19 ธ.ค. 2566 | 11:13 น.
เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เหล่าผู้คนหัวใจร็อกเกอร์มารวมตัวกันอย่างมากมาย ภายในงานเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง ความโหยหาถึงความสุขในวันเก่า ๆ ที่เวลาล่วงเลยมานับหลายสิบปี ในวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นกำลังจะได้พบกับศิลปินที่ตัวเองอยากเห็นบนเวทีใหญ่อีกครั้ง เวทีระดับตำนานที่มีชื่อว่า ‘Short Charge Shock Real Rock Return’
ช่วงบ่ายก่อนที่ประตูฮอลล์จะเปิดให้ผู้คนเข้าไปยังที่นั่ง บริเวณหน้างานเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโหยหาดนตรีร็อกในอดีต ผู้คนแต่งชุดสีดำมากันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมกับสไตล์การแต่งตัวที่หวนให้คิดถึงช่วงเวลาอันหอมหวาน ช่วงเวลาที่ดนตรีร็อกกำลังคึกคัก ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ทุกคน มุมถ่ายรูปที่มีรูปศิลปิน พร้อมกับการเปิดเพลงของศิลปิน เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย และเพลง ‘เพื่อนกัน’ ซึ่งทำให้เราได้ย้อนนึกถึงวันวานที่เราได้ผ่านเวที Short Charge Shock มาด้วยกัน
จนกระทั่งเข็มนาฬิกามันได้เดินมาถึง 6 โมงเย็น ประตูฮอลล์ได้เปิดออกเพื่อให้ทุกคนได้เข้าไปนั่งซึมซับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยแฟนคลับหลากหลายวัย บางกลุ่มเป็นแฟนเพลงตั้งแต่ตอนที่ตัวเองยังเรียนหนังสือ
จนถึงปัจจุบันที่ได้พาลูกหลานของตัวเองมาร่วมรับชมศิลปินที่เป็นไอดอลของพวกเราตั้งแต่ในอดีต บ่งบอกได้ถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของแฟนเพลง ในตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในฮอลล์ ได้เตรียมตัวที่จะพร้อมเข้าสู่ภวังค์แห่งความร็อกที่กำลังจะอุบัติขึ้นในอีกไม่ช้า
การกลับมาของร็อกเกอร์ในตำนาน
เมื่อถึงเวลาอันสมควร แสงไฟที่เปิดสลัว ๆ ในงานได้มืดลง พร้อมกับเสียงเฮร้องของผู้คนในงาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “เวลาที่เรารอคอย มันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว” เมื่อไฟดับลง หน้าจอได้ปรากฏคลิปวีดีโอคอนเสิร์ต Short Charge Shock ในอดีตที่เคยผ่านมา พร้อมกับทำนองเพลงเพื่อนกัน
บรรยากาศเหล่านั้นที่ทุกคนเฝ้าคิดถึง และโหยหามัน หลังจากสิ้นสุดคลิป ได้มีเงาของศิลปินทั้ง 5 ที่เดินมากลางเวที พร้อมกับเสียงเฮของเหล่าแฟนเพลงที่ดังลั่นฮอลล์ การปรากฏตัวของพวกเขา เป็นการประกาศว่า ตอนนี้พวกเขายังมีลมหายใจอยู่ พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณพร้อมที่จะลุยไปด้วยกันแล้วหรือยัง
หลังจากสิ้นสุดเงาของศิลปินทั้ง 5 คน พื้นหลังบนเวทีได้ปรากฏรูปโลโก้ที่เขียนไว้ว่า ‘ร็อกอำพัน’ ศิลปินดูโอ้ในตำนาน 2 หนุ่มร็อกเกอร์แห่งยุค 90’s อย่าง ‘เจี๊ยบ พิสุทธิ์’ และ ‘เป้ ไฮร็อก’ ที่สะพายกีตาร์พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย ภาพที่ปรากฏตรงหน้า มันชวนให้คิดถึงวันวานที่ผ่านพ้นไป
ตอนนี้ภาพเหล่านั้นมันได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง ทั้งสองประเดิมเพลงแรกด้วยเพลง ‘ไปตามดวง’ ที่ชวนให้โยกหัว จากนั้นต่อความมันส์ด้วยเพลง ‘หนึ่งในดวงใจ’ โชว์ดำเนินต่อไปด้วยเพลงเร็วและเพลงเศร้าที่ผสมปนเปกันไป จนกระทั่งเดินทางมาถึงเพลงที่ 12 ซึ่งเป็นเพลงดังที่ใครต่างต้องคุ้นหู อย่าง ‘กระจกร้าว’ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้เป็นอย่างดี
