‘Rolls-Royce’ แบรนด์หรูสร้างจากความหลงใหลของชายหนุ่ม 2 คน ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้ในช่วงสงครามโลก

• ‘Rolls-Royce’ (โรลส์-รอยซ์) แบรนด์หรูจากอังกฤษที่สร้างจากแพชชั่นเรื่องรถยนต์ล้วน ๆ
• ครั้งหนึ่ง Rolls-Royce เคยถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1

 

หากจินตนาการว่าเมืองไทยตอนนี้มีรถยนต์แบรนด์หรูอะไรบ้างอยู่บนท้องถนน ‘Rolls-Royce’ (โรลส์-รอยซ์) ก็น่าจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี นอกจากนี้ Rolls-Royce ยังเป็นแบรนด์ในฝันของใครหลายคน แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์นี้คือลักชัวรีแบรนด์ ที่รถยนต์มีราคาหลักหลายสิบล้านบาทขึ้นไป

แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าครั้งหนึ่ง Rolls-Royce ก็เคยถูกติดอาวุธและชุดเกราะเพื่อใช้ในช่วงสงครามโลกด้วย และนี่คือเรื่องราวของแบรนด์นี้ และผู้ก่อตั้งชาวอังกฤษ 2 คนที่ต่างกันสุดขั้ว

 

ก่อนเป็นแบรนด์หรู 117 ปี

แบรนด์ Rolls-Royce ถูกก่อตั้งขึ้นโดยชายชาวอังกฤษ 2 คน ก็คือ ‘เฮนรี รอยซ์’ (Henry Royce) และ ‘ชาร์ลส โรลส์’ (Charles Rolls) แต่หากย้อนไปดูไทม์ไลน์กันดี ๆ จุดเริ่มต้นและแนวคิดเริ่มแรกต้องพูดว่ามาจาก ‘เฮนรี รอยซ์’ ถึงจะถูกต้อง ซึ่งต้องเรียกว่าเขาคือผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งประดิษฐ์ของเขามีส่วนดึงดูด ‘ชาร์ลส โรลส์’ (Charles Rolls) ให้เข้ามาทำธุรกิจด้วย

เฮนรี รอยซ์ เด็กหนุ่มตากลมโตชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 1863 เกิดและเติบโตในเมืองปีเตอร์โบโรห์ และอยู่ในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน เขาเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 9 ขวบด้วยการขายหนังสือพิมพ์และรับส่งจดหมาย เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเขาร่ำเรียน

เมื่อ เฮนรี รอยซ์ อายุได้ 14 ปี มีโอกาสเข้าไปฝึกงานกับบริษัท Great Northern Railway เขาได้พยายามศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับระบบกลไกของรถไฟ และค้นพบว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ จึงมีความคิดที่อยากจะพัฒนาและสร้างสิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งด้วยตัวเอง (แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะสร้างอะไร)

ความกระตือรือร้นและพัฒนาตัวเองของ เฮนรี รอยซ์ ทำให้ในปี 1882 เขาได้เป็นหัวหน้าวิศวกรไฟฟ้าดูแลด้านระบบไฟของถนนไฟฟ้าแห่งแรกในเมืองลิเวอร์พูล

จากนั้น 2 ปีต่อมาเขาได้ย้ายไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ และตอนนั้นเป็นยุคที่รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสเริ่มเข้ามาในอังกฤษเยอะขึ้น ซึ่ง เฮนรี รอยซ์ เองก็ใช้รถยนต์ของฝรั่งเศสเหมือนกันแต่เขารู้สึกไม่ชอบ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาลองสร้างรถยนต์ด้วยตัวเองครั้งแรก

ในที่สุด ปี 1884 เฮนรี รอยซ์ ได้เริ่มต้นธุรกิจวิศวกรรมของตัวเอง ซึ่งพัฒนาเป็น Royce Ltd. เริ่มเป็นผู้ผลิตเครน ไดนาโม มอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และในปี 1904 เขาได้สร้างรถยนต์คันแรกขึ้นมาชื่อว่า ‘Royce 10hp’ ซึ่งปีเดียวกันนั้นเองทำให้ เฮนรี รอยซ์ และ ‘ชาร์ลส โรลส์’ (Charles Rolls) พบกันครั้งแรกที่โรงแรม The Midland Hotel ในเมืองแมนเชสเตอร์

ทั้ง 2 คนได้พบกันในกรุงลอนดอนด้วยความบังเอิญ ขณะที่ตอนนั้น ชาร์ลส โรลส์ เป็นเจ้าของบริษัทที่นำเข้ารถยนต์คุณภาพจากฝรั่งเศส ด้วยความที่ทั้งสองได้พูดคุยกันเรื่องรถยนต์ ปรากฏว่าต่างคนต่างมี passion เหมือนกันนั่นก็คือ “อยากเห็นรถยนต์คุณภาพดีที่ผลิตจากอังกฤษบ้าง”

ซึ่งรถยนต์ของ เฮนรี รอยซ์ มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เขาอยากจะเข้ามาคุยด้วย บวกกับวิสัยทัศน์ของทั้งสองที่เห็นตรงกัน พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทผลิตและจำหน่ายรถคุณภาพสูงสัญชาติอังกฤษในปี 1906 และส่งออกไปขายทั่วโลก

 

 

Rolls-Royce รถในสงคราม

เรื่องราวของทั้ง เฮนรี รอยซ์ และ ชาร์ลส โรลส์ เรียกว่าสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอย่างมาก เพราะรถคันแรกที่ผลิตภายใต้แบรนด์ Rolls-Royce ก็คือ Silver Ghost เป็นรถที่ทดสอบวิ่งระยะไกลแบบต่อเนื่องของรถรุ่น 40/50 ซึ่งผลงานของ Rolls-Royce ครั้งแรกก็ได้รับการขนานนามให้ Silver Ghost เป็น ‘รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก’ ของยุคนั้นแล้ว

ที่น่าตื่นเต้นกว่าของแบรนด์ Rolls-Royce ก็คือ รถที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Silver Ghost ถูกนำไปใช้ในช่วงที่มีสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย เหตุผลเพราะว่ายุคสมัยนั้นทั้งการวิ่งระยะไกล และความแข็งแรงของตัวรถ ได้รับการยอมรับจนคนในสงครามนำรถ Silver Ghost ไปติดอาวุธและชุดเกราะเพื่อใช้ในสงคราม

ทั้งยังมีการนำรถของ Rolls-Royce ใช้เพื่อลาดตระเวนตามพื้นที่ที่เกิดสงครามด้วย ซึ่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังมีการพัฒนารถอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวรุ่นใหม่เรียกว่า ‘Rolls Royce 1920 Pattern’ โดยมีการใช้ดำเนินการทั้งในไอร์แลนด์, เซี่ยงไฮ้ และอียิปต์ ก่อนที่จะนำกลับมายังอังกฤษเพื่อใช้ลาดตระเวนชายฝั่ง Norfolk ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ก็ไม่ได้มีแค่รถเท่านั้นที่มีการใช้ในช่วงสงคราม เพราะในปี 1914 Rolls-Royce ได้ออกแบบเครื่องยนต์ทางอากาศเป็นครั้งแรก ก็คือ ‘The Eagle’ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสงครามทางอากาศด้วย เมื่อดูจากสิ่งประดิษฐ์มากมายจาก Rolls-Royce ทำให้ถึงกับไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนนั้นสองผู้ก่อตั้งคิดอะไรและวางคอนเซ็ปต์ให้กับธุรกิจอย่างไร

