Conversations On Love : หรือว่า ‘รักแท้’ คือการโอบกอด ความธรรมดาของใครอีกคน?

Conversations On Love : หรือว่า ‘รักแท้’ คือการโอบกอด ความธรรมดาของใครอีกคน?

วิเคราะห์ประเด็นเรื่องความรักจากหนังสือ ‘Conversations On Love ด้วยรักและการพูดถึงสิ่งเหล่านั้น’ โดย ‘นาตาชา ลันน์’ (Natasha Lunn) ที่พูดถึงความเป็น ‘รักแท้’ และนิยามของ ‘รักแท้ที่ดี’ มีหน้าตาเป็นแบบไหนกัน

KEY

POINTS

  • ว่าด้วยประเด็นจากหนังสือ ‘Conversations On Love ด้วยรักและการพูดถึงสิ่งเหล่านั้น’ โดย ‘นาตาชา ลันน์’ (Natasha Lunn) ที่พูดถึงนิยามของรักแท้ที่ยั่งยืนว่ามีหน้าตาเป็นแบบไหน
  • จากแนวคิดที่ว่า ‘ฉันหาได้ดีกว่านี้’ จึงทำให้หลายคนไม่สนใจคำว่า ‘ดีพอ’ แต่ให้ความสำคัญกับคำว่า ‘ดีที่สุด’ แทน
  • เราจะมีวันที่นอนกอดกันเหมือนเดิมในวันข้างหน้า และอีกสัปดาห์ถัดมาจะเจอวันที่เบื่อหน้ากันอย่างเคย

ความรักเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งและซับซ้อน เปรียบเสมือนพลังที่ผลักดันให้มนุษย์เชื่อมโยงถึงกัน การมีความรักที่ดีอยู่รอบตัวนั้น สามารถเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

 

ขอเกริ่นแบบนี้ว่าสำหรับเรา คนที่เคยคิดว่าความรักที่เป็น ‘รักแท้’ นั้น จะต้องเข้ากันได้ทุกอย่าง ไม่ต้องปรับกันและกันเยอะ และที่สำคัญต้อง ‘ไม่เหนื่อย’ แต่ความเข้าใจนั้นก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อเราได้มาเจอหนังสือ ‘Conversations On Love ด้วยรักและการพูดถึงสิ่งเหล่านั้น’ จากผู้เขียน ‘นาตาชา ลันน์’ (Natasha Lunn)  หนังสือที่มาเขย่าความเชื่อผิด ๆ ในเรื่องมุมมองความรักแปลก ๆ ของเราให้กลับเข้าลู่ทาง

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเป็นบทสนทนาที่เธอได้ไปแลกเปลี่ยนพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับความรัก ผ่านผู้คนที่มีประสบการณ์หลากหลาย ต่างช่วงอายุ และในหลายแวดวง ซึ่งทุกคนก็ต่างกำลังตกอยู่ในสถานะทั้งแรกรัก ดำรงอยู่ในความสัมพันธ์ รวมถึงการอยู่กับปัจจุบันในวันที่ความรักจากพวกเขาไป 

บทสนทนาทั้งหมดถูกกลั่นออกมาและเรียบเรียงผ่านสามประเด็นใหญ่—เราจะหาความรักเจอได้อย่างไร เราจะรักษาความรักให้ยั่งยืนได้อย่างไร และเราจะอยู่ต่อไปอย่างไร เมื่อสูญเสียความรักไป—เพื่อสะท้อนทั้งสามระยะความรักที่ในชีวิตหนึ่งทุกคนจะต้องเจอ ในหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงพูดถึงแต่ความรักในเชิงโรแมนติคเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความสัมพันธ์รูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือแม้กระทั่งตัวเอง 

โดยหนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ทั้งประสบการณ์ที่เป็นแบบอย่างที่ดี สิ่งที่ควรแก้ไข  วิธีจัดการปัญหาในแต่ละรูปแบบความสัมพันธ์ รวมถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความรัก ผ่านบทสนทนาของเคสต่าง ๆ เสมือนคัมภีร์เบิกทางล่วงหน้า ให้เราเลือกหยิบไปใช้ในชีวิตของตัวเองได้ตามเหมาะสม

โดยทั้งหมดทั้งมวล หนึ่งในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงข้อหนึ่งที่ว่า 

 

ทุกวันนี้ความสุขไม่ใช่การแสวงหา แต่เป็นคำสั่ง คุณต้องมีความสุข จึงมีคนตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตคู่ของฉันดีพอหรือยัง? มันจะดีกว่านี้ได้ไหม บางทีฉันอาจไม่ต้องมาจัดการกับเรื่องนี้ ฉันจะหาคนใหม่ได้

— บางส่วนจากหนังสือ Conversations On Love

 

จากแนวคิดที่ว่า ‘ฉันหาได้ดีกว่านี้’ จึงทำให้หลายคนไม่สนใจคำว่า ‘ดีพอ’ แต่ไปให้ความสำคัญกับคำว่า ‘ดีที่สุด’ เท่านั้น จึงกลายเป็นเหตุผลให้มีคู่รักหลายคู่ที่เลือกจบความสัมพันธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน เพื่อแลกกับอนาคตข้างหน้าที่ติต่างเอาเองว่า ‘น่าจะดีกว่านี้’

 

คำถามที่น่าสนใจคือ แล้ว ‘ดีที่สุด’ มีจริงไหม?

 

คำจำกัดความคำว่า ‘ความรัก’ สำหรับแต่ละคนคงมีรูปแบบความสัมพันธ์ที่ต้องการแตกต่างกันไป บางคนชอบคนเอาใจใส่ ดูแลเทคแคร์เก่ง บางคนต้องการคนรักที่เป็นผู้ฟังที่ดี เป็นนักซัพพอร์ต บางคนต้องการคนรักที่มีไลฟ์สไลต์ความชอบที่คล้ายกัน รวมไปถึง Sex Life ที่ต้องเข้ากันได้ด้วย 

ถ้าถามว่าดีที่สุดมีจริงไหม—มีอย่างแน่นอน หากแต่ถ้าความดีที่สุดนั้นไม่สามารถรักษาระยะได้ตลอด เราจะรับในสิ่งนั้นได้มากแค่ไหน เพื่อให้สุดท้ายคำว่าดีที่สุด ไม่เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘ดีไม่พอ’ ในสักวัน

ใน 365 วันของความรักที่ผ่านไป เราทุกคนล้วนรู้ดีว่ามันคงไม่อาจสวยงามเหมือนภาพฝันในจินตนาการทั้ง 365 วัน มันย่อมต้องมีวันที่มีความสุขจนไม่อยากให้วันนั้นจบลง มีวันธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรให้น่าจดจำมากนัก หรือแม้แต่วันน่าเบื่อที่อยากให้ผ่านพ้นไปเสียที แล้วถ้าเป็นคู่รักที่ใช้เวลาร่วมกันมาเกือบทั้งชีวิตล่ะ อะไรคือสิ่งพิสูจน์ว่าเพราะมันสมบูรณ์แบบมันถึงยืนยาวได้? หากแต่ความลับของความมั่งคงเหล่านั้นอาจซ่อนอยู่หลังคำว่า ‘ประคับประคอง

ความรักที่ยืนยาวนั้น ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ เกื้อหนุน สนับสนุน และอภัย  เสมือนกับการปลูกต้นไม้ กว่าจะมีลำต้นที่เติบโตแข็งแรงและสามารถหยั่งรากลึกได้
ต้องผ่านทั้งระยะเวลา การประคับประคอง และการหมั่นทะนุบำรุงไปชั่วชีวิต  

ในระยะแรกรัก เป็นระยะเรียนรู้และการสร้างความประทับใจ จึงไม่แปลกถ้าอะไร ๆ จะดีและสวยงามไปหมด  เพราะต่างคนต่างเป็นสิ่งใหม่ต่อกันและกัน มีอะไรหลายอย่างให้ต้องแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เราจึงสามารถเดินคุยกับคนที่เราชอบตั้งแต่บีทีเอสอารีย์ถึงหมอชิตได้แบบไม่เหน็ดเหนื่อย 

แต่พอเวลาผ่านไปเมื่อเราเรียนรู้กันและกันจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว หมดความตื่นเต้น สารพัดความน่าเบื่อเข้าก็จะแวะมาทักทายอยู่เรื่อย ๆ จนบางในครั้งวันธรรมดา ๆ ของการพูดคุยกันในเรื่องปกติอาจจะสร้างความรำคาญใจจนเกิดเป็นการทะเลาะกันได้แบบดื้อ ๆ เรื่องที่เคยฟังได้ กลับไม่อยากได้ยินอีก ตัวตนที่เคยยอมรับและเข้าใจ กลับรู้สึกรับไม่ได้ จนอยากจะเลิกสานสัมพันธ์

 

เราทุกคู่ล้วนมีวันแบบนั้น เราทุกคนล้วนมีช่วงชีวิตที่น่าเบื่อ  

 

แล้วถ้าคนเราเจอสภาวะนี้บ่อย ๆ เรามักจะเลือกตัดสินใจอย่างไร ‘เลิกไปเลย หาคนใหม่ที่ดีกว่านี้’ หรอ?

