ดวงใจไหลริน : บทกวีที่ตีแผ่ตั้งแต่ความงามของชีวิต ไปจนถึงความดำมืดของมนุษย์

ดวงใจไหลริน : บทกวีที่ตีแผ่ตั้งแต่ความงามของชีวิต ไปจนถึงความดำมืดของมนุษย์

ดวงใจไหลริน บทกวีสะท้อนชีวิตของ 'ประสิทธิ์ กิจวิวัฒนการ' ถ่ายทอดความรัก การสูญเสีย และสังคม รายได้ทั้งหมดจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งด้วยกัน

ดวงใจไหลริน เป็นหนังสือรวมบทกวีที่สะท้อนให้เห็นการเติบโตทั้งความคิดและจิตวิญญาณของ ‘ประสิทธิ์ กิจวิวัฒนการ’ เจ้าของนามปากกา YoPlePa ตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มตระหนักถึงความซับซ้อนของชีวิต มาจนถึงการค้นพบความสุข ความรัก และการสูญเสีย

อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดผ่านงานของเขา คือ มนุษย์เรานั้นไม่มีใครประเสริฐเลอเลิศ ทุกคนย่อมมีข้อบกพร่อง แล้วแต่ว่าคนผู้นั้นจะยอมปรับให้ตำหนิหรือความไม่สมบูรณ์แบบ เปลี่ยนไปในทิศทางดีหรือแย่ก็เท่านั้นเอง

อันที่จริงเราได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยความบังเอิญ หลังจากกลับจากการลงพื้นที่สำรวจและเสาะหาเรื่องราวน่าสนใจมาตีแผ่ให้คนในสังคมรับรู้อยู่ราวครึ่งค่อนเดือน และมาถึงวันที่เรากลับเข้าทำงานมานั่งโต๊ะอย่างจริงจัง สิ่งแรกที่สะดุดตาทันทีเลยคือ ดวงใจไหลริน ถูกวางเอาไว้อย่างเงียบเชียบอยู่บนโต๊ะ ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างว่าใครกันหนอที่อ่านไว้แล้วลืมทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่สายเลือดนักอ่านก็เข้าสิงจนได้ เราหยิบขึ้นมาพิจารณาหน้าปกและด้านหลัง แต่แปลก... เรากลับไม่พบอะไรเลย ไม่มีเรื่องย่อให้เราเตรียมใจว่าจะเจออะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ มีเพียงชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง และนามปากกา ปรากฏอยู่เท่านั้นเอง

ด้วยความไม่รู้นี้เอง ผลักให้เราเปิดอ่านเนื้อหาด้านในทันที และพบว่าตัวเองกำลังโดนมนต์สะกดเข้าอย่างจัง เลยใช้เวลาช่วงพักเที่ยงอ่านรวดเดียวจบ และอ่านซ้ำอีกรอบหลังเลิกงานเพื่อซึมซับทุกถ้อยคำที่ประสิทธิ์ต้องการสื่อออกมา จนเป็นที่มาของการพูดถึงหนังสือเล่มนี้

ประสิทธิ์ กิจวิวัฒนการ คือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาวุโสผู้ชื่นชอบการเขียนบทกวี เล่าเรียงประสบการณ์ในชีวิตที่เขาเคยพบเจอ จากหนังสือความยาว 273 หน้า เขาแบ่งเรื่องราวให้เข้าใจง่ายผ่านสองบทด้วยกัน คือ ด้วยรักและภักดี และ วิถีชีวิต รวมกันเป็น 123 บท

ดวงใจไหลริน : บทกวีที่ตีแผ่ตั้งแต่ความงามของชีวิต ไปจนถึงความดำมืดของมนุษย์

“ม๊าบอกว่าชีวิตนี้ขอแค่อย่างเดียวคือทำต้องทำให้ตัวเองแข็งแรง เพื่อที่จะดูแลป๊าให้อายุยืนยาวให้มากที่สุด”

ถ้อยคำกระแทกใจตั้งแต่หน้าแรกที่เริ่มอ่าน เมื่อคิดว่านี่คือคำพูดของผู้หญิงผู้ให้กำเนิดก็อดปวดใจไม่ได้ และประสิทธิ์ก็ถ่ายทอดออกมาทำให้เห็นภาพว่า ชีวิตของพ่อ-แม่ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป เราในฐานะลูก หลาน หรือใครก็ตามแต่ควรทำเพื่อคนรัก คือ จงใช้ทุกวันให้คุ้มค่า รักก็บอกว่ารัก พยายามแสดงออกทางความรู้สึก และการกระทำให้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจมาเสียใจภายหลัง

นอกจากความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ประสิทธิ์ยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของหนุ่ม-สาวทั่วไปอีกด้วย เขาเปรียบเปรยว่าชีวิตนี้จะมีค่าได้หากรู้จักรักตัวเอง อย่ายอมให้ใครมีอำนาจเหนือกว่าจิตใจของเรา หากมองไม่เห็นทางออกว่าใครจะรักเรามากที่สุด ก็อย่าลืมมองกลับไปยังผู้ให้กำเนิด หรือผู้ที่คอยมอบความอบอุ่นใจในวันที่ใจของเราร้าวราน อย่าลืมว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว โลกยังไม่สลายตราบเท่าที่เรายังมีตัวเราเองอยู่

