‘ภาวะหึงหวงรุนแรง’ (Pathological Jealousy) ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ในความรัก

‘ภาวะหึงหวงรุนแรง’ (Pathological Jealousy) ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ในความรัก

เมื่อความรักแปรเปลี่ยนเป็นเงาของความกลัว “ภาวะหึงหวงรุนแรง” อาจแฝงตัวอย่างเงียบงัน ก่อนทำลายทั้งหัวใจตนเองและคนที่เรารัก โดยไม่รู้ตัว

KEY

POINTS

  • ความหึงหวงไม่ใช่เรื่องผิด หากไม่ล้ำเส้นของความเป็นมนุษย์
  • การสำรวจตนเองคือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา ไม่ใช่การกล่าวโทษ
  • ความรักที่ดีไม่ควรต้องพาใครบาดเจ็บ ไม่ว่าจะกายหรือใจ

ในห้วงแห่งความรัก ความห่วงหาอาทรคือภาษาละเมียดของหัวใจที่แสดงออกผ่านการใส่ใจและการดูแลกันอย่างอ่อนโยน แต่บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนเป็นความรักอาจกลายร่างเป็นเงามืดที่ครอบงำทั้งผู้ให้และผู้รับ เมื่อความหึงหวงมิได้หยุดอยู่เพียงแค่ความรู้สึกวูบวาบ หากแต่ขยายตัวจนกลายเป็นพายุทางอารมณ์ที่พัดทำลายความสัมพันธ์และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์โดยไม่รู้ตัว

ภาวะหึงหวงรุนแรง หรือที่ในทางจิตวิทยาเรียกว่า Pathological Jealousy มิใช่เพียงอารมณ์ปกติที่ใครหลายคนเคยรู้สึก หากแต่เป็นภาวะที่พฤติกรรมและความคิดหมกมุ่นในเรื่องความซื่อสัตย์ของอีกฝ่าย กลายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตผู้เผชิญ ไม่ว่าจะมีหลักฐานใดๆ หรือไม่ก็ตาม ความคิดระแวงซ้ำซ้อน ความวิตกว่าตนกำลังถูกทรยศ กลายเป็นความจริงในใจ แม้โลกภายนอกจะยังคงเงียบงัน

ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะนี้ มักมีภาพหลอนทางความคิดที่ไม่อาจปัดทิ้งได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการจินตนาการถึงฉากรักที่อีกฝ่ายมีต่อคนอื่น หรือความรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกแทนที่ ความคิดเหล่านี้ไม่เพียงเกิดขึ้นชั่วคราว หากแต่ฝังแน่นและกลายเป็นแรงขับที่พาให้พฤติกรรมต่างๆ เบี่ยงเบนออกจากความเป็นจริง

นักจิตวิทยาเชื่อว่า รากของภาวะหึงหวงรุนแรงมักฝังลึกอยู่ในความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเองและประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ความรักมาพร้อมกับการทรยศหรือการควบคุม ความรู้สึกว่า “ฉันไม่ดีพอ” หรือ “ฉันต้องควบคุมไว้ก่อนจะถูกทิ้ง” คือวาทกรรมภายในใจที่ผลักดันให้พวกเขากลายเป็นผู้ควบคุม แม้จะเจ็บปวดกับบทบาทนั้นก็ตาม
 

การทำงานของสมองเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง งานวิจัยจาก King’s College London ระบุว่า ผู้ที่มีภาวะหึงหวงรุนแรงมักแสดงความผิดปกติในการทำงานร่วมกันของ amygdala ซึ่งเป็นศูนย์ประมวลภัยคุกคาม และ prefrontal cortex ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งพฤติกรรมและควบคุมอารมณ์ ความไม่สมดุลนี้ส่งผลให้การประเมินสถานการณ์มีความผิดเพี้ยน กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองที่รุนแรงเกินเหตุแม้เพียงสัญญาณเล็กน้อยของความเสี่ยงทางอารมณ์

