04 ก.พ. 2568 | 18:09 น.
KEY
POINTS
หนึ่งในปัจจัยหลักของความสนุกจากซีรีส์ ‘The Trauma Code: Heroes on Call’ (2025) คือการปั้นตัวละครหลักอย่าง ‘หมอแพค’
หมอแพค หรือนายแพทย์ ‘แพคคังฮยอก’ ศัลยแพทย์อัจฉริยะ ฉายา ‘หัตถ์พระเจ้า’ ผู้เคยผ่านการปฏิบัติหน้าที่แพทย์ในสมรภูมิรบอย่างอัฟกานิสถาน และซีเรีย จากการทำงานให้กับสมาคมแพทย์สากลเพื่อสันติภาพ ทำให้เขาเชี่ยวชาญในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือ และรักษาชีวิตผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน
นอกเหนือจากความหล่อเท่ เขายังพกความมั่นใจในฝีมือการรักษาของตัวเองมาเกินร้อย ด้วยความเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน ไม่สนสี่สนแปดเรื่องอะไรของใคร และเกือบ ๆ จะไม่มีมารยาท รวมถึงไม่เคยสะท้านสะเทือนที่จะงัดกับผู้บริหารระดับหัวหน้าแผนก ไปจนกระทั่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาล เขาฟาดฟันกับทุกอย่างที่ขวางกั้นการช่วยเหลือชีวิตคนไข้ของเขา เพราะสิ่งเดียวที่หมอแพคแคร์ ก็คือสวัสดิภาพ และความอยู่รอดปลอดภัยของผู้บาดเจ็บที่เข้ามาอยู่ภายใต้การรักษาดูแลของตัวเอง
แม้จะน่าหมั่นไส้อยู่บ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ก็โดนเส้นผู้ชมเข้าอย่างจัง ด้วยธรรมชาติของมนุษย์เรานั้นมักจะนิยมและชื่นชม ‘คนดี’ คนที่เสียสละทำเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คนที่รักและต่อสู้เพื่อความถูกต้องยุติธรรม และยิ่งเอ็นดูหนักเมื่อเห็นเขาทำตัวขบถต่อบรรทัดฐานสังคม บรรทัดฐานที่ผู้ชมเองก็อยากขบถบ้าง
นัยหนึ่งผู้ชมจึงรู้สึกเสมือนว่า หมอแพค คือตัวแทนของตัวเอง ในเวอร์ชันที่เป็นคนมีความสามารถ และไม่มีปัญหาปากท้อง (ก็คือเก่งและรวย) เป็นตัวแทนในการทำความดีเพื่อส่วนรวม ในแบบที่เราเองก็อยากจะทำถ้ามีโอกาส และเป็นกระบอกเสียงที่ไว้ตอกหน้าเหล่าพวกผู้บริหารชั้นสูงที่เอาแต่พวกพ้อง และไม่เคยมองเห็นหัวคนอื่น ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าตัวเอง
อีกทั้งหมอแพคยังมีลักษณะของความเป็น ‘Anti Hero’ อยู่กลาย ๆ เขาเป็นฮีโรที่ไม่เหมือนต้นแบบฮีโรคนอื่น ๆ เขาไม่ได้พูดจาน่าฟัง หรือแสดงออกถึงความโอบอ้อมอารี ตรงกันข้าม เขาขวานผ่าซากและดูไม่มีเยื่อใย หมอแพคเป็นหมอที่ไม่ผุดผาดงดงามตามแบบฉบับของคนเป็นแพทย์ในอุดมคติ หากแต่เนื้อแท้คือแพทย์ผู้ที่มีหัวใจเป็นวีรบุรุษเต็มร้อย สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่จะสำคัญยิ่งไปกว่าชีวิตของคนไข้
นอกจากเป็นตัวละครที่ผู้ชม ‘รัก’ แล้ว หมอแพคยังเป็นตัวละครที่ผู้ชม ‘เชื่อ’ ในการตัดสินใจ และ ‘ไว้วางใจ’ โดยไม่ต้องลุ้นว่าชะตากรรมของเขาจะตกอับ เพราะความเป็นคน(ถือ)ดี และ(อวด)เก่งของเขาแบบนี้นี่เอง ที่เรามั่นใจว่าจะสามารถต่อกรกับเรื่องราวดราม่าต่าง ๆ ที่รายล้อมรอบตัวเขา และพาเหล่าฮีโรห้องฉุกเฉินทั้งหลายฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจต้องยกความดีความชอบให้กับพระเอกหนุ่ม ‘จู จีฮุน’ จากการรับบทหมอแพคได้อย่างไร้ที่ติ ยามต้อง ‘บุ๋น’ เขาก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน ยามต้อง ‘บู๊’ ก็เป็นเรื่องที่ถนัด เป็นเขานี่เองที่สร้างหมอแพคให้คนดู ‘เชื่อ’ ในความเก่ง และ ‘รัก’ ในความกวนได้อย่างสนิทใจ
