 บุคลิก 7 ความสามารถ ใน 7 ประจัญบาน ภาพยนตร์แอ็กชัน - คอมเมดี้ สัญชาติไทยแท้ที่แฝงดีเอ็นเอหนังคาวบอยในเรื่อง กับ ‘ผู้กององอาจ’ ตัวประกอบที่ครองใจผู้ชมจนกลายเป็นมีมจนถึงปัจจุบัน

/ บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ / 

จ่าดับ จำเปาะ
หมัด เชิงมวย
ตังกวย แซ่ลี้
อัคคี เมฆยันต์
ดั่น มหิตรา
กล้า ตะลุมพุก
จุก เบี้ยวสกุล

นี่คือเหล่าชื่อที่คล้องจองคุ้นหูของทีมอเวนเจอร์เลือดไทยแท้จาก ‘7 ประจัญบาน’ ฉบับปีพุทธศักราช 2545 ภาพยนตร์จากงานกำกับของ เฉลิม วงศ์พิมพ์ ที่นำเอาบทประพันธ์ของ ส. อาสนจินดา ที่ได้รับความนิยมมากและถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่หลายครั้งมานำเสนอใหม่ นำขบวนโดยกองทัพนักแสดงมากคุณภาพจากหลากหลายวงการ ตั้งแต่ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง, เท่ง เถิดเทิง, ทศพล ศิริวิวัฒน์, อัมรินทร์ นิติพน, พิเศก อินทรครรชิต, แช่ม แช่มรัมย์ และ ค่อม ชวนชื่น มาสวมบทบาทเป็นสมาชิกในทีม 7 ประจัญบานทั้ง 7 คน เรียงลำดับตามชื่อที่เราได้เกริ่นมาข้างต้น

คอนเซปต์ภาพยนตร์ที่มีตัวละครหลักดำเนินเรื่องที่มีบุคลิกแตกต่างกันไปคนละมุมอย่าง 7 ประจัญบานไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะพอมีบาวคนที่เคยเห็นภาพยนตร์แนว ๆ นี้ผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น The Magnificent Seven (1960), The Ridiculous Six (2015) หรือ The Hateful Eight (2015) แต่หากจะให้ย้อนไปที่ต้นตำรับที่เสมือนเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์เหล่านี้ก็คงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกเสียจากภาพยนตร์เรื่อง Seven Samurai (1954) หรือ เจ็ดเซียนซามูไร งานอมตะแห่งโลกภาพยนตร์ของผู้กำกับชั้นครู อากิระ คูโรซาวะ (Akira Kurosawa) 

‘7 ประจัญบาน’ หนังบู๊-ฮากลิ่นคาวบอยเลือดไทยที่มาพร้อมกับตัวประกอบในดวงใจ

Seven Samurai (1954)

 

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนับว่ามีคุณูปการต่อการพัฒนาของวงการภาพยนตร์ทั่วโลกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคนิค การเล่าเรื่อง หรือแม้แต่คอนเซ็ปต์เรื่องราวที่มีตัวละครเอกหลายตัวเช่นนี้ ซึ่งเราจะพาไปสำรวจเรื่องราวการพัฒนาและอิทธิพลของ Seven Samurai ที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ รวมถึง 7 ประจัญบานในบทความต่อไป

แม้จะไม่ได้สวมหมวกคาวบอย แม้จะไม่ได้ขี่ม้าไล่ยิง แม้จะไม่ได้อยู่ในยุคศตวรษที่ 19 แต่องค์ประกอบต่าง ๆ ของภาพยนตร์เรื่อง 7 ประจัญบาน ทำให้ผู้เขียนหวนนึกถึงภาพยนตร์สไตล์  สปาเกตตีเวสเทิร์น (Spaghetti Western) หรือภาพยนตร์แนวคาวบอยที่ใช้ทุนไม่สูงนัก และสร้างสรรค์โดยชาวอิตาลีที่ฮิตเป็นอย่างมากในช่วงยุคทศวรรษ 1960 - 1970 หากจะยกตัวอย่างที่ใครหลายคนน่าจะพอคุ้นหูก็คงเป็น ‘มือปืนเพชรตัดเพชร’ (The Good, The Bad and The Ugly (1966)) หรือ ‘อย่าแหย่เสือหลับ’ (They Call Me Trinity (1970)) 

