04 มิ.ย. 2564 | 14:48 น.
*The People Talk รวมสุนทรพจน์เปลี่ยนโลก **We Choose to Go to the Moon สุนทรพจน์ของ จอห์น เอฟ เคนเนดี พูดไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ.1962 ณ เมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา “การสำรวจอวกาศจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเราจะร่วมขบวนด้วยหรือไม่ก็ตาม มันคือหนึ่งในการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ตลอดกาล และไม่มีชาติใดที่หวังจะเป็นผู้นำชาติอื่น สามารถปล่อยให้ตนเองล้าหลังในการแข่งขันทางอวกาศนี้” จอห์น เอฟ เคนเนดี ประธานาธิบดีคนรุ่นใหม่ไฟแรงของสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจและสร้างแรงบันดาลใจต่อหน้าผู้ชมกว่า 40,000 คน ที่มาฟังกลางสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยไรซ์ ในรัฐเท็กซัส สุนทรพจน์นี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในคำปราศรัยที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นการประกาศลงแข่งขันทางอวกาศอย่างเต็มตัวของอเมริกา หลังจากปล่อยให้สหภาพโซเวียตแซงหน้า ยิงดาวเทียมดวงแรก และส่งมนุษย์อวกาศคนแรกขึ้นไปโคจรนอกโลกในยุคสงครามเย็น เจเอฟเค บรรยายชัดเจนถึงเหตุผลในการตัดสินใจทุ่มงบมหาศาลไปกับการแข่งขันทางอวกาศ พร้อมประกาศแผนยุทธศาสตร์ชาติในการส่งมนุษย์อวกาศคนแรกขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ก่อนสิ้นสุดทศวรรษ 1960 และในอีก 7 ปีต่อมา ยานอพอลโล 11 ก็พา นีล อาร์มสตรอง ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ ก้าวเล็ก ๆ เพียงหนึ่งก้าวของ นีล อาร์มสตรอง ที่เป็นก้าวกระโดดก้าวใหญ่ของมนุษยชาติครั้งนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปิดทางให้อีกหลายชาติกระโจนสู่การแข่งขันทางอวกาศตามมาจนกระทั่งปัจจุบัน ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่า มีจุดเริ่มต้นจากสุนทรพจน์ความยาวประมาณ 18 นาทีของ จอห์น เอฟ เคนเนดี ครั้งนี้นั่นเอง “ท่านอธิการบดีพิตเซอร์, ท่านรองอธิการบดี, ท่านผู้ว่าการรัฐ, ท่านสมาชิกสภาคองเกรสโทมัส, ท่านวุฒิสมาชิกไวลีย์, และท่านสมาชิกสภาคองเกรสมิลเลอร์, ท่านเว็บบ์, ท่านเบลล์, บรรดานักวิทยาศาสตร์, แขกผู้มีเกียรติ, และท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อธิการบดีของพวกท่านเชิญข้าพเจ้ามาเป็นอาจารย์พิเศษผู้ทรงเกียรติ และข้าพเจ้าขอยืนยันกับพวกท่านว่า การสอนครั้งแรกของข้าพเจ้าจะสั้นมาก ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มาอยู่ที่นี่ ณ โอกาสนี้ เราได้มาพบกัน ณ สถานศึกษาที่ขึ้นชื่อเรื่องวิชาความรู้ ในเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจริญก้าวหน้า ในรัฐที่ทราบกันดีว่ามีความเข้มแข็ง และเรายืนหยัดในความจำเป็นทั้งสามข้อ เพราะเรามาพบกันในชั่วโมงของการเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย ในทศวรรษแห่งความหวังและความหวาดกลัว ในยุคสมัยของทั้งความรู้และอวิชชา ยิ่งเรามีความรู้มากเท่าใด อวิชชาของเราก็จะเปิดเผยออกมามากเท่านั้น แม้ข้อเท็จจริงชัดเจนว่า นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่โลกรู้จักยังคงมีชีวิตและยังทำงานกันทุกวันนี้ แม้มีข้อเท็จจริงว่า กำลังพลด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศนี้ของเรากำลังเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก ๆ 12 ปี ในอัตราเติบโตที่มากกว่าจำนวนประชากรกว่า 3 เท่า แม้ขนาดความกว้างใหญ่ไพศาลของสิ่งที่ยังไม่รู้ ยังไม่ได้คำตอบ และยังไม่สำเร็จ ยังคงใหญ่กว่าความรู้ความเข้าใจทั้งหมดของพวกเรามากมาย ยังไม่มีใครสามารถทราบได้ชัดเจนว่า พวกเรามาไกลและมาเร็วแค่ไหน แต่ถ้าท่านจะทำให้มันสั้นลง ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่มีการบันทึกไว้ 50,000 ปี ย่อให้เหลือแค่ครึ่งศตวรรษ หากกล่าวตามเงื่อนไขนี้ เรารู้น้อยมากเกี่ยวกับช่วง 40 ปีแรกของพวกเรา ยกเว้นในช่วงท้ายที่มนุษย์มีความก้าวหน้า เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้หนังสัตว์มาปกปิดร่างกาย จากนั้นประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้มาตรฐานนี้ มนุษย์เริ่มออกจากถ้ำมาสร้างที่พักอาศัยในรูปแบบอื่น เพียงแค่ 5 ปีที่แล้วที่มนุษย์เรียนรู้การขีดเขียนและใช้พาหนะมีล้อ ศาสนาคริสต์เพิ่งเริ่มได้ไม่ถึง 2 ปี และสื่อสิ่งพิมพ์ก็เพิ่งเกิดมาในปีนี้ ไม่ถึง 2 เดือนที่ผ่านมา ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติทั้งหมด 50 ปีตามที่ว่านี้ เครื่องจักรไอน้ำเพิ่งกลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่ นิวตันค้นหาความหมายของแรงโน้มถ่วง เมื่อเดือนที่แล้วแสงจากไฟฟ้า โทรศัพท์ รถยนต์ และเครื่องบิน เพิ่งมีให้ใช้งาน แค่สัปดาห์ที่แล้วที่เราพัฒนายาปฏิชีวนะ โทรทัศน์ และพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นมา หากตอนนี้ยานอวกาศลำใหม่ของอเมริกาไปถึงดาวศุกร์ได้สำเร็จ เราจะได้ไปถึงดวงดาวอื่น ๆ ตามความเป็นจริงก่อนเที่ยงคืนในคืนนี้ นี่คือย่างก้าวที่น่าตกใจ และเป็นย่างก้าวที่ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากก่อให้เกิดความชั่วร้ายใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็ขจัดปัดเป่าของเก่าออกไป ก่อให้เกิดอวิชชาใหม่ ๆ ปัญหาใหม่ ๆ อันตรายใหม่ ๆ แน่นอนว่ามุมมองอันเปิดกว้างในอวกาศมีผลผูกพันกับราคาและความยากลำบากสูง แต่ก็ให้รางวัลอันสูงส่งเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บางคนอยากให้เราหยุดอยู่แค่ตรงจุดนี้ให้นานขึ้นอีกนิด เพื่อหยุดพัก เพื่อรอคอย แต่นครฮิวส์ตันแห่งนี้ รัฐเท็กซัสแห่งนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศนี้ ไม่ได้สร้างขึ้นมาโดยพวกเขาเหล่านั้นที่รอคอยและหยุดพัก และปรารถนาจะหันกลับไปมองข้างหลัง ประเทศนี้มีชัยชนะได้จากพวกที่ก้าวไปข้างหน้า และจะเกิดขึ้นในอวกาศด้วยเช่นกัน วิลเลียม แบรดฟอร์ด กล่าวไว้ในปี 1630 เกี่ยวกับการก่อตั้ง พลิมัธ เบย์ โคโลนี (อาณานิคมของผู้อพยพชาวยุโรปยุคบุกเบิกในอเมริกา) ว่า ทุกการกระทำอันยิ่งใหญ่และทรงเกียรติล้วนมาพร้อมกับความยากเย็นแสนเข็ญ และทั้งคู่ต้องดำเนินการและเอาชนะด้วยความกล้าหาญที่มีคำตอบ หากแคปซูลประวัติศาสตร์ความก้าวหน้านี้สอนอะไรกับเรา