กระแสของซีรีส์เรื่องนี้เรียกว่าปังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มออกอากาศ และทันทีที่ลงจอใน Netflix พร้อม ๆ กันทั้ง 8 ตอน ในวันที่ 24 มกราคม 2025 มันก็เป็นกระแสเปรี้ยงปร้างทันที ใช้เวลาไม่กี่วันก็ไต่ไปจนถึงอันดับที่ 2 ของโลก (รองจาก Squid Game 2) และขึ้นอันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยกระแสปากต่อปากจากผู้ชมและเพจต่าง ๆ มากมาย ด้วยคอมเมนท์อย่าง มันส์มาก สนุกมาก ห้ามพลาด ฯลฯ
The Trauma Code สดใหม่ในแง่ของสไตล์ที่ฉูดฉาด เป็นตัวของตัวเอง การเขียนบทที่เจาะลึก การตัดต่อเดินเรื่องที่กระชับฉับไว ไม่ยืดเยื้อ ไม่ออกทะเล ประเด็นที่ต้องการสื่อสารชัดเจนตรงไปตรงมา ตลกพอดี ดรามาพอได้ โอเวอร์นิด ๆ แบบที่ไม่มีใครติดใจอะไร โดยรวมแล้วคือดีงามตามมาตรฐานซีรีส์เกาหลีน้ำดีทั่วไป
แต่เพราะผู้เขียนเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ดรามาทางการแพทย์อย่าง ‘Grey's Anatomy’ ในส่วนของดรามา หรือความขัดแย้งของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ซีรีส์สร้างขึ้น (เช่น การที่คนไข้คือลูกของศัตรู หรือการที่ผู้ขอรับบริจาคอวัยวะกับผู้บริจาค มีความเกี่ยวข้องกัน) เส้นเรื่องในส่วนของดรามาทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องเคยผ่านตามาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ในจักรวาลของ Grey's Anatomy นั้น เรียกได้ว่าน่าจะยังไม่เคยมีดรามาใดที่ไม่แตะไปถึงเลย คือแทบจะไม่มีอะไรที่ Grey's ยังไม่เคยหยิบยกมาเล่น (เลยเถิดไปจนแม้แต่ตอนที่เป็น Musical ก็มีมาแล้ว คือหมอผ่าตัดไปร้องเพลงไปนั่นเลย) รวมไปถึงความเหมือนจริงของอวัยวะภายในที่สร้างขึ้น ซึ่งหลายคนว้าว นั่นด้วย แต่นี่เป็นแค่ข้อสังเกตเล็ก ๆ ที่ไม่ได้กำลังจะกล่าวหาว่า ผู้เขียนบท The Trauma Code ลอกเลียนแบบมาแต่อย่างใด ก็แหม ในเมื่อ Grey's Anatomy ออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2005 (20 ปีก่อน) แถมมีซีซันละครึ่งปีแบบนั้น มีอะไรคล้ายกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เนื้อหาคร่าว ๆ ของ The Trauma Code เป็นเรื่องราวของหมอแพคคังฮยอก (จู จีฮุน) ศัลยแพทย์ผู้เก่งกาจระดับเทพ ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยฮันกุก อันเป็นแผนกลูกเมียน้อยที่โดนมองข้ามมาเสมอ ถึงขั้นที่ไม่มีแม้แต่แพทย์ประจำแผนก ลำบากเหล่าแพทย์แผนกอื่นที่ต้องเวียนกันมาช่วยเข้าเวรให้ งานนี้เพราะมีรัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นผู้หนุนหลัง กอปรกับหมอแพคเองก็มีใจรักในการรักษาคนเจ็บฉุกเฉินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงเต็มใจเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าแผนกนี้ และเกี่ยวเอา ‘เจ้าตูด’ (ยัง แจวอน) ศัลยแพทย์เฟลโลว์ทางทวารหนักให้มาเป็นหมอประจำแผนกอีกคน พร้อม ๆ กับ ‘แม่นักเลง’ ชอนจังมี (ฮายอง) คุณพยาบาลสายบู๊ผู้คว่ำหวอดกับแผนกนี้มากกว่าใคร ร่วมด้วยหมอดมยา ‘พัคคยองวอน’ (จอง แจกวัง) ผู้เงียบขรึมที่สไตล์การทำงานโดนใจหมอแพคอย่างจัง และ ‘ฮันยูริม’ (ยุน คยองโฮ) อาจารย์หมอศัลยแพทย์ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของหมอแพค
ซีรีส์ถ่ายทอดเรื่องราวของบุคลากรในห้องฉุกเฉินที่ต้องแข่งกับเวลาทองในการช่วยเหลือชีวิตคนเจ็บ อุปสรรคนานับประการในการเข้าช่วยเหลือคนไข้ ไหนจะต้องรักษาให้ทันท่วงที ขณะเดียวกันก็ต้องฟันฝ่ากับการเมืองในโรงพยาบาล ทั้งหมดนี้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของเหล่าฮีโรห้องฉุกเฉิน ภายใต้การนำทีมของหมอแพค
The Trauma Code มีจุดกำเนิดแรกเริ่มอยู่ในเว็บโนเวล กับชื่อ ‘Trauma Center: Golden Hour’ ก่อนที่ปี 2019 จะย้ายมาอยู่เว็บตูนและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม กระทั่งเป็นซีรีส์ในที่สุด ภายใต้ชื่อ ‘The Trauma Code: Heroes on Call’ หรือในภาษาไทยว่า ‘ชั่วโมงโกงความตาย’ สตรีมทาง Netflix
“คนแบบไหนที่จะออกจากแผนกศัลยกรรมทวารหนักที่มีอนาคต แล้วไปอยู่แผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินที่ไม่มีอนาคตแบบนั้น”
คนแบบนั้นก็คือ เจ้าตูด ผู้พูดนั่นปะไร
เจ้าตูดคือ นายแพทย์ ‘ยัง แจวอน’ ศัลยแพทย์ทางทวารหนักอนาคตไกล ผู้จับพลัดจับผลูมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมอุบัติเหตุฉุกเฉินที่นำโดยหมอแพค เพียงเพราะวันนั้นเขาไปช่วยเข้าเวรให้ทีมอุบัติเหตุฉุกเฉิน บอกไม่ถูกว่าควรจะเรียกโชคดีหรือโชคร้าย เพราะเป็นวันเข้ารับตำแหน่งวันแรกของหมอแพคพอดี
เจ้าตูด คือขั้วที่ตรงกันข้ามกับหมอแพคโดยสิ้นเชิง เขาค่อนข้างใช้เวลากับการไตร่ตรองหาวิธีการรักษาคนไข้อย่างละเอียดรอบคอบ กระนั้นก็ยังขาดความมั่นใจเสมอ อีกทั้งเขายังดูสำอางเกินกว่าจะบุกลุยไปทุกที่ได้อย่างอาจารย์หมอของเขา ยังไม่นับว่าเจ้าตูด มีความ sensitive ต่อเรื่องต่าง ๆ มากเสียจนนำมารบกวนจิตใจอยู่บ่อยครั้ง ต่างจากหมอแพคที่แทบจะตัดดรามาทิ้งโดยสิ้นเชิงเมื่อมีคนไข้ให้ต้องรักษาอยู่ตรงหน้า
ในซีรีส์จะเห็นว่า หมอแพคใช้เวลาทุกนาทีที่รักษาคนไข้ สั่งสอนอบรมลูกศิษย์คู่ใจของเขาไปด้วยอยู่ตลอด เขาเพียรถ่ายทอดทั้งประสบการณ์อันมีค่า และแง่มุมต่าง ๆ ที่คนอย่างเจ้าตูดไม่มีวันได้พานพบ กระทั่งถึงวันที่หมอแพคต้องกลายเป็นคนไข้บนเตียงผ่าตัดของลูกศิษย์มือหนึ่งของเขาเสียเอง และไม่สามารถจะสอนสั่งอะไรได้ตามเดิม สิ่งเดียวที่ทั้งสองหมอหนุ่มทำได้คือ ‘เชื่อใจ’ กันเท่านั้น หมอแพคต้องเชื่อมือเจ้าตูดของเขาพอ ๆ กับที่เจ้าตูดก็ต้องเชื่อในตัวเอง แน่นอนที่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี การไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอาจารย์หมอผู้เก่งกาจครั้งนี้ได้เปลี่ยนหมอหนุ่มจอมแหยให้กลายเป็นนายแพทย์ประจำแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินอย่างสมศักดิ์ศรี
