ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ละครอันดับที่ 4 จากซีรีส์ชุดดวงใจเทวพรหม ที่แข็งแกร่ง สู้คน และมีเฉดสีของความเป็นหญิงที่แตกต่างกันออกไป

KEY

POINTS

  • ซีรีส์ชุดดวงใจเทวพรหมได้รับความนิยมมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ลออจันทร์ ขวัญฤทัย ใจพิสุทธิ์ และเรื่องล่าสุดอย่างดุจอัปสร
  • หนึ่งในเรื่องที่ดุจอัปสรบอกเรามาตั้งแต่ต้นเรื่อง คือ การเป็นผู้หญิงที่ลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเอง
  • ดูผู้หญิง 3 แบบจาก 3 ตัวละครที่มีเฉดสี และอาจเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมายไม่ต่างจากโลกละคร

มีกระแสมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ ‘ดวงใจเทวพรหม’ ละครชุดภาคต่อรุ่นลูกจาก ‘สุภาพบุรุษจุฑาเทพ’ ที่ออกอากาศผ่านช่อง 3 เมื่อปี 2556

จริง ๆ แล้ว แต่ละเรื่องของซีรีส์ดวงใจเทวพรหมก็มีสีสันและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงยังเป็นซีรีส์แจ้งเกิดให้กับนักแสดงหน้าใหม่ ๆ หลายคนที่น่าจะเป็นดาวรุ่งประดับวงการบันเทิงไทยในอนาคต

สำหรับ ‘ดุจอัปสร’ ละครลำดับที่ 4 จากซีรีส์ชุดดวงใจเทวพรหมที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘ดุจอัปสร’ หรือ ฟ้า ลูกสาวของวิไลรัมภา เทวพรหม ที่ต้องการแก้แค้นแทนแม่ มาสมัครงานให้ได้ใกล้ชิดกับตระกูลจุฑาเทพ แต่เธอกลับตกหลุมรักชายหนุ่มจากจุฑาเทพ คือ อศิร จุฑาเทพเสียเอง 

จุดเด่นของเรื่องคือบทละครที่คมคาย กินใจ และให้ข้อคิดอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือการพูดถึงความเป็นหญิง

ในละครเรื่องนี้ เราเห็นบทบาทของผู้หญิงในที่ทำงาน การเป็นผู้หญิงในครอบครัว และการเป็นผู้หญิงในความสัมพันธ์ ภายใต้บริบทของปี 2540

บทความนี้ชวนถอดความเป็นหญิงที่ซ่อนอยู่ในละครเรื่องนี้ผ่าน 3 ตัวละครหลักของเรื่องที่มีความเป็นหญิง บุคลิก และเฉดสีที่แตกต่างกันออกไป

ดุจอัปสร - นางฟ้าที่แกร่ง มั่น และอยู่บนโลกความจริง

ถึงภูมิหลังตัวละคร ‘ดุจอัปสร’ จะมืดมน พ่อเสียไปตั้งแต่เด็ก ๆ และต้องดูแลแม่ที่ป่วยทางใจ

แต่สิ่งที่เราเห็นจากตัวละครที่ชื่อดุจอัปสรในหลาย ๆ ฉาก เธอคือสีสัน ความมีชีวิตชีวา และความสดใส 

เธอคือหญิงแก่น เป็นติ่งพี่หนุ่ม ศรราม ชอบเล่นละคร แล้วก็เพ้อกับตัวเองเป็นบางครั้ง ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะอดีตในชีวิตนั้นมอบบทเรียนแสนล้ำค่าให้เธอเข้มแข็งและต้องลุกขึ้นสู้

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

ในที่ทำงาน เธอมักจะถูก ‘กัลยา’ หัวหน้าทีมการตลาดเหน็บแนมอยู่บ่อย ๆ แทนที่ฟ้าจะด่ากลับ หรือไปนั่งเสียใจคนเดียว เธอเลือกสวมบทเป็นนักสู้ ตอบกลับด้วยคำพูดที่เรียบง่ายพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร

แล้วถึงจะโดนตีตราว่าเป็นผู้หญิงจับปลาสองมือที่มาเกาะ ‘คุณเพชร’ หรือ อศิร จุฑาเทพ และคุณรณภูมิ จุฑาเทพ แม้จะน้ำตาคลอเบ้า แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ แต่ฟ้าก็ยังกำมือแน่น คิดก่อนทำเสมอ

“เป็นยังไงคะ คุณพีอาร์ ช่วงนี้คนน้องหายไป คนพี่ก็เงียบ ๆ พี่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า คนระดับนี้เขาไม่มาจริงจังอะไรกับระดับล่างหรอก” คุณกัลยาทัก

แทนที่จะซึม ฟ้าใช้พลังฮึดเฮือกสุดท้ายตอบกลับไปว่า “คุณกัลยามีอะไรจะเตือนฟ้าอีกไหมคะ ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดี”

