Van Houten: แบรนด์โกโก้รุ่นบุกเบิก ผู้วางรากฐานและปฏิวัติวงการของหวานนานกว่า 195 ปี

Van Houten: แบรนด์โกโก้รุ่นบุกเบิก ผู้วางรากฐานและปฏิวัติวงการของหวานนานกว่า 195 ปี

Van Houten แบรนด์โกโก้ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1828 โดยนักเคมีและนักประดิษฐ์ชาวดัตช์ชื่อว่า ‘คอนราด แวน ฮูเต็น’ (Coenraad van Houten) หลังจากค้นพบวิธีการบดเมล้ดคาเคาให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน เขาก็ได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมช็อกโกแลตไปตลอดกาล

  • ก่อนที่ Van Houten จะถือกำเนิดขึ้นในปี 1828 โดยนักเคมีและนักประดิษฐ์ชาวดัตช์ชื่อว่า ‘คอนราด แวน ฮูเต็น’ (Coenraad van Houten) ช็อกโกแลตเคยเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มของชนชั้นสูง และมีความเชื่อว่าเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นของขวัญจากพระเจ้า
  • กระทั่งในช่วงปี 1828 คอนราดในฐานะลูกชายของเจ้าของร้านกาแฟ และขายเครื่องเทศ ค้นพบกระบวนการบดเมล็ดคาเคาจนได้รสชาติและเนื้อสัมผัสละมุนลิ้น จนเป็นที่มาของกระบวนการดัตช์ (Dutch-Processed Cocoa Powder) ซึ่งยังคงเป็นที่แพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน
  • โกโก้แบรนด์ แวน ฮูเต็น ปฏิวัติวงการของหวานอีกครั้งในปี 1865 โดยนำผงโกโก้มาบรรจุลงกระป๋อง ส่งขายไปทั่วโลก ปัจจุบันแวน ฮูเต็นอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Barry Callebaut หลังจากขายกิจการไปในปี 1998

ไม่แน่ใจนักว่าช็อกโกแลตมีต้นกำเนิดมาจากที่ใด รู้เพียงแค่ว่าเจ้าของหวานรสละมุนนี้เป็นผลผลิตที่ได้มาจากต้นคาเคา ซึ่งเป็นผลไม้ท้องถิ่นจากทวีปอเมริกากลาง แต่กว่าจะมาเป็นของหวานให้เราได้ลิ้มรสอย่างในทุกวันนี้ มันเคยเป็นส่วนประกอบของเครื่องดื่มสมุนไพรมาก่อน แถมยังมีรสเฝื่อนบาดคอ ไม่ได้หอมหวานอย่างที่เราคุ้นเคยกัน

โกโก้ : สัญลักษณ์ของความหรูหรา มั่งคั่ง และอำนาจ

ถึงต้นกำเนิดจะไม่แน่ชัดว่าใครกันเป็นผู้บุกเบิก นำเมล็ดคาเคามาเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม แต่ ‘เฮย์ส ลาวิส’ (Hayes Lavis) ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ได้สันนิษฐานเอาไว้ว่า จริง ๆ แล้วช็อกโกแลตอาจจะมีอายุราว 1,500 ปี หลังจากมีการค้นพบสารโอโบรมีน ตกอยู่ที่ก้นภาชนะของชาวโอลเมก จากนั้นพวกเขาก็ถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไปให้กับชาวมายัน

บ้างก็ว่า ‘ร่องรอย’ ของช็อกโกแลตที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบอยู่ในพื้นที่อเมซอนของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นแหล่งวัฒนธรรมมาโย-ชินชิเป (Mayo-Chinchipe) มานานกว่า 5,300 ปี

การค้นพบนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่า ช็อกโกแลตหรือโกโก้แทรกซึมอยู่ในการกินดื่มของชาวพื้นเมืองมาเป็นเวลานาน และผืนดินที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น ได้ปลูกต้นคาเคาไม่ต่ำกว่า 1,500 ปี ก่อนที่พืชเหล่านี้จะเผยแพร่เข้าสู่อเมริกากลาง

สำหรับชาวพื้นเมืองแล้ว ช็อกโกแลตแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณพวกเขา เพราะมันมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และกำหนดบทบาททางการเมือง พัฒนาจนกลายเป็นอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของอเมริกา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเมโสอเมริกา (Mesoamerican)

ชาวเมโสอเมริกันเชื่อว่าช็อกโกแลตเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานบริสุทธ์ และปลดปล่อยพลังงานบางอย่าง ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้กิน-ดื่ม หากจะเรียกให้เข้าใจง่ายคงไม่ต่างจากยาโด๊ป ช่วยเสริมกำลังวังชาให้ผู้ทานมีแรงทำงานเต็มกำลัง

