Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน

Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน

Sartori หนึ่งในแบรนด์ที่สะท้อนจิตวิญญาณของการสร้างสรรค์ชีส จากวิสคอนซินมาเปิดประสบการณ์ในงาน Wisconsin Cheese Night โดย Jagota นำเสนอชีส BellaVitano หลากรสชาติ ตอกย้ำศิลปะแห่งการทำชีสคุณภาพระดับโลก

KEY

POINTS

  • Sartori Cheese แบรนด์ชีสจากวิสคอนซิน สะท้อนศิลปะการทำชีสแบบดั้งเดิมผสานนวัตกรรม
  • BellaVitano ชีสซิกเนเจอร์ที่ผสานรสชาติระหว่างเชดดาร์และพาร์เมซาน พร้อมเคลือบรสพิเศษ
  • Wisconsin Cheese Night งานชิมชีสระดับรางวัล จัดโดย Jagota ที่ Banyan Tree Bangkok

ถ้าจะให้พูดถึง The State of Cheese หรือรัฐที่เป็นหัวใจของวงการชีสอเมริกัน “วิสคอนซิน” คงเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมา ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของการผลิตชีสที่หยั่งรากลึก ตั้งแต่ยุคอพยพของชาวยุโรป ไม่ว่าจะเป็นชาวสวิส เยอรมัน หรืออิตาเลียน ที่นำวัฒนธรรมการทำชีสชั้นสูงติดตัวมาด้วย

Sartori (ซาร์โตริ) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สะท้อนจิตวิญญาณของการสร้างสรรค์ชีสแบบวิสคอนซินอย่างชัดเจน ก่อตั้งขึ้นในปี 1939 โดยครอบครัวอิตาเลียนผู้อพยพ Sartori ไม่เพียงแต่ยึดมั่นในรากเหง้าของการผลิตชีสแบบดั้งเดิม แต่ยังกล้าที่จะทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาชีสที่เรียกว่า BellaVitano (เบลลาวิตาโน) ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา 

BellaVitano เป็นชีสที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ Sartori ซึ่งเริ่มจากแนวคิดการผสมผสานรสชาติระหว่าง “เชดดาร์” และ “พาร์เมซาน” ผลลัพธ์ที่ได้คือชีสกึ่งแข็ง (semi-hard) ที่มีเนื้อสัมผัสแน่น แต่ยังคงความครีมมี่อยู่บางส่วน โดดเด่นด้วยรสชาติที่มีทั้งความนวลของเชดดาร์และความซับซ้อนของพาร์เมซาน

และสิ่งที่ทำให้ BellaVitano มีเสน่ห์มากขึ้น คือกระบวนการ "เคลือบรส" ด้วยส่วนผสมพิเศษ เช่น ไวน์, กาแฟ, กระเทียมสมุนไพร หรือบัลซามิก ซึ่งเพิ่มมิติของรสชาติและกลิ่นให้กับชีสชนิดนี้ได้อย่างลงตัว 

Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน

ในงาน “Wisconsin Cheese Night” ที่จัดขึ้นโดย Jagota ณ Saffron Sky Garden, Banyan Tree Bangkok ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่พาผู้ร่วมงานไปสัมผัสกับชีสระดับรางวัลจาก Sartori ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงชีสที่มีรสชาติดี แต่ยังเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของการทำชีสในสหรัฐอเมริกา

Jagota เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารระดับพรีเมียมในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่าสองทศวรรษ Jagota ในการทำหน้าที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์เชฟ ร้านอาหาร โรงแรม และผู้บริโภคที่มองหาอาหารที่มีมาตรฐานดีที่สุด

ไม่ว่าจะเป็น Carrara Wagyu และ Gundagai Lamb จากออสเตรเลีย, อาหารทะเลสด, ชีสฝีมือช่างทำชีสระดับโลก และวัตถุดิบพรีเมียมอื่น ๆ

Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน

สำหรับ “Wisconsin Cheese Night” เป็นความร่วมมือของ Jagota กับ Wisconsin Cheese และ Pernod Ricard Thailand โดยได้มีการนำชีส BellaVitano หลากหลายรสชาติมาให้ชิม 5 ชนิด แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน และนี่คือประสบการณ์ที่ผมได้ชิมชีสเหล่านี้ 

1. Merlot BellaVitano

Merlot BellaVitano คือชีสที่สะท้อนความลงตัวของการจับคู่กันระหว่างไวน์และชีสอย่างแท้จริง ด้วยเนื้อชีสสีเหลืองทองที่มีรสสัมผัสเนียนนุ่ม เคลือบด้วยเปลือกที่ผ่านการหมักกับไวน์จากองุ่นพันธุ์เมอร์โลต์ ทำให้ได้สีแดงม่วงที่ดึงดูดสายตา 