“ไม่มีอะไรจะแก้ตัว” คุณกัลยาสวนทันที

“ไม่ค่ะ” ฟ้าสู้ต่อ

“แปลว่าจริง” คุณกัลยายังไม่ยอม

ฟ้าบอกทิ้งท้ายพร้อมเดินสะบัดผมจากไปว่า “แปลว่าไม่สำคัญค่ะ คุณกัลยาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรเชื่อข่าวลือมากนะคะ ถ้าเชื่อมาก มันไม่น่าเคารพน่ะค่ะ”

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

อยู่ที่ทำงาน เธอทำได้ดี ทั้งหน้าที่ที่ได้รับและสู้กับการเมืองในที่ทำงาน แต่เมื่อกลับบ้าน เธอคือลูกสาวคนเดียวที่ดูแลแม่อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ทุกครั้งที่แม่อาละวาด เธอคือคนแรกที่วิ่งเข้าไปโผกอดและบอกรักแม่อยู่เสมอ

อีกอย่างหนึ่ง ‘ฟ้า’ คือผู้หญิงที่มองโลกบนความจริง

ในฐานะคนดูที่ติดตามตั้งแต่ตอนแรก ๆ ก็รู้เลยว่า ทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่ด้วยเงื่อนไขครอบครัวในอดีต ฟ้าจึงพยายามหักห้ามใจ และเมื่อเธอกับคุณเพชรตัดสินใจถอยคนละ 1 ก้าว

วันนั้น ใจเธอแตกสลาย เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง แต่ก็ยังรู้ว่าเธอกับคุณเพชรไม่มีทางเป็นไปได้ และมันคงยากที่จะให้ใครสักคนรักในทุกด้านและทุกเรื่องที่ฟ้าต้องแบกรับไว้

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

ระหว่างที่เช็ดรอยเลือดของแม่ที่ทำร้ายตัวเอง อาของฟ้าถามขึ้นว่า “พอแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองทุกข์ใจแบบนี้ล่ะลูก” 

คำตอบของฟ้า คือ “ฟ้าต้องดูแลแม่ ฟ้ามีแค่แม่คนเดียว ใครเขาจะรับแบบนี้ได้คะ ต่อให้เขาแสนดีขนาดไหน ไม่มีใครมารับสภาพแบบนี้ได้ตลอดชีวิตหรอก ยิ่งเขาดี ฟ้ายิ่งเอาเปรียบเขาไม่ได้ ปล่อยให้เขามีความสุขในโลกเขา ดีกว่าต้องมาจมทุกข์ในโลกมืด ๆ ของฟ้าดีกว่าค่ะ”

ตัวละคร ‘ดุจอัปสร’ จึงเป็นนิยามของหญิงยุคใหม่ในสภาพแวดล้อมปี 2540 ที่แกร่ง มั่น ไม่ยอมคน และสู้ชีวิตในวันที่ชีวิตสู้กลับ

 

ชาลิศา - ผู้หญิงอ่อนนอก แข็งใน

ถ้าจะบอกฟ้าเป็นหญิงแกร่ง ชาลิศาคือผู้หญิงที่ดูหัวอ่อน เชื่อคน และไว้ใจคนง่าย

เหตุผลหนึ่ง อาจเป็นเพราะชาลิศาเป็นลูกสาวคนเล็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความรักจากพ่อ แม่ และพี่ชาย 

จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต คือ การตกลงปลงใหญ่คบหากับ ‘สรัช’ สถาปนิกหนุ่มที่เธอแอบชอบตั้งแต่สมัยเรียนที่ลอนดอน

แต่สรัชไม่ได้คิดแบบนั้น เขาไม่ได้รักเธอ แต่ต้องการ ‘เงิน’ จากบ้านลิศาเพื่อไปกอบกู้สถานะทางบ้าน และนำเงินมาจ่ายค่าหย่าให้กับภรรยาเก่าที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว

เขาจึงใช้วิธีหว่านล้อมด้วยคำพูดอ่อนหวานและการกระทำช่วงโปรโมชั่นแสนประทับใจ 

แต่หลัง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น สรัชเริ่มรุกหนัก จากจับมือ จับแก้ม ก็เริ่มกอด จูบ หอม ทั้ง ๆ ที่บางครั้งลิศาก็ไม่ยินยอม 

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง สัญญาณระหว่างความสัมพันธ์ทำให้ลิศาเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสู้ความร้อนเงินของสรัชได้ เขาจึงตั้งเป้าจะใช้ความสัมพันธ์ทางร่างกายมัดตัวลิศาไว้ เธอถูกขืนใจ และร้องไห้ทั้งน้ำตา 

ยิ่งพอรู้ว่าถูกแอบถ่ายลงหน้าหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง ใจของลิศาแตกสลาย ทั้งยังเป็นการย้ำแผลสดที่อยู่ในใจ 