มันคือเรื่องของมนุษย์ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจไม่เสื่อมคลาย ในระหว่างการไขว่คว้าหาความรู้และความก้าวหน้า การสำรวจอวกาศจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเราจะร่วมขบวนด้วยหรือไม่ก็ตาม มันคือหนึ่งในการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ตลอดกาล และไม่มีชาติใดที่หวังจะเป็นผู้นำชาติอื่น สามารถปล่อยให้ตนเองล้าหลังในการแข่งขันทางอวกาศนี้ พวกเขาเหล่านั้นที่ทำได้ก่อนบอกอย่างชัดเจนว่า ประเทศนี้เคยขี่คลื่นลูกแรกของการปฏิวัติอุตสาหกรรม คลื่นลูกแรกของการประดิษฐ์ยุคใหม่ และคลื่นลูกแรกของพลังงานนิวเคลียร์ คนรุ่นนี้ไม่ได้ประสงค์จะจมลงไปในคลื่นกระทบฝั่งของยุคอวกาศที่กำลังมาถึง เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมัน เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำ สายตาของโลก ณ ตอนนี้มองไปยังอวกาศ สู่ดวงจันทร์และดวงดาวที่ไกลออกไป เราขอประกาศก้องว่า เราจะไม่ยอมมองดูมันถูกปกครองด้วยธงของผู้พิชิตที่เป็นศัตรู แต่เป็นธงแห่งอิสรภาพและสันติภาพ เราขอประกาศว่า เราจะไม่มองดูอวกาศเป็นที่ตั้งอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง แต่เป็นอุปกรณ์เพื่อความรู้และความเข้าใจ ทว่าคำประกาศก้องของประเทศนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ก็ต่อเมื่อพวกเราในชาตินี้ต้องเป็นที่หนึ่ง และต้องการเป็นที่หนึ่ง กล่าวสั้น ๆ ก็คือ ความเป็นผู้นำของเราในด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม ความหวังให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงปลอดภัยของเรา พันธสัญญาของเราต่อตนเองและผู้อื่น ทุกอย่างล้วนต้องการให้เราใช้ความพยายามนี้ เพื่อไขความลี้ลับเหล่านี้ เพื่อแก้ไขให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ทุกคน และเพื่อกลายเป็นชาติผู้นำที่ให้ความเป็นธรรมบนห้วงอวกาศแก่โลก เราออกล่องเรือไปบนท้องทะเลผืนใหม่นี้เพราะมีความรู้ใหม่ให้เรียนรู้ มีสิทธิใหม่ ๆ ให้เอาชนะ และพวกมันต้องถูกเอาชนะและถูกใช้เพื่อความก้าวหน้าของประชาชนทุกคน สำหรับวิทยาศาสตร์อวกาศ ไม่ต่างจากวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และเทคโนโลยีทั้งหลาย มันไม่มีมโนธรรมในตัวเอง มันจะกลายเป็นพลังแห่งความดีหรือความชั่วขึ้นอยู่กับมนุษย์ และมีแค่การยึดกุมตำแหน่งที่เหนือกว่าของสหรัฐฯ เท่านั้นที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า มหาสมุทรผืนใหม่นี้จะเป็นทะเลแห่งสันติภาพ หรือโรงละครแห่งสงครามอันน่าสะพรึงกลัวโรงใหม่กันแน่ ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่า เราควรไป หรือจะออกไปต่อต้านการใช้อวกาศในทางที่ผิดของศัตรูแบบไร้การป้องกัน มากกว่าที่เราไปต่อต้านการใช้ผืนดินหรือทะเลของศัตรูโดยไร้การปกป้อง แต่ข้าพเจ้าพูดว่า ห้วงอวกาศสามารถสำรวจและเรียนรู้ได้โดยปราศจากการเติมเชื้อไฟแห่งสงคราม ปราศจากการทำความผิดแบบเดิมซ้ำ ๆ แบบที่มนุษย์เคยทำในการแผ่ขยายอำนาจไปทั่วโลกนี้ของเรามาแล้ว ยังไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีอคติ ไม่มีความแตกแยกของชาติเกิดขึ้นในอวกาศนอกโลก ความอันตรายของมันคือศัตรูของเราทั้งมวล การออกไปพิชิตมันต้องใช้สิ่งที่ดีที่สุดของมนุษยชาติทั้งปวง และโอกาสของการร่วมมือกันอย่างสันติมากมายอาจไม่เกิดขึ้นได้อีกเลย แต่บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องดวงจันทร์ ทำไมเลือกสิ่งนี้เป็นเป้าหมายของเรา และหลายคนอาจถามว่า ทำไมต้องไปปีนยอดเขาที่สูงที่สุด ทำไมบินข้าม (มหาสมุทร) แอตแลนติกเมื่อ 35 ปีก่อน และทำไมไรซ์ (ทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัย) ต้องแข่งกับเท็กซัส เราเลือกที่จะไปดวงจันทร์ เราเลือกไปดวงจันทร์ภายในทศวรรษนี้ และทำสิ่งอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่เพราะว่ามันง่าย แต่เพราะพวกมันยาก เพราะเป้าหมายนั้นจะช่วยส่งเสริมการจัดการและชี้วัดพลังงานและทักษะที่ดีที่สุดของเรา เพราะว่าความท้าทายคือสิ่งที่เราเต็มใจยอมรับ เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเลื่อนออกไป และเป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะเอาชนะ และคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจในปีที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงความพยายามในอวกาศของเรา จากเกียร์ต่ำไปเกียร์สูง ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ระหว่างที่ข้าพเจ้ามีอำนาจอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เราได้เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ กำลังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการสำรวจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสลับซับซ้อนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เรารับรู้ได้ถึงผืนดินที่สั่นไหวและอากาศที่แตกละเอียด ด้วยการทดลองจรวดขับดัน “แซตเทิร์น ซี-วัน” ที่มีอานุภาพมากกว่าจรวดแอตลาส ที่ส่ง จอห์น เกล็นน์ ไปอวกาศหลายเท่า มันก่อให้เกิดพลังงานเทียบเท่ารถยนต์ 10,000 คันด้วยคันเร่งที่อยู่บนพื้น เราได้เห็นสถานที่ที่เครื่องยนต์จรวด เอฟ-วัน 5 เครื่อง แต่ละเครื่องมีอานุภาพเทียบเท่าเครื่องยนต์ของแซตเทิร์นทั้ง 8 เครื่องรวมกัน จะถูกจับมาทำงานร่วมกันเพื่อเป็นจรวดแซตเทิร์นที่มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ถูกนำมาประกอบกันในอาคารหลังใหม่ที่จะสร้างขึ้นที่แหลมคานาเวอรัล มีความสูงเทียบเท่าโครงสร้าง 48 ชั้น กว้างเท่ากับหนึ่งช่วงถนนของนครใหญ่ และยาวเท่ากับสนามฟุตบอลแห่งนี้ 2 สนามต่อกัน ภายในเวลา 19 เดือนที่ผ่านมานี้ มีดาวเทียมอย่างน้อย 45 ดวงโคจรอยู่รอบโลก ในจำนวนนี้ราว 40 ดวงผลิตขึ้นในสหรัฐอเมริกา พวกมันมีความสลับซับซ้อนมาก และให้ความรู้แก่ประชาชนบนโลกมากกว่าของสหภาพโซเวียต ยานอวกาศมาริเนอร์ที่ตอนนี้อยู่บนเส้นทางสู่ดาวศุกร์ คืออุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีซับซ้อนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์อวกาศ ความแม่นยำในการยิงขึ้นฟ้าเทียบได้กับการยิงจรวดจากแหลมคานาเวอรัล มาตกลงในสนามกีฬาแห่งนี้ ตรงจุดที่อยู่ระหว่างเส้น 40 หลา ดาวเทียมขนส่งกำลังช่วยนำทางเรือของเราให้แล่นไปในท้องทะเลบนเส้นทางที่ปลอดภัยขึ้น