‘Self-love Era’ เมื่อการรักตัวเองคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในวันวาเลนไทน์

‘Self-love Era’ เมื่อการรักตัวเองคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในวันวาเลนไทน์

เมื่อความรักจากคนอื่นไม่ใช่คำตอบเดียว การหันมา ‘รักตัวเอง’ กลายเป็นกระแสใหม่ที่เปลี่ยนนิยามของ ‘วันวาเลนไทน์’

KEY

POINTS

  • การเกิดขึ้นของ Self-love Era ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก และการตระหนักถึงความสำคัญของการรักตัวเองในฐานะรากฐานของสุขภาพจิตที่ดี 
  • ความแตกต่างระหว่าง Self-love, Selfishness และ Narcissism พร้อมแนวทางการสร้างความรักให้ตัวเองอย่างสมดุลและเป็นธรรมชาติ 
  • การเดินทางสู่การรักตัวเองผ่านการเรียนรู้และเติบโตทีละก้าว โดยไม่ต้องกดดันตัวเอง พร้อมตัวอย่างจากผู้ที่ผ่านเส้นทางนี้มาก่อน
     

“บอกตามตรง ฉันยังคิดถึงเธออยู่ 
ไม่รู้ลืมได้เมื่อไหร่ เวลาหมุนต่อไป 
แต่ทำไมใจฉันยังเดินกลับหลัง
แม้ว่าเธอจะไม่อยู่ แต่เรื่องราวยังคงชัดในหัวใจ” 

เคยไหม... นั่งจ้องแก้วกาแฟร้อน ๆ แต่สายตากลับเลือนลาง เพราะหัวใจกำลังจมดิ่งอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ ที่ไม่อาจลบเลือน ทุกอย่างยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน... เสียงที่เขาบอกลา รอยยิ้มสุดท้ายที่เห็น และความรู้สึกว่างเปล่าที่เหลือทิ้งไว้

“สำหรับคนที่ใจนั้นแตกสลาย แค่ลืมตาก็ยากแล้วเธอรู้ไหม”

ความรักที่จากไป ทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้ในใจเราเสมอ บางคนโดนทิ้ง บางคนถูกหักหลัง บางคนสูญเสียคนที่รักไปด้วยโชคชะตาที่มิอาจควบคุม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้เราสงสัยในคุณค่าของตัวเอง... เราไม่ดีพอเหรอ? ทำไมเค้าไม่เลือกที่รักษาเราไว้?

“อาจดูเหมือนว่าฉันนั้นไม่เป็นไร ใครจะรู้ว่าข้างใน 
ความทรงจำไม่เคยเลือนหาย ยังท่วมหัวใจจนบอบช้ำ”

แต่บางทีความเจ็บปวดนี้เองที่ทำให้เราได้ค้นพบความจริงอันล้ำค่า... เพราะนี่คือยุคของ ‘Self-love Era’ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก เมื่อการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 บังคับให้ผู้คนต้องอยู่กับตัวเองให้ได้ หลายคนที่เคยหัวใจสลาย เคยถูกทิ้ง เคยเจ็บปวด กลับได้ค้นพบว่า การกักตัวและการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้เราได้เผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้น จนเริ่มตระหนักว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีคู่ครอง หรือการได้รับการยอมรับจากใคร
 

หลังจากนั้นคำว่า Self-love Era ได้เริ่มแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะใน TikTok และ Instagram ที่มีการใช้แฮชแท็ก #selflove และ #selfloveera อย่างกว้างขวาง สะท้อนให้เห็นความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มตั้งคำถามกับค่านิยมเดิม ๆ ของสังคม พวกเขาเริ่มเข้าใจว่า การรักตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นการดูแลตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น

ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยการเปรียบเทียบบนโลกโซเชียล การถูกกดดันให้ต้องสมบูรณ์แบบ และความคาดหวังมากมายจากคนรอบข้าง Self-love Era จึงเป็นการปฏิวัติความคิดครั้งสำคัญ เป็นการลุกขึ้นมาประกาศว่า “เราไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมารัก เราก็สามารถรักตัวเองได้”

แนวคิดนี้ได้รับแรงผลักดันจากกระแส Mental Health Awareness ที่เติบโตขึ้นทั่วโลก การตื่นตัวของคน Gen Z และ Millennials ในเรื่องการดูแลสุขภาพจิต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติสังคมที่มีต่อการอยู่เป็นโสดและการพึ่งพาตัวเอง คนรุ่นใหม่เริ่มกล้าที่จะเลือกทางเดินชีวิตที่แตกต่าง กล้าที่จะอยู่คนเดียว และให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองมากกว่าการเร่งรีบหาคู่ตามความคาดหวังของสังคม

‘Self-love Era’ เมื่อการรักตัวเองคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในวันวาเลนไทน์

เมื่อพูดถึง Self-love หลายคนอาจกังวลว่ามันจะกลายเป็น ‘ความเห็นแก่ตัว’ (Selfishness) หรือ ‘การหลงตัวเอง’ (Narcissism) หรือไม่? แต่ความจริงแล้ว แนวคิดทั้งสามนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

‘การรักตัวเอง’ (Self-love) คือการดูแลและเข้าใจตัวเองอย่างสมดุล พร้อมทั้งเคารพในขอบเขตของผู้อื่น ในขณะที่ความเห็นแก่ตัวคือการคิดถึงแต่ประโยชน์ของตน และ Narcissism คือการหมกมุ่นกับตัวเองจนไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น