วันนั้น พี่ ๆ และเพื่อนของเธอออกโรงแถลงข่าว หนึ่งในคำพูดที่สำคัญของคุณเพชรต่อหน้านักข่าว คือ “เหยื่อไม่ผิด และผู้หญิงไม่ควรที่จะต้องเป็นฝ่ายมาอับอาย เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนที่ควรจะต้องมาอับอาย และโดนลงโทษจากทั้งสังคมและกฎหมายก็คือผู้กระทำความผิด”

เพราะถ้ามองกันตามความจริง คนทำผิดคือสรัช เขาขืนใจทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงไม่ยอม ดังนั้นคนที่ต้องอับอายไม่ใช่ลิศา แต่เป็นผู้กระทำความผิดอย่างที่คุณเพชรบอกจริง ๆ 

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เรามองเห็นความเป็นผู้หญิงที่นอกอ่อน แข็งใน ชาลิศาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ สู้ และไม่ยอม 

ถามว่าเสียใจไหม ก็เสียใจ แต่ทั้งหมดเธอก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น

ไม่ว่ายุคไหน จะยุคในละคร หรือแม้แต่ปัจจุบัน ผู้ถูกกระทำไม่ผิด และมีสิทธิที่จะมีความสุข เลือกเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง

และทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความรักที่ดีและโอบกอดทุกอย่างที่เป็นตัวเรา

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

วิไลรัมภา - แม่ที่เต็มไปด้วยบาดแผลและต้องการความรัก

แล้วถ้าจะพูดถึงต้นตอที่ทำให้เกิดรักต้องห้ามทั้งหมดจากเรื่องดุจอัปสรก็คงหนีไม่พ้น ‘วิไลรัมภา เทวพรหม’

เมื่อย้อนไปดูสภาพแวดล้อมที่เธอเติบโตมา ตั้งแต่ยังสาว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่ผิด พ่อเข้าใจและผลักดันเธอทุกอย่าง

เธอเป็นหญิงรักสบาย ชอบความหรูหรา และต้องการความรักมาก ๆ 

วิไลรัมภาแอบรักคุณชายรณพีร์ จุฑาเทพ คิดว่ารณพีร์รักเธอ แต่รณพีร์มองเธอเป็นเพียงน้องสาว เธอจึงวางยา ‘คุณย่าเอียด’ จนกลายเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างจุฑาเทพกับเทวพรหมมาถึงรุ่นลูก

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

พอรักแรกมันลืมยาก พอมีรักครั้งใหม่กับพ่อเลี้ยงที่เชียงใหม่ ต่อให้เขาจะดีแค่ไหน ก็ไม่เคยถูกใจจนวิไลรัมภาอาละวาดอยู่บ่อย ๆ 

สำหรับคนดู บางครั้งก็รู้สึกว่า แม่ต้องพักบ้าง แต่อีกมุมหนึ่งก็เข้าใจว่าเธอต้องอยู่คนเดียว ทุกข์ทรมาน และมีเรื่องมากมายที่พูดกับใครไม่ได้

คนอื่นอาจจะมองว่าเธอไม่รักลูก แต่เราเชื่อว่าวิไลรัมภารักลูกสุดหัวใจไม่แพ้กัน 

เธออยากให้ลูกอยู่ข้างตัว ไม่ผลักไส และเห็นว่าแม่คนนี้เป็นคนสำคัญ 

และเอาเข้าจริง ๆ เธอก็รู้ว่าตัวเองป่วย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มิเช่นนั้น เธอคงไม่พูดกับลูกว่า “ฟ้า อย่าลืมพาแม่ไปหาหมอ”

หากมองในมุมวิไลรัมภา เธอต้องการความรัก ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่อยากเป็นภาระใคร

ดูความเป็นหญิงผ่าน 3 ตัวละครจาก ‘ดุจอัปสร’ ที่มีเฉดสีเป็นของตัวเอง

ผู้หญิงหัวสมัยใหม่ที่ซ่อนอยู่ในละครหลังข่าว

มีคนบอกว่า ดุจอัปสรเป็นหนึ่งในซีรีส์ละครดวงใจเทวพรหมที่บทคมคายที่สุด

แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็น คือ การสอดแทรกความเป็นหญิงสมัยใหม่ การเห็นผู้หญิงในที่ทำงาน และการยืนยันสิทธิของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นดุจอัปสร ชาลิศา วิไลรัมภา รวมถึง ‘คุณพลอย’ น้องสาวของคุณเพชรที่ดูจะเป็น working woman มั่นใจตัวเอง และกล้าได้กล้าเสียไม่แพ้พี่ชาย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ละครเรื่องนี้อาจเป็นหนังสูตรละครไทยที่พอจะเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก แต่การนำแนวคิดยุคปัจจุบันไปวางไว้ในบทสนทนาของตัวละครอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้แฟน ๆ ละครที่มีหลายเพศหลากวัยเข้าใจเรื่องความหลากหลายมากขึ้น

ไม่แน่ว่า ตัวละครเหล่านี้ก็อาจเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมาย ทั้งสุข เศร้า และสร้างบาดแผลในสังคมยุคปัจจุบัน ไม่ต่างจากโลกละคร

 

ภาพ : maker family