ปิตาธิปไตยในสวนดอกไม้ กระจกสะท้อนสังคมไทยใน ‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’

ปิตาธิปไตยในสวนดอกไม้ กระจกสะท้อนสังคมไทยใน ‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’

‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’ ซีรีส์ที่เจาะลึกปิตาธิปไตยและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ผ่านปริศนาฆาตกรรมในครอบครัวชนชั้นสูง

KEY

POINTS

  • การกดขี่ทางเพศและชนชั้นในสังคมไทย
  • อำนาจและการใช้เงินปกปิดความผิด
  • การต่อสู้กับระบบปิตาธิปไตย 
     

‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’ ไม่ใช่แค่ซีรีส์ฆาตกรรมปริศนาธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนสิ่งที่หยั่งรากลึกในสังคมมายาวนาน ผ่านปริศนาฆาตกรรมในครอบครัวชนชั้นสูง 

เรื่องราวเริ่มต้นจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ‘โอม’ (รับบทโดย ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหนุ่มอนาคตไกลในคืนก่อนวันแต่งงาน ก่อนจะค่อย ๆ เผยให้เห็นถึงชนชั้น อำนาจ และความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ผ่านตัวละครจากสองตระกูลใหญ่ที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความลับและบาดแผล

ช่องว่างระหว่างชนชั้นที่ถูกจำลองในโลกดอกไม้

หนึ่งในประเด็นที่ซีรีส์เน้นย้ำคือเรื่อง ‘ชายเป็นใหญ่’ หรือ ‘ปิตาธิปไตย’ ซึ่งปรากฏชัดเจนผ่านตัวละครชายหลายตัวในเรื่อง โดยเฉพาะการกระทำรุนแรงที่สุดคือการวางยาข่มขืนนักศึกษาสาว และเก็บคลิปวิดีโอไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ภายนอกแสดงตัวว่าเป็นผู้สนับสนุนสิทธิสตรี 

ความเสแสร้งนี้คล้ายกับสีสันอันงดงามของดอกไม้บางชนิด ทว่าเมื่อเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกลับได้รับแต่กลิ่นฉุนจนต้องเบือนหน้าหนี 

นอกจากนี้ เรายังได้เห็นตัวละครชายที่นอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า และปิดปากพวกเธอด้วยเงิน แต่เมื่อมีผู้หญิงที่ไม่ยอมจำนน ครอบครัวของเขากลับใช้ ‘เงิน’ จ้างคนขับรถในบ้านให้ทำร้ายเธอ ทำให้เห็นถึงวิธีการที่ผู้มีอำนาจใช้เพื่อรักษาสถานะ และปกปิดความผิด
 

ซีรีส์ยังสะท้อนภาพของ ‘ความคาดหวัง’ ที่ไม่เท่าเทียมระหว่างชายหญิงในครอบครัวชนชั้นสูง ตัวละครอย่าง ‘ริสา’ (รับบทโดย แพต ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช) ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากบิดาเท่ากับลูกชาย สิ่งที่เธอปรารถนาคือความรักและความภูมิใจจากบิดา ซึ่งน่าเจ็บปวดที่ว่าบิดาแสดงความภูมิใจในตัวเธอมากที่สุดในวันที่เธอหมั้น เพราะในมุมมองของเขา นั่นคือการทำหน้าที่อันสมบูรณ์ของลูกสาว เรื่องราวตรงนี้ชวนให้นึกถึงละครเรื่อง ‘เลือดข้นคนจาง’ ที่มีแก่นเรื่องคล้ายคลึงกัน

การเลี้ยงดูกับการเติบโตของดอกไม้แต่ละดอก

อีกประเด็นที่ซีรีส์นำเสนอคือ ความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว ผ่านสองตระกูลใหญ่อย่าง ‘เอื้อเทพา’ และ ‘ตั้งสินทรัพย์’ ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้แต่เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ก็มิได้เป็นการประกันว่าพวกเขาจะงอกงามอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง หากปราศจากความรักและความอบอุ่นอย่างแท้จริง