ดาวเทียมไทรอส ช่วยเตือนเราถึงการเกิดเฮอริเคนและพายุต่าง ๆ แบบไม่เคยทำได้มาก่อน และจะทำแบบเดียวกันเมื่อเกิดไฟป่า และภูเขาน้ำแข็ง เราเคยพบกับความล้มเหลว แต่คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ถึงแม้พวกเขาไม่ยอมรับมัน และบางทีอาจไม่ค่อยเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อให้มั่นใจ เราคือผู้ตามหลัง และจะอยู่ข้างหลังบ้างบางเวลาในการส่งมนุษย์เดินทางออกไป แต่เราไม่ได้คาดหวังจะอยู่ข้างหลัง และในทศวรรษนี้ เราจะแก้ไขมัน และแซงขึ้นไปข้างหน้า การเติบโตด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษาของเรา จะพัฒนาขึ้นด้วยความรู้ใหม่เกี่ยวกับจักรวาลและสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคนิคใหม่ในการเรียนรู้ การทำแผนที่ และการสังเกต ด้วยเครื่องมือใหม่ ๆ และคอมพิวเตอร์สำหรับอุตสาหกรรม การแพทย์ รวมถึงบ้านและโรงเรียน สถาบันเทคนิคอย่างเช่นไรซ์ จะได้เก็บเกี่ยวผลที่ได้รับมาเหล่านี้ สุดท้ายนี้ ความพยายามด้านอวกาศโดยตัวมันเองแม้ยังอยู่ในภาวะแรกเกิด แต่ได้ก่อให้เกิดบริษัทใหม่ ๆ เป็นจำนวนมากมายแล้ว และสร้างงานใหม่อีกนับหลายหมื่นตำแหน่ง อุตสาหกรรมอวกาศและที่เกี่ยวข้องกันกำลังสร้างความต้องการใหม่ ๆ ในการลงทุน และบุคลากรที่มีทักษะ และนครแห่งนี้ มลรัฐนี้ และภูมิภาคนี้ จะได้รับส่วนแบ่งก้อนโตในการเติบโตครั้งนี้ ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหน้าด่านที่อยู่ห่างไกลที่สุดบนพรมแดนเก่าฝั่งตะวันตก จะเป็นหน้าด่านที่ห่างไกลที่สุดของพรมแดนใหม่ด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศ ฮิวส์ตัน นครฮิวส์ตันของพวกท่าน พร้อมด้วยศูนย์ยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม จะกลายเป็นหัวใจของชุมชนทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมขนาดใหญ่ ในช่วง 5 ปีจากนี้ไป องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ คาดหวังที่จะเพิ่มจำนวนนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรในด้านนี้อีกเท่าตัว จะเพิ่มงบสำหรับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นปีละ 60 ล้านดอลลาร์ จะลงทุนราว 200 ล้านดอลลาร์สร้างโรงงานและห้องทดลอง และจะกำกับหรือดำเนินการให้เกิดความพยายามท่องอวกาศครั้งใหม่จากศูนย์แห่งนี้ในเมืองนี้ ด้วยวงเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้แน่ใจ ทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าสำหรับเราทุกคน งบประมาณด้านอวกาศในปีนี้มากกว่าในเดือนมกราคม 1961 ถึงสามเท่า และมากกว่างบด้านอวกาศของทั้ง 8 ปีก่อนหน้านี้รวมกัน งบก้อนนั้นตอนนี้อยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์ต่อปี เป็นยอดที่น่าอัศจรรย์ แต่ยังน้อยกว่าที่พวกเราจ่ายซื้อบุหรี่และซิการ์สูบกันทุก ๆ ปี งบประมาณด้านอวกาศจะเพิ่มขึ้นอีกในไม่ช้า จาก 40 เซนต์ต่อคนต่อสัปดาห์ เป็นมากกว่า 50 เซนต์ต่อสัปดาห์สำหรับทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กทุกคนในสหรัฐฯ เพราะเราให้ความสำคัญมากกับโปรแกรมนี้ในระดับชาติ ถึงแม้ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า ตัวชี้วัดบางอย่างของสิ่งนี้คือการกระทำตามศรัทธาและวิสัยทัศน์ เพราะเรายังไม่ทราบได้ในตอนนี้ว่า มีผลประโยชน์อะไรรอเราอยู่เบื้องหน้า แต่หากให้ข้าพเจ้าพูด ประชาชนเพื่อนรักทั้งหลาย เราจะส่งไปดวงจันทร์ที่ห่างจากสถานีควบคุมในเมืองฮิวส์ตัน 240,000 ไมล์ เป็นจรวดขนาดยักษ์ที่สูงกว่า 300 ฟุต ยาวกว่าสนามฟุตบอลแห่งนี้ ทำจากเหล็กอัลลอยด์ชนิดใหม่ บางชิ้นยังไม่เคยมีการประดิษฐ์ขึ้นมาก่อน สามารถทนทานความร้อนและแรงอัดได้มากกว่าที่เคยประสบพบเจอมาหลายเท่า ประกอบเข้าด้วยกันกับความเที่ยงตรงที่สูงกว่านาฬิกาหรูชั้นดี บรรทุกอุปกรณ์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับแรงขับเคลื่อน ระบบนำทาง การควบคุม การสื่อสาร อาหารและความอยู่รอด ในภารกิจที่ยังไม่เคยทดลองทำมาก่อน ไปสู่เทหวัตถุบนฟากฟ้าที่ไม่มีใครรู้จัก และเดินทางกลับสู่โลกโดยสวัสดิภาพ กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศด้วยความเร็วกว่า 25,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งก่อให้เกิดความร้อนประมาณครึ่งหนึ่งของอุณหภูมิบนดวงอาทิตย์ เกือบร้อนเท่ากับอากาศที่นี่ในวันนี้ เราจะทำทั้งหมดนี้ ทำอย่างถูกต้อง และทำเป็นอันดับแรกก่อนจบทศวรรษนี้ ซึ่งเราต้องมีความกล้าหาญ ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังทำงานทั้งหมดนี้ ดังนั้นเราแค่ขอให้พวกท่านใจเย็น ๆ สักนาที (เสียงคนหัวเราะ) อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าคิดว่าเรากำลังจะทำมัน และข้าพเจ้าคิดว่า เราต้องจ่ายในสิ่งที่จำเป็นต้องจ่าย ข้าพเจ้าไม่คิดว่าเราต้องสิ้นเปลืองเงินทอง แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเราต้องทำงานนี้ และสิ่งนี้จะต้องทำให้สำเร็จในทศวรรษ ’60 มันอาจเสร็จสิ้นในขณะที่บางท่านยังคงอยู่ที่นี่ที่โรงเรียน ที่วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มันจะเสร็จในระหว่างที่บางคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ บนเวทีแห่งนี้ ยังไม่หมดวาระการทำหน้าที่ แต่มันจะต้องเสร็จ และจะเสร็จก่อนสิ้นสุดทศวรรษนี้แน่นอน ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังมีบทบาทในการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับชาติอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา หลายปีก่อน นักสำรวจชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ มัลลอรี ผู้ขึ้นไปจบชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ ถูกถามว่า ทำไมเขาจึงต้องการปีนขึ้นไป เขาตอบว่า “เพราะมันอยู่ตรงนั้น” ใช่ อวกาศอยู่ตรงนั้น และเรากำลังจะปีนมันขึ้นไป ดวงจันทร์และดวงดาวอื่น ๆ ก็อยู่ตรงนั้น ความหวังใหม่สำหรับความรู้และสันติภาพก็อยู่ตรงนั้น ด้วยเหตุนั้น ขณะที่เราออกเรือ เราขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้อวยชัยในการผจญภัยครั้งใหญ่ที่สุด ที่เสี่ยงภัยและอันตรายมากที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยเริ่มออกเดินทางมา ขอบคุณครับ” ข้อมูลอ้างอิง: youtube.com/watch?v=WZyRbnpGyzQ