‘คิริน โฮลดิ้งส์’ เบียร์ญี่ปุ่นที่ก่อตั้งโดยคนอเมริกัน มองตลาดสุขภาพตั้งแต่ 43 ปีก่อน

‘คิริน โฮลดิ้งส์’ เบียร์ญี่ปุ่นที่ก่อตั้งโดยคนอเมริกัน มองตลาดสุขภาพตั้งแต่ 43 ปีก่อน

เรื่องราวของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ‘คิริน โฮลดิ้งส์’ (Kirin Holdings) ที่จุดเริ่มต้นมาจากคนนอร์เวย์-อเมริกัน ‘วิลเลียม โคปแลนด์’ (Willaim Copeland) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์และเชี่ยวชาญด้านเบียร์ เขาตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตเบียร์ในประเทศญี่ปุ่น จนตอนนี้บริษัทเป็นมากกว่าผู้ผลิตเบียร์แล้ว

  • ‘คิริน โฮลดิ้งส์’ (Kirin Holdings) เริ่มต้นจากคนนอร์เวย์-อเมริกัน ‘วิลเลียม โคปแลนด์’ (Willaim Copeland) ผู้ผลิตเบียร์ที่เปิดโรงงานเบียร์ในประเทศญี่ปุ่น
  • คิรินฯ วางตัวเองเป็นมากกว่าบริษัทผลิตเบียร์ตั้งแต่แรก ๆ ซึ่งในปี 1990 เป็นครั้งแรกที่แตกไลน์ธุรกิจนอกเหนือจากเบียร์ 

ปี 2022 ‘คิริน โฮลดิ้งส์’ (Kirin Holdings) บริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจผลิตแอลกอฮอล์ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,989 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 67,293 หมื่นล้านบาท และในช่วงเวลาเดียวกัน คิริน โฮลดิ้งส์ ได้ประกาศปรับทัพธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิม ที่โดดเด่นในตลาดแอลกอฮอล์มายาวนานกว่าศตวรรษ

คิรินตัดสินใจเทงบ-ลุยตลาดเครื่องดื่มสุขภาพตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง และในเดือนเมษายนปี 2023 ที่ผ่านมา เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คิรินหมายมั่นปั้นมือลุยตลาดสุขภาพด้วยการปิดดีลเข้าซื้อ ‘แบล็คมอร์’ (Blackmores) บริษัทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดัง มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท หวังเจาะตลาดเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้น ตอกย้ำทิศทางบริษัทที่ขอเป็นมากกว่ายักษ์ใหญ่แอลกอฮอล์

แต่รู้หรือไม่ว่า คิริน ที่เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มนักดื่มมาอย่างยาวนาน มีฐานที่มั่นในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่นมาหลายทศวรรษ ไม่ได้ถือกำเนิดโดยชาวญี่ปุ่น แต่เกิดจาก ‘วิลเลียม โคปแลนด์’ (Willaim Copeland) ผู้ผลิตเบียร์ชาวนอร์เวย์-อเมริกัน

โดยเริ่มต้นจากการก่อตั้งโรงเบียร์สปริง วัลเลย์ (Spring Valley) ในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น และอีก 38 ปีให้หลัง โรงกลั่นเบียร์ที่ก่อตั้งโดยชาวอเมริกัน ก็ได้กลายเป็นโรงงานบริษัทคิริน บริวเวอรี (Kirin Brewery) ซึ่งในเวลาต่อมา คิรินผงาดขึ้นสู่หนึ่งในบริษัทผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

 

ไม่หยุดที่ตลาดเบียร์

คิริน ที่เติบโตจากผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ในญี่ปุ่น และได้ขยายธุรกิจโรงกลั่นเบียร์ไปอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งเข้าซื้อแบรนด์เบียร์ชั้นนำในเอเชียอีกจำนวนหนึ่ง ก็ดูจะไปได้สวยกับกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ สั่งสมประสบการณ์มานาน แต่ในเวลาต่อมาก็พบว่า คิรินเริ่มมีแผนขยับขยายธุรกิจไปยังเซ็กเมนต์อื่น ๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยในเวลานั้น คิรินเริ่มมีแนวคิดขยายธุรกิจไปยังตลาดน้ำอัดลม อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจยา และตลาดสุขภาพด้วย