ขณะที่ในครอบครัวเล็ก ๆ ของดาหลากับแม่ คำสอนที่มีค่าของแม่ยังคงตราตรึงและหล่อหลอมตัวตนของเธอ แม้ว่าแม่ของเธอจะจากไปตั้งแต่เธอยังเด็ก คำสอนนั้นคือ “ถ้าลูกรักอะไร ลูกต้องให้เกียรติสิ่งนั้น” ซึ่งสวนทางกับค่านิยมในสังคมที่มักให้ความสำคัญกับ ‘การครอบครอง’ มากกว่า ‘การเคารพ’ ในสิ่งที่รัก

ความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากในสังคม

ซีรีส์นำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการกดขี่อย่างชัดเจนผ่าน ‘เวิ้งเอื้อเทพา’ ที่ชนชั้นสูงอาศัยอำนาจและเงินตราแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของชนชั้นล่างที่อ่อนแอและไม่มีทางสู้
 

อีกครั้งคือเหตุการณ์ที่ชนชั้นสูงจ้างวานให้ชนชั้นล่างก่ออาชญากรรม เมื่อความจริงปรากฏ คนจนต้องรับโทษทัณฑ์ ในขณะที่คนรวยผู้อยู่เบื้องหลังกลับลอยนวลด้วยอำนาจของเงิน สะท้อนให้เห็นถึงความอยุติธรรมในสังคมที่กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงผู้มีอำนาจได้ เสมือนรากเหง้าของดอกไม้อันงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ดินโสโครก

เส้นทางของเรื่องราว

ในแง่ของการเล่าเรื่อง ซีรีส์ประสบความสำเร็จในการสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้ชม ที่ต้องการติดตามว่าใครกันแน่คือฆาตกรที่สังหารโอม อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าไม่ถึงครึ่งเรื่อง ผู้ชมก็อาจเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือ เนื่องจากซีรีส์ใช้สูตรหนังฆาตกรรมทั่วไปที่พยายามเบี่ยงความสนใจของผู้ชมไปที่ตัวละครอื่น ๆ ก่อนจะเฉลยว่าฆาตกรคือคนที่ดูไม่มีพิษมีภัยและถูกมองข้ามมากที่สุด แต่สิ่งที่ยังคงน่าติดตามคือแรงจูงใจที่ทำให้ฆาตกรตัดสินใจลงมือก่อเหตุ ซึ่งมีจุดหักมุมน่าสนใจในตอนท้ายว่ายังมีบางเรื่องที่ฆาตกรเองไม่รู้ และหากรู้ ก็อาจไม่ตัดสินใจทำเช่นนั้น

‘ดาหลา’ ดอกไม้ที่สวยงามแต่ซับซ้อน

ตัวละครหลักอย่างนักจัดดอกไม้สาว ‘ดาหลา โรส’ รับบทโดย ‘ญาญ่า อุรัสยา’ มีความน่าหลงใหลในแง่ของการพัฒนาตัวละคร ชื่อ ‘ดาหลา’ สะท้อนความซับซ้อนของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง เหมือนดอกดาหลาที่มีความสวยงาม สีสันสดใส แต่มีกลีบดอกที่ซ้อนทับกันหลายชั้น เปรียบเสมือนเรื่องราวและความรู้สึกมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในใจของตัวละคร และท้ายที่สุด ดาหลาเป็นเสมือนตัวแทนของคนที่ถูกสังคมและระบบอันไม่เป็นธรรมเหยียบย่ำ จนต้องลุกขึ้นมาค้นหาความจริงและทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่เธอรัก

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมตัวละครนี้ถึงแสดงท่าทางลึกลับเหมือนรู้ทุกอย่างตลอดเวลา บางคนถึงกับเปรียบเทียบว่าคล้ายกับตัวละคร ‘เวนดส์เดย์’ แต่เมื่อถึงตอนจบ ทุกอย่างก็ถูกเฉลยว่าเธอกำลังค่อย ๆ เก็บรายละเอียดทุกอย่างอย่างตั้งใจเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง

ส่วนที่อาจทำให้ผู้ชมสับสนคือการพยายามนำปรัชญาจากดอกไม้และการจัดดอกไม้มาใส่ในเรื่องมากเกินไป บางครั้งการเชื่อมโยงดูเหมือนจะถูกยัดเยียดและไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ต้องย้อนกลับไปดูหลายรอบเพื่อทำความเข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การใช้ดอกไม้เป็นกุญแจในการไขปริศนาคดีฆาตกรรมถือเป็นแนวคิดที่น่าชื่นชม แม้จะไม่ใหม่มากก็ตาม