อีกสิ่งหนึ่งที่เขามักสอดแทรกมาเป็นระยะ คือ มนุษย์เรามีทั้งดีหรือแย่ปะปนกันเต็มไปหมด แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะดีหรือเลว ก็ไม่อาจมีใครมีอำนาจบงการจิตใจเราเท่าตัวเราเอง

คนมากมายร้ายดีมีหรือน้อย
คนหวังดีรอคอยอยู่ใกล้ใกล้
อย่าให้ใครคนแรกของหัวใจ
มารุกไล่คนสุดท้ายของชีวิต

จากบทที่ 3 ไม่ละมื้อรื้อร้างห่างอดีต หน้า 31
 

ใช่ว่าประสบการณ์ชีวิตผ่านบทกวีของประสิทธิ์จะข่มขื่นไปเสียหมด เขายังมีบทกวีรักหวานหยดให้เราอ่านจนรู้สึกแก้มร้อนผ่าวได้ไม่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

รักฉันนั้นเพื่อเธอไม่เผื่อแผ่
ไม่เผื่อเป็นข้อแม้ของคนใหม่

จากบทที่ 9 รักฉันนั้นเพื่อเธอไม่เผื่อแผ่ หน้า 43

เมื่อไล่เรียงอ่านต่อไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าหนังสือเล่มนี้ราวกับไทม์ไลน์เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในประเทศไทยก็ว่าได้ มีตั้งแต่เหตุการณ์เศร้าสลดอย่างการจากไปของ เศรษฐา ศิระฉายา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง, ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนาการ หรือผู้ว่าหมูป่า, ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (พนมเทียน), ไปจนถึง ลินดา ค้าธัญเจริญ นักแสดง และนางแบบชาวไทย

บทกวีของประสิทธิ์ชี้ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของผู้คน ผ่านผลงานที่พวกเขาเคยฝากฝังเอาไว้บนแผ่นดินไทย และแน่นอนว่าเมื่อมีเหตุการณ์คนจากไป เขาย่อมสอดแทรกเรื่องราวของคนเป็นเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยหยิบยกเคสของเหล่าผู้กล้า อย่างทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครผู้เป็นด่านหน้าในการตรวจ-รักษาคนไทยในยามตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไล่เรียงมาจนถึงเหตุการณ์สำคัญอย่างการเลือกตั้ง เขาชี้ให้เห็นว่าไม่มีสถาบันใดอยู่เหนือกว่าประชาชน มีเพียงแต่สถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่จะทำหน้าที่ปกป้องดูแลสังคมนี้ ประเทศนี้ ให้อยู่อย่างสงบร่มเย็น

ตรงกับแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้ ประสิทธิ์กล่าวว่า “เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ที่เป็นรากฐานให้ครอบครัวตั้งแต่บรรพบุรุษ รุ่นอากงอาม่า ได้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเพื่อสืบสานความเป็นพลเมืองของลูกหลานไทยให้มีคุณค่าและยั่งยืน”

นอกจากเรื่องราวความสัมพันธ์ ประสิทธิ์ยังหยิบยกเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ามาพูดด้วยเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าเขาเองไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองของประเทศ หากเป็นพลเมืองโลกที่พร้อมใส่ใจและตระหนักถึงทุกการกระทำ ว่าอาจส่งผลร้ายต่อโลกใบนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เขาได้เขียนเรื่องผลกระทบของภาวะโลกร้อน ไว้ในบทที่ 57 เมื่อลมฝนบนฟ้ามาละลิ่ว หน้า 141 เอาไว้ว่า

...เมื่ออากาศวิปริตผิดสังเกต
ปล่อยสาเหตุโลกร้อนจนปี้ป่น
นั่งกอดเข่าเจ่าจุกซุกกังวล
อาบน้ำค้างกลางฝนคืนเหมันต์

หากจะให้สรุปว่านี่คือหนังสือรวมบทกวีสะท้อนชีวิต เข้มข้นทุกตัวอักษรจนยากจะวางลงก็คงไม่ผิดนัก เพราะนี่คือเรื่องเล่าจาก ประสิทธิ์ กิจวิวัฒนการ ชายผู้วาดฝันไว้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หลั่งไหลเข้ามาจะมอบเป็นทุนก่อสร้างโรงพยาบาล สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่หักค้าใช้จ่ายใด ๆ

ดวงใจไหลริน : บทกวีที่ตีแผ่ตั้งแต่ความงามของชีวิต ไปจนถึงความดำมืดของมนุษย์

หากผู้อ่านหยิบหนังสือเล่มนี้ติดไม้ติดมือกลับไปเชยชม จะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งด้วยกัน นั่นคือ ก่อตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลและมหาวิทยาลัยมหิดล และโครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อคุณประสิทธิ์ Line: yobeyond

ดวงใจไหลริน : บทกวีที่ตีแผ่ตั้งแต่ความงามของชีวิต ไปจนถึงความดำมืดของมนุษย์