31 พ.ค. 2567 | 20:00 น.
ทำไม LGBTQIA+ ต้องเก่ง ต้องรวย ต้องดูดี ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการยอมรับ?
ครั้งหนึ่ง ‘ปารมี ไวจงเจริญ’ สส. สายฟาด สายวีน แห่งพรรคก้าวไกล ก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ต้องโบยตีตัวเองอย่างหนักเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากครอบครัว ด้วยการเรียนให้เก่ง จนสอบติดคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากเด็กที่เติบโตในชุมชนแออัด ถูกพ่อแม่ดุด่าทุบตีเพราะหวังให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็น ‘ชายชาตรี’ เธอก้าวสู่การเป็น ‘ครู’ ผู้มีความสุขกับการสอนวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพมากมาย และกลายเป็นที่ภาคภูมิใจของคนในตระกูล
ทว่ายังมีมุมหนึ่งที่ ‘ปารมี’ หรือที่ลูกศิษย์เรียก ‘ออจวง’ มองว่าตัวเองยังไปไม่สุดทางของความฝัน นั่นคือการได้เป็น ‘ครูในระบบ’
“แม้จะอยากเป็นครูในระบบมาก ๆ แต่ถ้าจะให้ดิฉันต้องใส่สูท ผูกเนคไทไปสมัครสอบครูแค่วินาทีเดียว ดิฉันก็รับตัวเองไม่ได้ นี่คือความขมขื่น ที่ดิฉันไปไม่ถึงความฝันสูงสุด”
ด้วยเหตุผลนี้ออจวงจึงหวังที่จะขับเคลื่อนประเด็น ‘ความเสมอภาค’ ผ่านบทบาททางการเมือง เพื่อทำให้ความฝันของ LGBTQIA+ จำนวนมาก เป็นจริง และท้ายที่สุด LGBTQIA+ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่สามารถเดินหน้าใช้ชีวิตให้มีความสุขได้เช่นเดียวกับชาย-หญิง
ติดตามบทสัมภาษณ์ของ ‘ออจวง’ ปารมี ไวจงเจริญ สส.พรรคก้าวไกล ในมุมมองเรื่องการคืนสิทธิความเป็นมนุษย์ให้ LGBTQIA+ เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความภาคภูมิใจ Pride Month 2024