จึงทำให้เราไปพบประโยคหนึ่งที่เว็บไซต์ Rolls-Royce ได้อ้างอิงถึงก็คือ “Rolls-Royce ต้องเป็นมากกว่าบริษัทผลิตรถยนต์” ถึงเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ทำไมทั้งสองต้องพัฒนาและคิดอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ในปี 1925 เป็นปีที่เรียกว่าเกิดหายนะทางการเงินในอังกฤษและอีกหลายประเทศ ทำให้ยอดขายรถ Rolls-Royce ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งก็คือช่วงที่ผู้ก่อตั้งทั้งสองตัดสินใจขายทรัพย์สินบางส่วนออกไปเพื่อพยุงบริษัท

จนถึงในปี 1931 ที่คู่แข่งอย่าง Bentley เริ่มเผชิญหน้ากับปัญหาการเงินภายใน ทำให้ตัดสินใจขายกิจการให้กับ Rolls-Royce ซึ่งเรียกว่าเป็นยุคทดลองอะไรใหม่ ๆ ของ Rolls-Royce ด้วย อย่างเช่น การรับผลิตรถยนต์ตามใจลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ เรียกว่าเป็นช่วงที่ทำให้รถ Rolls-Royce ถูกปั่นให้ราคาสูงมาก อาจจะด้วยเหตุผลการผลิตรถที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม ในปี 1971 บริษัท Rolls-Royce เริ่มมีปัญหาทางการเงินอีกครั้ง (แต่ไม่มีข้อมูลบอกชัดเจนว่าเพราะอะไร) แต่วิกฤตของ Rolls-Royce รุนแรงจนถึงขั้น ‘ต้องล้มละลาย’ แต่ด้วยความที่ภาพลักษณ์แบรนด์และชื่อเสียงที่สร้างมานาน ทำให้รถยนต์ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐี รวมไปถึงราชวงศ์จากหลาย ๆ ประเทศด้วย

ในตอนนั้นบริษัทที่เห็นโอกาสนี้ก็คือ Vickers เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยนต์ ได้เข้าซื้อกิจการของ Rolls-Royce แต่เพราะกลุ่มลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และ Vickers ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านดีไซน์รถยนต์มากเท่าเจ้าของเดิม จึงเลือกที่จะขายต่อให้กับ Volkswagen บริษัทรถยนต์หรูจากเยอรมนี

แต่สุดท้ายแล้วก็แพ้ให้กับแบรนด์ที่ประมูลอีกราย นั่นก็คือ BMW ด้วยความที่ BMW เป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้กับ Rolls-Royce อยู่หลายรุ่น จึงทำให้ทุ่มเงินเต็มที่กับการประมูลครั้งนั้น จนสามารถซื้อ Rolls-Royce สำเร็จ โดยได้จดทะเบียนและตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า ROLLS-ROYCE MOTOR CARS LIMITED และได้สิทธิ์ในแบรนด์รถยนต์ Rolls-Royce ทั้งหมดในปี 1998

จากความคิดที่อยากเห็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลกที่เริ่มจากชายที่หลงใหลในรถยนต์มาก ๆ 2 คน จนทุกวันนี้เรียกว่า Rolls-Royce ยังเป็นแบรนด์รถยนต์กลุ่มลักชัวรีที่ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนระดับบนทั่วโลกอีกแบรนด์หนึ่ง พูดได้ว่าตลอด 117 ปีที่ก่อตั้งมาของแบรนด์นี้ แม้จะผ่านเรื่องราวทั้งดีและไม่ดี รวมไปถึงเปลี่ยนเจ้าของถึง 2 ครั้ง แต่ DNA ของความเป็นแบรนด์ Rolls-Royce ยังถูกยกให้เป็นท็อปแบรนด์ระดับโลกอยู่เช่นเดิม และก็คงอยู่อีกนาน

 

ภาพ : Rolls-Royce

อ้างอิง :

Rolls-Royce

Tankmuseum

Iwm [1]

Iwm [2]

Rolls-Roycemotorcars