‘7 ประจัญบาน’ หนังบู๊-ฮากลิ่นคาวบอยเลือดไทยที่มาพร้อมกับตัวประกอบในดวงใจ

The Good, The Bad and The Ugly (1966)

 

‘7 ประจัญบาน’ หนังบู๊-ฮากลิ่นคาวบอยเลือดไทยที่มาพร้อมกับตัวประกอบในดวงใจ

They Call Me Trinity (1970)

 

หากใครเป็นหนึ่งคนที่หลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ และสามารถหยิบมันมาดูได้บ่อยครั้งโดยไม่รู้สึกเบื่อ แน่นอนว่าเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้ใครเหล่านั้นหลงก็คงเป็นความย่อยง่ายดูสนุกของเรื่องราว ตั้งแต่ต้นจนจบหนังจะลำเลียงเรามากับฉากแอ็กชันสุดมันเคล้าคู่ไปกับความตลกแบบธรรมชาติที่มาจากสถานการณ์และเคมีของตัวละครทั้ง 7 ที่เข้ากันเป็นอย่างมาก

เราจะได้เห็นฉากการต่อสู้ในบาร์ (Bar Fight) สุดหฤหรรษ์ของเหล่าอดีตทหารรับจ้างทั้ง 7 เราจะได้เห็นฉากการดวลปืน (Duel) ของจ่าดับ จำเปาะ กับกางเกงสีแดงคาดเชือกกล้วยของเขา หรือแม้กระทั่งฉากการต่อสู้ในช่วงท้ายของภาพยนตร์ที่ดุเดือดเผ็ดฮาแถมยังมีจังหวะที่เท่จนขนลุกอีกด้วย ฉากทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์คาวบอยหลาย ๆ เรื่อง แล้วพอยิ่งผสานเข้ากับดนตรีประกอบที่เป็นเสียงคนผิวปากที่บรรเลงไปพร้อมกับกีตาร์ ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกลิ่นอายของหนังคาวบอยมากขึ้นไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่แม้จะมีความเป็นหนังคาวบอยอยู่ในเรื่อง แต่ความสนุกของ 7 ประจัญบานไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น เพราะเพียงแค่ผู้ชมจะได้รับความบันเทิงที่ไม่ตึงเครียดจากองค์ประกอบที่เราได้กล่าวมา แต่ 7 ประจัญบานยังมีฉากบู๊ที่แม้จะไม่ได้อลังการงานสร้างสมจริงจนต้องนั่งเกร็งตาม แต่ผู้สร้างก็ออกแบบฉากบู๊ออกมาได้ ‘โคตรเวอร์’ (ขนาดผู้กององอาจตกจากเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้ายังสามารถรอดมาได้!) แต่ด้วยความเหนือจริงนี้เองที่เป็นรสชาติความสนุกที่กล้าพูดได้เต็มปากว่านี่คือ ‘ความบันเทิง’

เราจะได้เห็นตัวละครฟัดกันบนหลังรถบรรทุกจนไถลฉีกผ้าใบลงไปข้างหลัง ไปฟัดกันต่อบนถนนในขณะที่เกาะผ้าใบที่ฉีกขาดตามรถไปเรื่อย ๆ จน กล้า ตะลุมพุก ใช้หินโยนเข้าไปบนพื้นที่ผ้าใบของคู่ต่อสู้ชาวอเมริกันกำลังเคลื่อนผ่านไป

ไหนจะฉากที่ผู้กององอาจ (ที่เพิ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า) บอกให้ลูกน้อง (ที่ดูจะไม่เกรงกลัวตนเสียเท่าไร) ไล่ตามรถบรรทุกสารพิษที่ถูกผูกติดอยู่กับเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าไปให้ได้ ด้วยความไม่รู้ว่าจะลอยบินขึ้นไปอย่างไรดี อัคคีและดั่นจึงหันไปเห็นปืนใหญ่สมัยบางระจันที่จ่าดับลากมา (ได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้) แล้วหันหัวปืนใหญ่ลงแล้วจุดดินปืนเพื่อลอยขึ้นเหมือนดั่งการ์ตูนสักเรื่องหนึ่ง นับเป็นความเว่อร์ที่ชนะใจคนดูเป็นอย่างมาก

แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องชนะใจคนดู เราคงไม่พูดถึงเขาคนนี้ไม่ได้… ‘ผู้กององอาจ

