ทำไมช่วงหน้าหนาวถึงเศร้าจัง? สัญญาณเตือน ‘โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล’ ที่ควรรู้

ทำไมช่วงหน้าหนาวถึงเศร้าจัง? สัญญาณเตือน ‘โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล’ ที่ควรรู้

อากาศหนาวทำให้หลายคนรู้สึกเศร้า เหงา และอยากนอนมากกว่าปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความรู้สึกธรรมดา แต่เป็นโรคที่มีชื่อเรียกว่า ‘โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล’ หรือ ‘Seasonal Affective Disorder’ (SAD)

KEY

POINTS

  • SAD เป็นภาวะซึมเศร้าที่เกิดซ้ำในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี 
  • อาการสำคัญ ได้แก่ นอนมากผิดปกติ อยากทานคาร์โบไฮเดรต น้ำหนักเพิ่ม ขาดพลังงาน และแยกตัวจากสังคม คล้าย ‘การจำศีลของสัตว์’ 
  • สาเหตุเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของแสงแดดที่ส่งผลต่อสารเคมีในสมอง ทั้งเซโรโทนิน เมลาโทนิน และวิตามินดี

หลายคนอาจเคยรู้สึกแปลก  ๆ เวลาอากาศเย็นลง จู่ ๆ ก็รู้สึกเศร้า เหงา อยากนอนทั้งวัน ไม่อยากพบปะใคร บางคนอาจคิดว่า “เออ ช่วงนี้อากาศมันก็หนาวดี นอนอยู่ในผ้าห่มก็สบายดี” แต่รู้ไหมคะว่า ถ้าอาการพวกนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกปีในช่วงหน้าหนาว มันอาจไม่ใช่แค่ความขี้เกียจหรือความเบื่อธรรมดา แต่เป็นโรคที่มีชื่อเรียกว่า ‘โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล’ หรือที่หมอเรียกว่า ‘Seasonal Affective Disorder’ (SAD)

ทำความรู้จักโรคซึมเศร้าที่มากับความหนาว

ลองนึกภาพดูนะคะ เวลาที่อากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้ามืดครึ้ม บางวันแทบไม่เห็นแสงแดด หลายคนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม อารมณ์เปลี่ยน เศร้าลง เหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา แถมยังอยากกินของหวาน ของมันๆ ตลอดทั้งวัน พอถึงช่วงที่อากาศอุ่นขึ้น แดดออกมากขึ้น อาการพวกนี้ก็หายไปเอง

ถ้าคุณมีอาการแบบนี้ คุณไม่ได้เป็นคนเดียวนะคะ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เจอกับภาวะแบบนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีช่วงเวลากลางวันสั้น อากาศหนาวเย็น แม้ว่าเมืองไทยเราจะไม่ได้หนาวจัดเหมือนต่างประเทศ แต่การเปลี่ยนแปลงของแสงแดดและอุณหภูมิในช่วงหน้าหนาวก็มีผลต่อร่างกายและจิตใจของเราได้เหมือนกัน

รู้ได้อย่างไรว่าเป็น SAD?

ลองสังเกตตัวเองดูนะคะ ถ้าคุณมีอาการต่อไปนี้ในช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะเมื่ออากาศเย็นลงและมีแสงแดดน้อย…

รู้สึกเศร้าโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจร้องไห้ง่าย หงุดหงิดบ่อย หรือรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย บางครั้งก็รู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยคิดแบบนี้

ง่วงนอนผิดปกติ นอนเยอะกว่าเดิมมาก บางคนนอนได้เป็น 10-12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ยังรู้สึกเพลีย ไม่สดชื่น

อยากกินของหวาน ขนมปัง หรืออาหารจำพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น ทำให้น้ำหนักขึ้นง่าย

ไม่อยากเจอใคร ไม่อยากออกไปไหน อยากอยู่แต่ในห้อง ในผ้าห่ม เหมือนหมีจำศีล

ที่สำคัญคือ อาการพวกนี้จะเกิดซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี และมักจะดีขึ้นเองเมื่ออากาศอุ่นขึ้น มีแดดมากขึ้น

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสารเคมีในสมองของเราค่ะ เวลาที่เราได้รับแสงแดดน้อยลง ร่างกายจะผลิตสารความสุขที่เรียกว่า ‘เซโรโทนิน’ น้อยลงด้วย ขณะเดียวกัน กลับผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ง่วงนอนที่เรียกว่า ‘เมลาโทนิน’ มากขึ้น

นอกจากนี้ การได้รับแสงแดดน้อยยังทำให้ร่างกายผลิตวิตามินดีได้น้อยลง ซึ่งวิตามินดีก็มีส่วนช่วยในการควบคุมอารมณ์เหมือนกัน

ลองนึกภาพว่า ร่างกายของเราเหมือนต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด เมื่อได้รับแสงไม่พอ ก็เริ่มเหี่ยวเฉา ไม่สดชื่น แบบนั้นเลยค่ะ

ทำไมช่วงหน้าหนาวถึงเศร้าจัง? สัญญาณเตือน ‘โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล’ ที่ควรรู้

แล้วเราจะดูแลตัวเองอย่างไรดี?