เราอยากให้ทุกคนลองถอยออกมาแล้วมองมันในมุมที่กว้างขึ้นว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้คู่เราต้องอยู่ในสภาวะอารมณ์เช่นนั้น บางทีคุณและคู่ของคุณอาจจะเหนื่อยจากงาน แล้วพาให้เบื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวไปหมดรวมถึงแฟนของคุณด้วย หรือคุณและคู่ของคุณมีอารมณ์ที่คั่งค้างจากการสะสมอารมณ์โกรธที่ทะเลาะกันเมื่อคืนก่อน คุณเครียดสะสมไหม พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า หรือคุณกำลังจะเป็นประจำเดือน เรื่องพวกนี้ส่งผลต่ออารมณ์และการแสดงออกทั้งหมด

หลังจากสำรวจตัวเองถึงที่มาของอารมณ์เหล่านั้นแล้ว ถัดมาอยากให้เปิดใจคุยกับคู่ของคุณถึงบ่อเกิดของปัญหาเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขที่ตรงจุด เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์สามารถเดินต่อไปได้  (ถ้าเรายังอยากที่จะดำรงสถานะนี้กันต่อ) 

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่ารักแท้ไม่ง่าย เพราะมักจะมีปัญหาให้เราต้องรับมือกับมันอยู่เสมอ แต่ก็ต้องไม่ได้ยากเกินไป จนต้องฝืนความอดทนมากขนาดนั้น หากเป็นเช่นนั้นคงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความรักที่ดี ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ต้องชั่งตวงกันเองว่าอะไรคือมากหรือน้อยเกินไปสำหรับคู่ของเรา

สิ่งหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้พยายามอธิบายคือการยอมรับในตัวตนของอีกฝ่ายว่าเขาก็เป็นคนธรรมดา ที่มีวันธรรมดาเหมือนกับเรา และนั่นคือปกติ ขนาดเรายังมีวันที่ไม่ชอบตัวเอง วันที่หงุดหงิด วันที่พูดมาก วันที่เป็นผีบ้า พวกเราก็ต่างมีวันแบบนั้นทั้งหมด 

แล้วถ้าเราตั้งใจจะอยู่ด้วยกันนานขนาดนั้น จะไม่รำคาญด้านพวกนี้ของกันและกันบ้างเลยหรือ?

 

และเมื่อเราตัดสินใจรักใครสักคนหนึ่ง และยกให้เขาเป็นคนพิเศษแล้ว เราต้องเรียนรู้ที่จะรักเขาในด้านคนธรรมดาคนหนึ่งด้วย
— บางส่วนจากหนังสือ Conversations On Love 

 

เราควรจะรักในตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน เข้าใจและเคารพในมุมมองที่แตกต่าง ปรับจูนสิ่งที่ส่งผลเสียเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และแม้ว่าจะพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากแค่ไหนเราจะมั่นใจว่าจะผ่านไปด้วยกันเสมอ ในวัน ‘น่าเบื่อ’ ที่ไม่มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ถ้าถามว่าอะไรที่จะยึดไว้ให้ความรักยังอยู่คิดว่าก็คงไม่พ้นเรื่องพวกนี้แน่นอน เพราะมันมั่นคง และมีพื้นฐานมาจากตัวตนของกันและกัน

ขอยกประโยคที่ชอบจากคุณโรแซน เกย์ (Roxane Gay) เธอคือนักเขียนที่มากความสามารถ อีกทั้งยังเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง Bad Feminist, Hunger และ Difficult Women

 

ถ้าเป็นความรักที่มั่นคงและจริงใจ รักนั้นจะอดทนผ่านความยากลำบากได้ รักนั้นจะทานทนแม้ในยามที่มนุษย์มีข้อบกพร่อง ในยามที่ไม่มีความสุข หรือในยามที่มีปัญหากับความรัก ฉันหวังว่าฉันน่าจะรู้ก่อนว่า ความรักจะไม่หายไป แม้คุณจะโวยวายและไม่สมบูรณ์แบบ

 

จะเห็นว่าความรักจริง ๆ ไม่ง่ายเลย ความรักที่จะคงอยู่ได้นั้นต้องอาศัยการเรียนรู้และปรับตัวสูง คนเราเกิดมา มีการเลี้ยงดู ปลูกฝัง และการเติบโตที่ต่างกัน ส่งผลให้ความคิด พฤติกรรม การใช้ชีวิตย่อมต่างกันและเป็นสิ่งใหม่ที่เราทุกคนต้องเรียนรู้อยู่แล้ว ยิ่งความสัมพันธ์ยืนระยะนานมากเท่าไหร่ เราต่างจะพบเจอวันที่น่าเบื่อมากขึ้นเท่านั้น แต่อยากให้เข้าใจว่า ‘วันที่น่าเบื่อ’ คือความปกติของทุกความสัมพันธ์ แต่ถ้าเราตั้งใจจะรักกันจริงๆ จงปรับตัวและเรียนรู้กับวันน่าเบื่อพวกนั้นต่อไป 

ถ้าเราจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย เรื่องพวกนี้คงวนมาทักทายเป็นหมื่นรอบแน่ ๆ

เราจะมีวันที่นอนกอดกันเหมือนเดิมในวันข้างหน้า และอีกสัปดาห์ถัดมาเราจะเจอวันที่เราเบื่อหน้ากันเหมือนเดิม

 

Have a nice love ค่ะ