และยังได้ ‘เฟิด Slot Machine’ ขึ้นมาร่วมแจม สร้างสีสันให้กับโชว์ พร้อมกับเสียงสูงที่เป็นจุดเด่น จากนั้นต่อด้วย ‘เกินห้ามใจ’ อีกหนึ่งเพลงฮิตอีกเพลงหนึ่งของ ‘วงไฮ-ร็อก’ จนเมื่อได้เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายอย่างในเพลง ‘พันธุ์ร็อก’ พร้อมกับโยนกีตาร์เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้กับแฟนเพลงผู้โชคดีก่อนจะสิ้นสุดการแสดงของร็อกอำพันในช่วงแรก
เมื่อร็อกอำพันได้สิ้นสุดการแสดงของตัวเอง คราวนี้ บนเวทีได้ปรากฏร่างของชายที่ชื่อ ‘หรั่ง ร็อกเคสต้า’ มีเอกลักษณ์ประจำตัวคือการร้องไปและเต้นไป เป็นการเอนเตอร์เทนคนดูและสร้างสีสันให้กับคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเพลงแรก เพลงฮิตตลอดกาลของ หรั่ง ร็อกเคสต้า ในเพลง ‘เงา (วิ่ง)’ และได้ ‘สงกรานต์ รังสรรค์’ มาร่วมแจมในเพลง ‘มีด’ , ‘หลอกใช้’ , ‘รอยร้าว’ พร้อมกับโชว์การร้องเสียงสูงทรงพลัง ซึ่งเป็นจุดขายของตัวเขาเอง และได้ร้องเพลง ‘คิดถึง’ เป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่จะจบโชว์
หลังจบโชว์ของ หรั่ง ร็อกเคสต้า ได้ปรากฏชายใส่แว่นดำพร้อมกับหมวก พร้อมกับร้องเพลง รอยร้าว นั่นก็คือ ‘อู๋ ธรรพ์ณธร’ ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์และเสียงร้องอันทรงพลัง ต่อด้วยเพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ ที่ตอกย้ำแผลใจ อย่างเพลง ‘ร่ำลา’ และ ‘เกิดเป็นผู้ชาย’ จนเมื่อเดินทางมาถึงเพลงที่สาม ซึ่งเป็นเพลงฮิตที่ใคร ๆ ต้องรู้จัก ในเพลงที่ชื่อ ‘หัวใจกระดาษ’ ที่สามารถร้องออกมาให้ผู้ฟังได้รับรู้ถึงอารมณ์ และเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบโชว์ อู๋ ธรรพ์ณธร ที่เต็มไปด้วยเพลงเศร้าและตอกย้ำแผลใจ บนเวทีได้มีเสียงเป่าฮาร์โมนิก้า พร้อมกับปรากฏภาพของชายผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงนั้น นั่นก็คือ ‘เสือ ธนพล’ พร้อมกับเดินขึ้นเวทีมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงเฮที่ดังลั่นฮอลล์ ประเดิมด้วยบทเพลงแรกที่ชวนให้โยก ในเพลง ‘ชีวิตหนี้’ หลายคนที่นั่งเก้าอี้ในตอนแรก ตอนนี้ได้เริ่มลุกขึ้นโยกและสนุกไปกับบทเพลงของเสือ ธนพล
พร้อมกับร้องท่อนที่เป็นประโยคจำของเพลง “ทำยังไงได้ก็ไม่ได้เกิดมาบนกองทอง พ่อแม่พี่น้องทุกคนก็ประชาชนเดินดิน” ต่อด้วยเพลง ‘ผงเข้าตา’ จนเมื่อถึงเพลงที่ 7 กับเพลงฮิตตลอดกาลของเสือ ธนพล ‘รักคงยังไม่พอ’ และยังได้ ‘ปู Blackhead’ ร่วมแจมในเพลง ‘ยีนยัน’ และ ‘เก็บตะวัน’ ก่อนที่จะเล่นเพลงอมตะของเสือ ธนพล อย่าง ‘18 ฝน’ และจบโชว์ไปอย่างงดงาม
เมื่อเวลามันได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ ได้ปรากฏเงาของชายที่สวมเสื้อหนังและผมยาวที่อันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ในอดีต ซึ่งเป็นภาพจำของเขาไปโดยปริยาย พร้อมกับตัวหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นอยู่ข้างหลังว่า ‘SMF’ หรือที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อของ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ทุกคนภายในฮอลล์ ต่างส่งเสียงเฮ ผู้คนที่นั่งต่างพากันลุกขึ้นยืน ราวกับถูกนำพาเข้าสู่ภวังค์โดยไม่รู้ตัว