หลายคนที่อยู่ในภาวะนี้ไม่เคยรู้ตัวว่าอารมณ์ของตนกำลังเบียดเบียนผู้อื่น พวกเขาอาจคิดว่าแค่ “รักมาก” หรือ “ห่วงใย” ทั้งที่จริง ความรักนั้นกำลังเปลี่ยนเป็นพันธนาการที่บีบรัดคนสองคนให้อยู่อย่างหวาดระแวง

หากคุณเริ่มสงสัยว่าตนเองอาจอยู่ในวังวนนี้ ลองถามตนเองด้วยความซื่อตรง ว่าคุณเคยแอบดูโทรศัพท์ของคู่รักบ่อยแค่ไหน? เคยรู้สึกโกรธโดยไม่มีหลักฐาน? เคยสอดแนม ตรวจสอบ หรือสร้างเงื่อนไขจำกัดเสรีภาพของอีกฝ่ายหรือไม่? หากคำตอบคือ “ใช่” ซ้ำ ๆ อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องหยุด และหันมาสำรวจหัวใจของตนเองอย่างลึกซึ้ง

การยอมรับว่าตนเองมีภาวะหึงหวงรุนแรงไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนผิด หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยา และสร้างความรักที่มีสติ ความเข้าใจ และความเมตตาต่อกัน หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล ภาวะนี้อาจนำไปสู่ความรุนแรงทางคำพูด การควบคุม การทำลายความเป็นส่วนตัว และในบางกรณี ถึงขั้นทำร้ายร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ

ในทางจิตบำบัด เทคนิค “monitoring diet” ที่ใช้ใน CBT (Cognitive Behavioral Therapy) ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยลดพฤติกรรมติดตามหรือควบคุมอย่างเข้มงวด โดยผู้ที่เข้ารับการบำบัดจะเรียนรู้ที่จะบันทึกพฤติกรรมการตรวจสอบคู่รักทุกครั้ง เช่น การเช็กโทรศัพท์ การถามคำถามซ้ำๆ หรือการคาดคั้น แล้วค่อยๆ ลดพฤติกรรมเหล่านั้น พร้อมฝึกการคิดอย่างมีเหตุผลและเมตตากับตนเอง

อีกแนวทางที่สำคัญคือการฝึกสติ (mindfulness) เพื่อให้ผู้เผชิญภาวะนี้สามารถอยู่กับความรู้สึกอิจฉาโดยไม่ตอบสนองทันที การหายใจลึก ๆ ทบทวนว่า “นี่คืออารมณ์ ไม่ใช่ความจริง” คือคำเตือนใจที่อ่อนโยนที่สุดในเวลานั้น

สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีภาวะหึงหวงรุนแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งขอบเขตที่ชัดเจนและปลอดภัย คุณมีสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัว และไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก หากคู่รักของคุณทำให้คุณรู้สึกกลัว หรือกดดันให้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมทุกฝีก้าว นั่นไม่ใช่ความรัก แต่คือรูปแบบหนึ่งของความรุนแรงทางจิตใจ

ขอให้คุณกล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ อย่าปล่อยให้ความหวังว่ารักจะเปลี่ยนคนกลายเป็นข้ออ้างให้ตัวเองอดทนกับความเจ็บปวดไม่สิ้นสุด เพราะความรักที่แท้จริงควรทำให้เราเติบโต ไม่ใช่ทำให้เราค่อยๆ หดหู่และกลัวการหายใจ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์มักแนะนำว่า ความเข้าใจในตนเองคือรากฐานของความรักที่มั่นคง ผู้ที่รู้จักคุณค่าของตัวเองจะไม่สร้างความรักจากการควบคุมหรือขู่บังคับ เพราะเขาจะเข้าใจว่า ความรักที่แท้จริงไม่อาจเจริญเติบโตได้จากความกลัวหรือคำสัญญาที่ถูกบีบบังคับให้พูด