ตัวละครอีกแบบที่มักสร้างสีสันอยู่เสมอ คือตัวละครร้าย ๆ ที่ภายหลังกลับใจมาอยู่ฝ่ายดี เช่นตัวละครอย่าง ‘หมอฮันยูริม’ อาจารย์แพทย์ด้านศัลยกรรมทางทวารหนัก ซึ่งรั้งตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมไว้ด้วย ความหมั่นไส้หมอแพคบวกกับแรงแค้นที่โดนแย่งลูกศิษย์อันทรงคุณค่าไปต่อหน้าต่อตา ส่งให้เขายิ่งอยากทำลายชีวิตการทำงานหมอแพคให้ล่มจมที่สุด
จนกระทั่งวันที่คนสำคัญในครอบครัวของหมอฮันต้องตกอยู่ในอันตราย ความเป็นความตายอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของหมอแพคแต่เพียงผู้เดียว เท่านั้นล่ะ หมอฮันถึงคิดได้ และกลับใจมาช่วยเหลือฝั่งหมอแพคแทน แม้จะดูเหมือนทำด้วยความจำใจมากกว่าเต็มใจ กระนั้นหมอฮันยูริมก็ช่วยรันแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินยามที่หมอแพคต้องไปทำภารกิจแดนไกลได้ดีเต็มความสามารถ
นอกจากนี้ทีมอุบัติเหตุฉุกเฉินยังประกอบไปด้วยลูกทีมเด็ด ๆ อย่างชอนจางมี คุณพยาบาลสุดปัง ที่หมอแพคตั้งฉายาอย่างสมเกียรติว่า ‘แม่นักเลง’ ถ้าจะมีใครที่พอจะต่อกรกับหมอแพคได้ ก็ต้องเป็นชอนจังมีคนนี้ล่ะ พยาบาลชอนจังมีคือพยาบาลห้องฉุกเฉินที่มีประสบการณ์กับแผนกนี้มามากกว่าใครในทีม หลายต่อหลายครั้งก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอสามารถใช้ประสบการณ์ของตัวเองให้เป็นประโยชน์กับทีมได้มากเกินตำแหน่งหน้าที่จริง ๆ
อีกคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือหมอพัคคยองวอน วิสัญญีแพทย์หนุ่มสุดคูลที่เข้ามาช่วยทีมด้วยความตั้งใจที่ดี ต่างจากหมอดมยาคนอื่น ๆ ที่มักจะหาทางหลบเลี่ยงแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินที่ชอบตามตัวเร่งด่วนจนทำตารางหมอดมยาปั่นป่วน หมอพัคมีบุคลิกที่เงียบขรึม จริงจังและวางใจได้ทุกครั้งที่เขาเข้ามาอยู่ในห้องผ่าตัด แม้บทบาทของหมอพัคจะไม่ได้มีมากเท่าคนอื่นในทีม ทว่าเขาก็เป็นคนที่หมอแพคเลือกให้เข้าร่วมภารกิจสำคัญในตอนท้าย ๆ ของซีรีส์ นั่นยิ่งตอกย้ำความสำคัญ ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมมากขนาดไหน
ซีรีส์ให้ความบันเทิงแบบเต็มร้อย หลายครั้งหลายหนที่คนดูรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันเหลือจะเชื่อ และเหนือจริงไปมาก (เช่น หมอแพคขับเฮลิคอปเตอร์ได้, หมอแพคขับรถฝ่าดงกระสุนเพื่อพาคนไข้ไปห้องผ่าตัด และอีกมากมาย) ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ซีรีส์หมดเสน่ห์แต่อย่างใด เพราะผู้ชมแฮปปี้ที่จะเสพความเวอร์วังของตัวละครฮีโรที่เขารัก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าในโลกแห่งความเป็นจริง คนแบบหมอแพคคงแทบไม่มีจริง หรือมีจริงก็คงจะไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก มีที่ยืนโดดเด่น หรือได้รับการซัพพอร์ตจากผู้ใหญ่ คนดีที่โลกต้องการมักไม่ได้ดิบได้ดีแบบที่เราก็เห็นอยู่เป็นประจำ
แม้ในชีวิตจริง หมอแพคอาจเป็นตัวละครที่หาได้ยาก แต่ในโลกของซีรีส์ เขากลายเป็นภาพแทนของแพทย์ในอุดมคติ คนที่กล้าสู้เพื่อคนไข้โดยไม่สนใจระบบและอำนาจ ซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ได้บอกเราว่าโลกเป็นอย่างไร แต่บอกเราได้ว่า โลกควรจะเป็นแบบไหน
เรื่อง: poonpun
ภาพ: Netflix