พร้อมกับเปิดตัวในเพลง ‘นางแมว’ ที่ใคร ๆ ต่างต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน ด้วยประโยคที่เป็นภาพจำของเพลง “ไป ไป ไปลงนรกซะเถอะที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ” ทุกคนต่างร้องกันอย่างดังกึกก้องทั่วฮอลล์และต่อด้วยเพลงที่สอง ‘สอยมันลงมา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่แฟน ๆ อยากจะเห็นหินเหล็กไฟนำเพลงนี้กลับมาเล่นอีกครั้ง และความฝันนั้นมันได้เป็นจริง ทุกคนต่างโยกหัวไปกับเพลงที่กำลังบรรเลงด้วยความเร่าร้อน เมื่อโชว์ได้ดำเนินมาถึงเพลงที่ 7 ซึ่งเป็นเพลงให้กำลังใจที่ทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือเพลง ‘ศรัทธา’ ทุกคนต่างร้องตามโดยที่ไม่ต้องดูเนื้อร้องก็ยังได้
หลังจากที่เพลงศรัทธาได้บรรเลงจนจบ ทุกอย่างบนเวทีได้เงียบลง มีเพียงแค่เสียงกีตาร์ที่ยังคงบรรเลงด้วยท่วงทำนองและสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อให้เราได้ยินแค่เสียง เราก็สามารถบอกได้ว่าเสียงนี้มันถูกบรรเลงออกจากปลายนิ้วของ ‘ป๊อป หินเหล็กไฟ’ ที่บรรเลงด้วยความไพเราะ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
หลังจากนั้นไม่นานก็ต่อด้วยเสียงแตกของกีตาร์ที่ดุดัน พร้อมกับเทคนิคการเล่นที่รวดเร็ว ดุดัน การเรียบเรียงโน้ตที่แปลกใหม่ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าแฟนเพลงทุกคน ป๊อป หินเหล็กไฟ ได้โซโล่กีตาร์เพียงแค่ 5 นาที แต่มันก็เป็นเพลงเวลาที่เพียงพอจะทำให้ทุกคนในฮอลล์ได้เข้าสู่ภวังค์
หลังจากสิ้นสุดช่วงโซโล่ของ ป๊อป หินเหล็กไฟ ต่อด้วยเพลง ‘หวาดระแวง’ อีกหนึ่งเพลงฮิตตลอดกาลของหินเหล็กไฟ ที่ยังคงดุเดือด เร้าใจ ชวนให้โยกหัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และเพลง ‘ร็อกเกอร์’ ที่ โป่ง หินเหล็กไฟ ได้โชว์การร้องเสียงสูง เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าผู้ชมที่อยู่ในฮอลล์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งหินเหล็กไฟแสดงให้เห็นแล้วว่า อายุไม่ใช่อุปสรรคต่อตัวพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ร็อกมันยังไม่ตาย
จนเมื่อโชว์ได้ดำเนินมาถึงเพลงสุดท้าย ศิลปินทุกคนที่ได้แสดงจบไปก่อนหน้านี้ ได้ปรากฏกายบนเวทีนี้อีกครั้งหนึ่ง เป็นภาพที่เรามักจะเห็นและจดจำมันได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ใกล้จะถึงเวลาจบโชว์การแสดงคอนเสิร์ต Short Charge Shock ศิลปินก็จะร่วมร้องด้วยกัน
ในครั้งนี้พวกเขาร่วมร้องในบทเพลงที่ทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี อย่าง ‘พลังรัก’ เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น ความโหยหาอดีตที่หอมหวาน แท่งไฟที่โบกไปมาราวกับคลื่นทะเล สายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างแฟนเพลงและศิลปิน ทุกสิ่งทุกอย่างมันได้หลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว
สิ่งที่ทำให้พวกเราได้กลับมารวมตัวกันในวันนี้ มันเป็นเพราะพลังรักของเหล่าแฟนเพลงที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดมา เป็นสิ่งที่ทำให้ศิลปินสามารถยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ไม่หายไปไหน
เมื่อสิ้นสุดบทเพลงที่ขับร้องด้วยศิลปินนับ 10 บนเวที พร้อมกับขอบคุณเหล่าแฟนเพลงทุกคนในฮอลล์ เป็นอันบอกว่า เวทีในตำนานอย่าง Short Charge Shock ได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับเป็นการประกาศให้เห็นแล้วว่า “ร็อกมันยังไม่ตาย”
ภาพ: RS Music