หากคุณคือคนที่กำลังสับสนระหว่าง “หวง” กับ “ควบคุม” ให้คุณกลับมาทบทวนว่า ความรักของคุณทำให้คุณและเขาเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าหากคำตอบคือ “ไม่” บางทีสิ่งที่คุณรู้สึกอาจไม่ใช่รัก แต่คือความกลัวที่จะสูญเสีย ซึ่งไม่ควรถูกแปลงร่างมาเป็นอาวุธทำร้ายกัน

ในที่สุดแล้ว ความหึงหวงคืออารมณ์หนึ่งในบรรดาหลากหลายความรู้สึกของมนุษย์ มันไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ตราบใดที่เราสามารถมองมันด้วยสติ และไม่ยอมให้มันกลายเป็นนายที่บงการทุกการกระทำของเรา

หากคุณรู้สึกว่าเริ่มสูญเสียการควบคุม ลองหยุดฟังเสียงภายในใจ ถามตัวเองว่า “ฉันกำลังรัก หรือกำลังกลัว?” เพราะบ่อยครั้งที่ความกลัวนั้นพรางตัวมาในรูปของความรักที่เอาแต่ใจ

และหากคุณคือคนที่เคยเผลอพูดจาทำร้าย หรือแสดงพฤติกรรมควบคุมจากภาวะหึงหวง จงให้อภัยตัวเองในวันนี้ แล้วเดินหน้าหาวิธีเยียวยาหัวใจของคุณอย่างจริงจัง เพราะคุณก็สมควรจะได้สัมผัสความรักที่เบาสบายและไม่ทำให้ใครต้องร้องไห้
ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้วัดกันที่ใครเป็นเจ้าของมากที่สุด หากแต่วัดจากการที่แต่ละคนยังสามารถเป็นตัวเองอย่างสง่างาม และยังรักกันได้อย่างอ่อนโยน ภายใต้ความไว้ใจที่ไม่ได้ถูกขอ แต่ได้รับเพราะสมควร

 

เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า

ภาพ: Pexels

 

อ้างอิง:

"3 Relationship-Reinforcing CBT Techniques for Jealousy." UNK.com, 20 Apr. 2021, www.unk.com/blog/3-relationship-reinforcing-cbt-techniques-for-jealousy/. Accessed 22 Apr. 2025.

Kudryavtsev, V. A., and E. G. Chernyshkova. "Psychological and Psychopathological Characteristics of Pathological Jealousy." Bekhterev Review of Psychiatry and Medical Psychology, vol. 1, no. 1, 2022, https://www.bekhterevreview.com/jour/article/view/349?locale=en_US. Accessed 22 Apr. 2025.

"What Is Jealousy? Definition, Psychology, and How to Handle It." MasterClass, 1 Sept. 2022, www.masterclass.com/articles/jealousy. Accessed 22 Apr. 2025.

Tarrier, Nicholas, et al. "Cognitive Behavioral Therapy for Chronic Psychosis: Recent Developments and Future Directions." Psychiatry (Edgmont), vol. 4, no. 9, 2007, pp. 32–39. PubMed Central, www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5529929/. Accessed 22 Apr. 2025.

Mullen, Paul E. "Jealousy: The Pathology of Passion." Current Psychiatry Reviews, vol. 5, no. 1, 2009, pp. 35–42. www.eurekaselect.com/article/84485. Accessed 22 Apr. 2025.

Gromova, S. A., et al. "Pathological Jealousy: Pharmacological and Psychological Approaches to Treatment." Frontiers in Pharmacology, vol. 12, 2021, article 652473, https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fphar.2021.652473/full. Accessed 22 Apr. 2025.

"Jealousy – The Pathological Jealousy Disorder." RxShop.md, 2019, www.rxshop.md/articles/2019/jealousy-the-pathological-jealousy-disorder/. Accessed 22 Apr. 2025.