ส่วนชาวมายันเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็นดั่งของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้แก่มนุษย์ผู้ต่ำต้อย พวกเขาใช้ช็อกโกแลตเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ งานไว้อาลัย และถูกนำไปเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มของเหล่าชนชั้นสูง ซึ่งพวกเขาจะนำเมล็ดคาเคามาบดผสมกับน้ำ ฝักวานิลลา พริก และเครื่องเทศหลากชนิด เพื่อชงเป็นเครื่องดื่มช็อกโกแลต

ในช่วงทศวรรษที่ 1400 ชาวแอซเท็ก (Aztec) ซึ่งอพยพมาตั้งรกรากอยู่ทางตอนกลางของเม็กซิโก ได้ยกระดับช็อกโกแลตให้มีค่ายิ่งกว่าทองคำ พวกเขามักนำช็อกโกแลตเป็นรางวัลตอบแทนให้เหล่าผู้กล้า เนื่องจากพื้นที่ของพวกเขาเป็นเพียงผืนดินแห้งแล้งปลูกอะไรแทบไม่ขึ้น

ว่ากันว่า มอนเตซูมาที่ 2 (Moctezuma II) จักรพรรดิองค์ที่ 9 และองค์สุดท้ายของชาวแอซเท็ก ดื่มช็อกโกแลต 50 ถ้วยต่อวันเลยทีเดียว เพราะเขาเชื่อว่าช็อกโกแลตจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และสมรรถภาพทางเพศ

ช็อกโกแลตจึงไม่ต่างจากยาอายุวัฒนะที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มลอง ต่างพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกร่างกายมีแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และกลายเป็นเครื่องดื่มประจำของเหล่าชนชั้นสูงในยุโรป และเพื่อให้ชาวยุโรปอยู่ดีกันดี ประเทศมหาอำนาจที่มีอาณานิคมเป็นของตนเอง ได้เปลี่ยนประเทศเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกคาเคา อ้อย และส่งรสชาติอันหวานอมขมกลืนกลับสู่ประชาชนที่พวกเขารัก

นั่นจึงเป็นที่มาของแรงงานทาสชาวแอฟริกันที่ถูกขนย้ายมายังอาณานิคมอย่างไม่หยุดหย่อน เพียงเพราะคาเคา พืชที่เปลี่ยนความเป็นอยู่และปฏิวัติวงการของหวานไปตลอดกาล

Van Houten: แบรนด์โกโก้รุ่นบุกเบิก ผู้วางรากฐานและปฏิวัติวงการของหวานนานกว่า 195 ปี ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติ

ช็อกโกแลตยังคงเป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงในยุโรปมาเป็นเวลาอีกหลายร้อยปี กระทั่งได้มีการปฏิวัติวงการของหวานขึ้นในปี 1828 โดยนักเคมีชาวดัตช์ชื่อว่า ‘คอนราด แวน ฮูเต็น’ (Coenraad van Houten) ผู้ก่อตั้งแบรนด์โกโก้ Van Houten ขึ้น เพื่อยกระดับธุรกิจครอบครัวให้มีความทันสมัยเข้ากับยุคที่เปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น

เขามองว่า โกโก้ หรือเครื่องดื่มช็อกโกแลตไม่ควรถูกจำกัดอยู่แต่ในแวดวงชนชั้นสูง คนธรรมดาสามัญควรได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติหอมหวานของเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง คอนราดจึงเริ่มทดลองนำเมล็ดคาเคามาบดในเครื่องประดิษฐ์ของเขาที่สามารถแยกเนยโกโก้ออกมาจากเมล็ด เพื่อให้ได้ผงโกโก้เนื้อละเอียด และยังคงคุณค่าโภชนาการเอาไว้ แม้จะถูกนำไปชงผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่น

โลกช็อกโกแลตเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เพราะทันทีที่ครอบครัวแวนฮูเต็น เผยแพร่วิธีการบดโกโก้แบบใหม่ออกสู่ตลาด ซึ่งต่อมาจะรู้จักกันในชื่อ ผงโกโก้ที่ผ่านกระบวนการดัตช์ (Dutch-Processed Cocoa Powder) แตกต่างจากผงโกโก้ธรรมชาติที่จะมีเนื้อสัมผัส ความเปรี้ยว และค่าความเป็นกรดสูงกว่ากระบวนการแบบดัตช์ อุตสาหกรรมของหวานก็แทบจะจารึกการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของแวน ฮูเต็น เอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว

ก่อนที่ครอบครัวแวนฮูเต็นจะก้าวมาเป็นผู้เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมช็อกโกแลต ‘คัสปารุส แวน ฮูเต็น’ (Caspardus Van Houten) พ่อของคอนราดเคยเปิดร้านกาแฟ และร้านขายเครื่องเทศ ตั้งอยู่ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์มาตั้งแต่ปี 1815 คอนราดวัยเด็กจึงคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของกาแฟ ขนมอบสดใหม่ และช็อกโกแลตที่ส่งตรงมาจากสายพานการผลิตโรงงาน

ใช่, เขาเป็นลูกเจ้าของร้านกาแฟ จึงไม่น่าแปลกใจว่าว่าที่ผู้สืบทอดกิจการ จะอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คอนราดในวัย 27 ปี ได้จดสิทธิบัตรวิธีการบดเมล็ดคาเคาให้มีปริมาณไขมันธรรมชาติจาก 54% เหลือ 27 - 25% ได้รสชาติและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน เทคนิคนี้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การดื่มช็อกโกแลตไปในชั่วข้ามคืน

ทายาทรุ่น 2 ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาเปิดโรงงานช็อกโกแลตในปี 1850 ย้ายฐานการผลิตไปยังเมือง Weesp ซึ่งทำให้เขาสามารถส่งออกช็อกโกแลตไปยังอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี

อีก 15 ปีต่อมาพวกเขาก็เริ่มนำผงโกโก้มาบรรจุลงในกระป๋อง เพื่อให้สะดวกต่อการขนส่ง เพิ่มยอดขายถล่มทลายให้กับบริษัท เรียกได้ว่า แวน ฮูเต็น กลายเป็นแบรนด์โกโก้ยอดนิยม ไม่ว่าใครต่างก็ยกย่องว่านี่คือ โกโก้แห่งยุคสมัย เพราะหลังจากตีตลาดสหรัฐอเมริกาในปี 1889 พวกเขาก็แทบจะกลายเป็นเจ้าแห่งโกโก้ของโลกใบนี้ไปเสียแล้ว

แต่มรดกแห่งยุคสมัยก็มีอายุของมัน แวน ฮูเต็น ขายกิจการให้กับ W.R. Grace ในปี 1962 และโรงงานในเมือง Weesp ก็ปิดลงในปี 1971 จากนั้นก็ย้ายฐานการผลิตไปหลายต่อหลายประเทศ ปัจจุบันแบรนด์โกโก้อายุ 195 ปีนี้อยู่ในความดูแลของบริษัท Barry Callebaut หลังจากพวกเขาเข้าซื้อกิจการในปี 1998

Van Houten: แบรนด์โกโก้รุ่นบุกเบิก ผู้วางรากฐานและปฏิวัติวงการของหวานนานกว่า 195 ปี จากเครื่องดื่มชนชั้นสูง สู่การแทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมร่วมสมัย

“จงดื่มโกโก้ของ แวน ฮูเต็น!” วลาดิมีร์ มายาคอฟสกี (Vladimir Mayakovsky) นักกวีชาวโซเวียตเขียนอวยยศความล้ำเลิศของโกโก้ แบรนด์ แวน ฮูเต็น เอาไว้ใน A Cloud in Trousers (1914) นอกจากนี้เรายังสามารถเห็นโลโก้แบรนด์ได้จากฉากการต่อสู้ของภาพยนตร์เรื่อง ไมเคิล คอลลินส์ Michael Collins (1996) ได้อีกด้วย

และนี่คือเรื่องราวอย่างย่นย่อของ ช็อกโกแลต จากจุดเริ่มต้นที่ไม่แน่ชัด มาจนถึงยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง นำโดย ‘แวน ฮูเต็น’ แบรนด์โกโก้ผู้ฝังลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ช็อกโกแลตมาเป็นเวลาเกือบสองร้อยปี และยังคงยืนหยัดส่งต่อความอร่อยจากยุคเก่าก่อนมาจนถึงปัจจุบัน

 

ภาพ: เว็บไซต์ Van Houten

 

อ้างอิง

https://www.history.com/topics/ancient-americas/history-of-chocolate

https://www.history.com/news/the-sweet-history-of-chocolate

https://www.chocolate-academy.com/en/brands/van-houten

https://www.barry-callebaut.com/en/vending/van-houten/history

https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2453407871539329&id=1433706693509457&substory_index=0&_rdc=1&_rdr