ข้อมูลจากหลายแหล่งสนับสนุนแนวคิดที่ว่า Self-love มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดี และอาจส่งผลดีต่อด้านต่าง ๆ ทั้งการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การฟื้นตัวจากความเครียด และความสัมพันธ์กับผู้อื่น 

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ‘เซลีนา โกเมซ’ นักร้องและนักแสดงชื่อดังที่เปิดใจผ่านสารคดี ‘My Mind & Me’ เกี่ยวกับการเดินทางของเธอในการเรียนรู้ที่จะรักและยอมรับตัวเอง หลังจากที่ต้องเผชิญกับความกดดันจากมาตรฐานของสังคมและอุตสาหกรรมบันเทิง

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต เข้ารับการบำบัด และค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ปัจจุบัน เธอได้ก่อตั้ง ‘Rare Impact Fund’ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต และใช้แพลตฟอร์มของเธอสนับสนุนให้ผู้คนรักและยอมรับในตัวเอง

“แม้ฉันพยายามอยู่ แม้ฉันยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะลืมเธอสักที”

ในทางจิตวิทยา มีทฤษฎีมากมายที่ยืนยันว่าการรักตัวเองเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพจิตที่ดี

‘มาสโลว์’ (Maslow) ผู้คิดทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ชี้ให้เห็นว่า ‘การเคารพตนเอง’ (Self-esteem) เป็นความต้องการพื้นฐานที่สำคัญ ก่อนที่เราจะก้าวไปถึง ‘ความต้องการบรรลุความหมายและการมีชีวิตตามอุดมคติ’ (Self-actualization) ได้ เราต้องมีความมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ และภูมิใจในตัวเอง

‘คาร์ล โรเจอร์ส’ (Carl Rogers) ผู้พัฒนาทฤษฎีการให้คำปรึกษาแบบยึดบุคคลเป็นศูนย์กลาง ได้เสนอแนวคิดเรื่อง ‘การยอมรับทางบวกอย่างไม่มีเงื่อนไข’ (Unconditional Positive Regard) ว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตทางจิตใจ เขาพบว่า เมื่อเรายอมรับตัวเองได้อย่างที่เป็น ไม่ตัดสินหรือประณาม จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกขึ้นเองโดยธรรมชาติ

‘อีริค ฟรอมม์’ (Erich Fromm) นักจิตวิทยาสังคม ได้เขียนไว้ในหนังสือ ‘The Art of Loving’ ว่า การรักตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราสามารถรักผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เขาเปรียบเทียบว่า ความรักเป็นเหมือนศิลปะที่ต้องฝึกฝน และการฝึกรักตัวเองคือบทเรียนแรกที่สำคัญที่สุด

‘Self-love Era’ เมื่อการรักตัวเองคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในวันวาเลนไทน์

อีกสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การรักตัวเองเป็นการเดินทางที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เหมือนการปลูกต้นไม้ที่ต้องให้เวลา ให้น้ำ ให้ปุ๋ย และดูแลอย่างสม่ำเสมอ บางวันเราอาจรู้สึกก้าวหน้า บางวันเราอาจรู้สึกถอยหลัง ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเติบโต อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ให้คิดว่าทุกย่างก้าว แม้เล็กน้อย ก็มีค่าและมีความหมาย

“สำหรับคนที่ใจนั้นแตกสลาย แค่ลืมตาก็ยากแล้วเธอรู้ไหม”

การเริ่มต้นรักตัวเองอาจเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อดอกไม้สวย ๆ ให้ตัวเอง การเขียนไดอารี่บันทึกความรู้สึก การให้เวลากับตัวเองได้ทำในสิ่งที่รัก การบอกกับตัวเองทุกเช้าว่า “วันนี้ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” การกล้าปฏิเสธในสิ่งที่เราไม่ต้องการ และการให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด

“แต่สักวัน... ฉันจะมองดวงดาวบนฟ้าได้แบบไม่เสียใจ 
สักวันฉันจะนอนคนเดียวแล้วไม่ต้องร้องไห้

Self-love Era ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกเชื่อในความรัก แต่หมายถึงการที่เรารู้จักสร้างสมดุลระหว่าง ‘การรักคนอื่น’ และ ‘การรักตัวเอง’ เข้าใจว่าเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครเพื่อให้รู้สึกมีคุณค่า เพราะคุณค่าที่แท้จริงนั้นอยู่ในตัวเราเองมาตั้งแต่ต้น

“แม้จะนานสักเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าสักวันฉันจะหายดี ”

และในวันวาเลนไทน์นี้ แทนที่จะรอคอยความรักจากใคร ลองมอบความรักให้ตัวเองก่อนไหม? มอบของขวัญล้ำค่าที่สุด... ของขวัญแห่งการยอมรับ การให้อภัย และความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะเมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง เราจะพบว่าความรักจากภายนอกไม่ใช่สิ่งที่ต้องไขว่คว้าหรือวิ่งตามอีกต่อไป

เพราะความรักที่แท้จริงที่เราตามหามาตลอดชีวิตนั้น อยู่ในตัวเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแค่รอให้เราหันกลับมามองตัวเอง ยิ้มและบอกรักคนที่อยู่ในกระจก แหงนหน้าชื่นชมความงามของดวงดาวได้โดยที่ไม่คิดถึงใคร และน้ำตาไม่ไหลอาบสองแก้ม...

“ในวันที่เธอนั้นหายไป” 

 

เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Pexels