ช่วงทศวรรษ 1990 คิรินแตกไลน์ธุรกิจหลักออกมาอีก 3 หมวดหมู่ นอกเหนือจากแอลกอฮอล์ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยมีการตั้งโรงงานวิจัยของตัวเอง เพื่อทำการศึกษาอาหารและเครื่องดื่ม วัสดุจากธรรมชาติ ตลอดจนวิธีการหมักบ่มและเพาะพันธุ์เพื่อนำมาซึ่งส่วนประกอบและวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย นำไปสู่ธุรกิจหมวดหมู่ที่สาม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจยา

ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่คิรินเริ่มบุกเบิก-กรุยทางธุรกิจส่วนอื่น ๆ ซึ่งเกิดจากการที่คิรินมองว่า ขณะนั้นตลาดเบียร์ญี่ปุ่นเติบโตเต็มที่แล้ว จึงเริ่มถอยกลับมาทบทวนแผนวิสัยทัศน์ใหม่อีกครั้งว่า ในระยะยาวจะกำหนดเป้าหมายในการขยายธุรกิจอย่างไรดี

นอกจากการเป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์แล้ว คิรินมองว่า ตนเองสามารถขยายอาณาจักรออกไปในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเครื่องดื่ม ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม สุขภาพ ที่ทำให้ชีวิตให้แง่มุมชีวิตของลูกค้าสะดวกสบายมากขึ้น

ธุรกิจเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตอบโจทย์ลูกค้าในส่วนของความสนุกสนานแล้ว และเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ รวมถึงลดการพึ่งพาธุรกิจเบียร์มากเกินไป จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่คิรินวางแผนกระจายธุรกิจไปยังเซ็กเมนต์อื่น ๆ ซึ่งก็คือ ธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม รวมถึงธุรกิจยา และวิทยาศาสตร์สุขภาพด้วย

 

อนาคตไม่เน้นสังสรรค์แต่คนหันมาดูแลตัวเอง

ข้อมูลงานวิจัยจากยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor International) บริษัทที่รวบรวมข้อมูลสถิติข้อมูลทางการตลาด เทรนด์ และแบบสำรวจผู้บริโภค ระบุว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากความตื่นตัวเรื่องสุขภาพ จำนวนประชากรที่ลดลง รวมถึงวัฒนธรรมการทำงานที่เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในช่วงล็อกดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 เมื่อต้องอยู่บ้านมากขึ้น การสังสรรค์นอกบ้านก็ลดน้อยลง และต่อไปในระยะยาว ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะยิ่งหดตัวเร็วขึ้นอีก เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีความนิยมในการบริโภคเหล้า-เบียร์ลดลงอย่างชัดเจน

โดยช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา คิรินจับมือร่วมกับโคคา-โคล่า (Coca-cola) เพื่อพัฒนาเครื่องดื่มออกมา 3 ชนิด โดยเป็นการใช้วัตถุดิบหลักอย่าง ‘LC-Plasma’ จุลินทรีย์มีชีวิตที่มีส่วนช่วยให้ระบบการทำงานในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเป็นการต่อยอดมาจากธุรกิจวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพที่คิรินให้ความสำคัญมาสักระยะแล้ว

ผลปรากฏว่า ธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลับมีรายได้แซงหน้ากลุ่มธุรกิจแอลกอฮอล์ที่เป็นธุรกิจหลักของคิริน ทำให้ในเวลาต่อมา คิรินตัดสินใจทุ่มงบก้อนใหญ่ให้กับตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยจากรายงานของเอเชีย นิเคอิ (Asia Nikkei) ได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2027 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจะเพิ่มมากขึ้นด้วยมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ สวนทางกับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ค่อยๆ หดตัวลงเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม โยชิโนริ อิโซซากิ (Yoshinori Isozaki) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคิริน โฮลดิ้งส์ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง ‘เกรตา ธันเบิร์ก’ (Greta Thunberg) จะขยับขึ้นมาเป็นกำลังซื้อหลัก ซึ่งไม่ได้นิยมบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่ากับคนรุ่นก่อนอีกต่อไป 

คิรินต้องปรับทัพ-ขยายพอร์ตไปในด้านยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยมีเอเชียเป็นหมุดหมายสำคัญที่คิรินเริ่มรุกคืบด้วยการเข้าซื้อแบล็คมอร์ ธุรกิจที่เติบโตเป็นอย่างดีในประเทศแถบจีนและเอเชีย

 

อ้างอิง

Nikkei [1]

Nikkei [2] 

Japantimes

Kirinholdings.

Bangkokbiznews

Prachachat