ที่แอบสับสนอีกนิดคือแผนผังเครือญาติของสองตระกูล เชื่อว่ามีหลายคนที่งงและคิดในใจหลายครั้งว่า “ไอ้เด็กคนนี้มันลูกหลานบ้านไหนวะ” หรือ “คนนี้เป็นอะไรกับคนนั้นนะ”

ดอกไม้ในสวนการแสดง

ในซีรีส์เรื่องนี้มีนักแสดงที่โดดเด่นหลายคน แต่ที่อยากกล่าวถึงคือรุ่นใหญ่อย่าง ‘รอน บรรจงสร้าง’ ที่รับบทเป็น ‘เอกภพ’ พ่อของโอม คุณรอนไม่ทำให้ผิดหวังกับการกลับมาในครั้งนี้ เขาสามารถถ่ายทอดตัวละครได้อย่างมีมิติที่ชัดเจนและสมจริง ทั้งในบทบาทของลูกชายคนโตและพี่ชายที่ต้องเพียบพร้อม มีความรับผิดชอบ คอยตามเช็ดตามล้างเรื่องราวที่ไม่ดีของครอบครัว รวมถึงในฐานะพ่อที่ทั้งเสียใจต่อการจากไปของลูกชาย แต่ก็ต้องตามล่าหาฆาตกรตัวจริงไปด้วย ฉากที่ประทับใจที่สุดคือตอนที่ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว และเขาหันไปเรียกผู้เป็นแม่ด้วยแววตาของความอ่อนแอและผิดหวัง เป็นฉากที่สะท้อนความเจ็บปวดและการพังทลายของทุกสิ่งที่เขาพยายามสร้างมาตลอดชีวิต

นอกจากนี้ยังมีตัวละครตำรวจอย่าง ‘มนตรี’ รับบทโดยดารารุ่นใหญ่อีกท่านคือ ‘ทนงศักดิ์ ศุภการ’ ตัวละครนี้มีหลายมิติน่าสนใจ เขาอาจเคยเป็นตำรวจที่ใช้เส้นสายเพื่อรักษาตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองเอาไว้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับความจริงในฐานะพ่อคนหนึ่ง เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถยอมรับการกระทำผิดร้ายแรงได้

บทส่งท้าย: สวนดอกไม้ที่เป็นกระจกสะท้อนปิตาธิปไตยในสังคมไทย

‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’ ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนสังคมไทยได้อย่างคมชัด โดยเฉพาะการเปิดโปงโครงสร้างปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกในทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว ในองค์กร หรือในระบบการเมือง ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอภาพของสังคมที่ชายเป็นใหญ่ผ่านสวนดอกไม้อันสวยงามแต่ซ่อนความเน่าเฟะไว้ใต้ดิน โดยตัวละครชายในเรื่องล้วนใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อรักษาสถานะและปกปิดความผิดของตน

ความเหลื่อมล้ำทางเพศปรากฏชัดเจนผ่านตัวละครหญิงที่มักถูกคาดหวังให้ทำตามบรรทัดฐานที่สังคมกำหนด หรือถูกมองเป็นเพียงวัตถุทางเพศ แม้จะมีความสามารถและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่คุณค่าของพวกเธอกลับถูกวัดจากการเป็นภรรยาหรือลูกสะใภ้ที่ดี

เปรียบเสมือนดอก ‘ดาหลา’ ที่งดงามแต่ซับซ้อน ซีรีส์เรื่องนี้ชวนให้ผู้ชมค่อย ๆ แกะกลีบดอกไม้แห่งความจริงที่ซ่อนอยู่ในสังคมไทย เพื่อค้นพบว่าระบบปิตาธิปไตยที่ดูเหมือนจะเป็นฐานรากของความมั่นคงในครอบครัวและสังคม แท้จริงแล้วอาจเป็นรากเหง้าของความอยุติธรรมและความรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ภาพลวงตาของครอบครัวชั้นสูงอันสมบูรณ์แบบ

 

เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Netflix