กูรบที่เวียดนามมาสองปีแล้ว… หลับตาเดินยังถูกเลย

หากความสามารถพิเศษของ จ่าดับ จำเปาะ คือความยิงปืนแม่น หมัด เชิงมวยคือแม่ไม้มวยไทย อัคคี เมฆยันต์คือความเจ้าเล่ห์เพทุบาย จุก เบี้ยวสกุลคือระเบิด… ความสามารถพิเศษสุดแสนจะถนัดไร้ใครเทียบของผู้กององอาจก็คงหนีไม่พ้น ความชำนาญเส้นทาง การปลอมตัว หรือแม้แต่การขายปลากริมไข่เต่า

นอกจากจะสนุกสนานฮาเฮกับฉากบู๊หรือฉากพูดคุยยิงมุกกันของเหล่าสมาชิก 7 ประจัญบานแล้ว ตลอดเส้นเรื่อง เมื่อใดที่ได้โคจรมาพบกับอดีตหัวหน้าทีมอย่างผู้กององอาจ ก็ยิ่งให้รสชาติของหนังสนุกและตลกไปยิ่งกว่าเดิม เสมือนว่าผู้กององอาจที่สวมบทบาทโดย ปั๋ง - ประกาศิต โบสุวรรณ คือ checkpoint เอาไว้คั่นจังหวะที่จะแวะมาเรียกเสียงฮาตลอดเรื่อง

เฮ้ย! ช่วยกูด้วย… ช่วยกูเถอะครับ!

ถึงจะเป็นตัวประกอบที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรต่อเรื่องขนาดนั้น แต่ตัวละครผู้กององอาจก็ถือว่าเป็นไฮไลต์ของภาพยนตร์ที่ผู้ชมต่างเฝ้ารอให้เขาปรากฏตัว และแม้ว่าจะปรากฏตัวออกมาแทบไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่ทหารยศผู้กองผู้ชำนาญเส้นทาง คนขายปลากริมไข่เต่า หรือแม้แต่เป็นแรงงานในภาคสอง ก็เรียกเสียงฮาได้ไม่แพ้ตัวละครหลักทั้ง 7 เลย 

แน่นอนว่ามีคนไม่น้อยที่อยากจะเห็นภาคแยกของผู้กององอาจไปเลย… น่าจะมีฉากปลอมตัวเนียน ๆ อย่างแน่นอน

อีกหนึ่งเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่อง 7 ประจัญบานฉบับปีพุทธศักราช 2545 คือรายชื่อนักแสดงที่มาสวมบทบาทเป็นตัวละครทั้ง 7 ที่มีตั้งแต่ดารานักแสดง ศิลปิน หรือแม้กระทั่งดาวตลก ซึ่งเป็นการรวมนักแสดงที่แปลกตาเอามาก ๆ และการที่เราได้เห็นเขาเหล่านั้นได้มาอยู่ร่วมจอเดียวกัน จึงให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่และน่าติดตามเอามาก ๆ โดยที่นักแสดงทุกคน ไม่เพียงแค่แสดงบทบาทของตนเองออกมาได้อย่างดี แต่เคมีของพวกเขาแต่ละคนนั้นเข้ากันเป็นอย่างมาก 

นักแสดงชุดนี้เปรียบเสมือนหลักฐานที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า บทบาทที่ดีอาจจะไม่จำเป็นต้องหานักแสดงที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบเสมอไป เพียงแค่เป็นคนที่ผู้ชมดูแล้วรู้สึกได้ถึงความจริงแท้จากภาพยนตร์ หากจะให้กล่าวตามตรง หลังจากที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ผู้เขียนเองยังอยากจะดูเรื่องราวของพวกเขาทั้ง 7 ในรูปแบบซีรีส์เลยด้วยซ้ำ 

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีภาพยนตร์ไทยแบบนี้ถูกสร้างสรรค์ออกมา ผู้เขียนเองก็เฝ้ารออยากจะเห็นผลงานแบบนี้ออกมาอีก แต่ระหว่างนี้ การได้ชมผู้กององอาจเหยียบระเบิดและปลอมตัว หรือฉากบู๊สุดฮาของตัวละครทั้ง 7 ซ้ำไปซ้ำมาก็ยังคงสนุกเหมือนเคย…