เมื่อสัมผัสลิ้น สิ่งแรกที่โดดเด่นคือ “ความหอมแบบ buttery” ตามมาด้วยกลิ่นอายอบอุ่นของเบเกอรีชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นเค้กหรือคุกกี้ที่ผ่านการอบใหม่ ๆ ความหอมของไวน์เมอร์โลต์ ไม่เพียงแต่แต่งเติมกลิ่น แต่ยังช่วยเสริมให้รสของชีสกลมกล่อมยิ่งขึ้น และสิ่งที่ทำให้ชีสตัวนี้พิเศษขึ้นไปอีกคือ “เมื่อทานคู่กับสตรอเบอร์รีและเชอร์รี” รสชาติของชีสและผลไม้จะส่งเสริมกันอย่างลงตัว เพิ่มมิติของความสดชื่นและความหวานอมเปรี้ยวที่ช่วยขับรสของไวน์ให้โดดเด่นขึ้น 

Pairing: Ma Nil Mangkorn ค็อกเทลที่ผสม Grandma Jinn กับ China-China และ Rosella-Red Wine Reduction ซึ่งช่วยขับรสผลไม้ของชีสให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

2. Espresso BellaVitano

ชีสตัวนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า กาแฟและชีสสามารถเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ Sartori นำ BellaVitano มาคลุกเคล้ากับผงเอสเพรสโซคั่วสด ทำให้ได้เปลือกสีเข้มและกลิ่นหอมของกาแฟที่ชัดเจน 

เนื้อชีสมีความแน่นและหอมนม เมื่อกัดเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงรสชาติของกาแฟที่ซึมลึกเข้าไปในตัวชีส ให้ความรู้สึก nutty คล้ายถั่วคั่ว ผสานกับความครีมมี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BellaVitano ทำให้รสสัมผัสของชีสมีความซับซ้อนและลุ่มลึก 

Pairing: Andaman Phuket Dark Ale คราฟต์เบียร์จากไทยที่มีความลึกและกลิ่นหอมของมอลต์ ช่วยเสริมรสกาแฟในชีสให้เด่นขึ้น 

Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน

3. Balsamic BellaVitano

หนึ่งในชีสที่ให้รสชาติที่แปลกใหม่ ด้วยการเคลือบเปลือกด้วยน้ำส้มสายชูบัลซามิก ทำให้ชีสตัวนี้มีสีเข้มและกลิ่นหอมของบัลซามิกที่ชัดเจน 

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ “อะซิดิตีที่สดชื่น” ซึ่งช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้ตื่นตัว บอดีของชีสค่อนข้างหนักและมีความนัวร์ในรสชาติ เหมาะสำหรับการทานเป็นชีสเปิดมื้อ เพราะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร 

Pairing: 2021 Talamonti, ‘ModA’, Montepulciano d’Abruzzo, DOC, Italy ไวน์แดงที่มีโน้ตผลไม้เข้มข้นช่วยเสริมความซับซ้อนของชีสตัวนี้ 

4. Garlic & Herb BellaVitano

ชีสตัวนี้เหมือนการนำกลิ่นอายของอาหารอิตาเลียนมาใส่ลงในชีส Sartori ใช้กระเทียม, โรสแมรี, ออริกาโน และเบซิล มาหมักเข้ากับ BellaVitano ทำให้ได้รสชาติที่หอมและชัดเจน 

เมื่อกัดเข้าไป สิ่งที่สัมผัสได้คือ “กลิ่นอายของพาสตาชั้นดี” ที่มีสมุนไพรสดใหม่ ตัดกับรสของชีสที่มีความมันกำลังดี มีความเผ็ดร้อนอ่อนๆ จาก Aleppo Chili Pepper สิ่งที่ทำให้ชีสตัวนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกคือ เมื่อทานคู่กับแฮมหรือขนมปังซาวเออร์โดห์รสชาติของสมุนไพรจะยิ่งชัดขึ้น และให้ความรู้สึกเหมือนได้ลิ้มลอง antipasti สไตล์อิตาเลียน 

Pairing: G&T จาก Premium Italian Gin Malfy con Arancia ที่ช่วยขับความสดชื่นของเลมอนและกลิ่นของสมุนไพรให้โดดเด่นขึ้น 

5. SarVecchio Parmesan

SarVecchio Parmesan เป็นพาร์เมซานที่ได้รับการบ่มจนได้เนื้อสัมผัสที่มีความละเอียดและมีคริสตัลเล็ก ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชีสพาร์เมซานที่บ่มอย่างดี กลิ่นหอมของชีสมีโน้ตของคาราเมลอ่อน ๆ และความเค็มที่เป็นธรรมชาติ เมื่อละลายในปากจะสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อมที่มีความซับซ้อน

Pairing: จับคู่กับ G.H. Mumm Champagne ซึ่งเป็นการจับคู่สุดคลาสสิกที่ความฟองของแชมเปญช่วยตัดความเข้มของชีสได้เป็นอย่างดี

Sartori ศิลปะแห่งชีสจากวิสคอนซิน งาน Wisconsin Cheese Night ให้ประสบการณ์ที่มากกว่าการชิมชีส นอกจากเปิดโอกาสในการลองชีสรสชาติเยี่ยมจาก Sartori แล้ว กิจกรรมภายในงานได้พาผู้ร่วมงานไปสัมผัสเรื่องราวของวิสคอนซิน และวัฒนธรรมชีสที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุโรปจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของอเมริกา 

คงไม่เกินเลยความจริงนัก หากจะบอกว่า ชีส Sartori คือ "ศิลปะ" ที่บอกเล่าเรื่องราวของดินแดนแห่งชีสในแบบที่ไม่มีใครทำได้.