ถึงตอนนี้ คุณอาจกำลังคิดว่า “แล้วฉันจะทำยังไงดี?” อย่ากังวลไปค่ะ โรคนี้รักษาได้ และมีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น

1. หาแสงสว่างให้ชีวิต

ในต่างประเทศ หมอมักแนะนำให้ใช้แสงบำบัด แต่สำหรับบ้านเราที่มีแดดตลอดปี ลองปรับพฤติกรรมง่าย ๆ แบบนี้ดูค่ะ

  • ตื่นเช้าขึ้นสักหน่อย ออกไปรับแดดอ่อน ๆ ยามเช้า
  • จัดโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่าง เปิดม่านรับแสงธรรมชาติ
  • หาเวลาออกไปเดินในสวน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่อากาศไม่ร้อนเกินไป

2. ดูแลร่างกายให้แข็งแรง

เวลาที่ใจไม่ค่อยดี เรามักจะละเลยการดูแลร่างกาย แต่การดูแลร่างกายก็สำคัญไม่แพ้การดูแลใจนะคะ ลองทำแบบนี้ดู

  • ออกกำลังกายเบา ๆ แม้แต่การเดินในห้าง หรือเต้นในห้องก็ได้
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะปลา ไข่ ผักใบเขียว ที่มีวิตามินดีและโอเมก้า-3
  • พยายามนอนและตื่นเป็นเวลา แม้จะรู้สึกง่วงตลอดเวลาก็ตาม

3. อย่าเก็บไว้คนเดียว

  • บางครั้งเราอาจรู้สึกอยากแยกตัว ไม่อยากพบปะใคร แต่การได้พูดคุยกับคนที่เข้าใจเราจะช่วยได้มากเลยค่ะ
  • เล่าให้คนที่ไว้ใจฟัง อาจเป็นเพื่อนสนิท ครอบครัว หรือคุณหมอ
  • เข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมที่สนใจ แม้จะไม่ค่อยอยากไป แต่ลองไปดูสักครั้ง
  • ถ้ารู้สึกว่าคุยกับคนใกล้ตัวไม่ไหว สายด่วนสุขภาพจิต 1323 พร้อมรับฟังคุณตลอด 24 ชั่วโมง

4. พบผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น

บางครั้งการดูแลตัวเองอย่างเดียวอาจไม่พอ โดยเฉพาะถ้าคุณมีอาการเหล่านี้

  • เศร้ามากจนทำงานหรือเรียนไม่ไหว
  • นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไปจนกระทบชีวิตประจำวัน
  • มีความคิดอยากจบชีวิต
  • รู้สึกสิ้นหวังและท้อแท้มาก ๆ

อย่าลังเลที่จะพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยานะคะ พวกเขาพร้อมช่วยเหลือและมีวิธีการรักษาที่เหมาะสม ทั้งการทำจิตบำบัด การให้ยา หรือวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น

ท้ายที่สุด อยากให้คุณรู้ว่า ความรู้สึกที่คุณกำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ได้แปลกหรือผิดปกติ ที่สำคัญคือ เราสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ด้วยความเข้าใจและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็มีคนพร้อมรับฟังและช่วยเหลือคุณเสมอ

อย่าลืมนะคะ หลังความมืดมิด แสงสว่างรออยู่เสมอ เหมือนกับที่หลังหน้าหนาว อากาศอบอุ่นและแสงแดดสดใสก็จะกลับมาอีกครั้ง
.
เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Pexels 

อ้างอิง: 
"Seasonal Affective Disorder." National Institute of Mental Health, U.S. Department of Health and Human Services, www.nimh.nih.gov/health/publications/seasonal-affective-disorder#:~:text=SAD%20is%20a%20type%20of,pattern%20versus%20summer%2Dpattern%20SAD. Accessed 14 Jan. 2025.

"Seasonal Affective Disorder (SAD) Symptoms and Causes." Mayo Clinic, Mayo Foundation for Medical Education and Research, www.mayoclinic.org/diseases-conditions/seasonal-affective-disorder/symptoms-causes/syc-20364651. Accessed 14 Jan. 2025.

"Seasonal Affective Disorder." Psychology Today, Sussex Publishers, www.psychologytoday.com/intl/conditions/seasonal-affective-disorder. Accessed 14 Jan. 2025.

"Major Depressive Disorder with Seasonal Pattern." WebMD, WebMD LLC, www.webmd.com/teens/major-depressive-disorder-with-seasonal-pattern. Accessed 14 Jan. 2025.