27 มี.ค. 2562 | 12:10 น.
ถ้าจะถามว่านักการเมืองในการเลือกตั้งปี 2562 ใครที่โดดเด่นเรื่องการทำการตลาดมากที่สุด คนนั้นคือ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นี่คือการคัมแบ็กของเจ้าของฉายา “โดเรมิ่ง” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่หายไปจากสังเวียนการเมืองเกือบ 10 ปี แต่ใช้เวลาเดือนนิด ๆ ในการโปรโมทตัวเองและนโยบาย เจาะกลุ่มตลาดคนชั้นกลางเมืองที่ชอบประชานิยม จนทำให้คะแนนเสียงล้นหลาม กวาดปาร์ตี้ลิสต์ไปได้ถึง 6 ที่นั่ง ศิษย์วัดนวลนรดิศ สำนักเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนนี้ เป็นนักประชาสัมพันธ์ตั้งแต่หนุ่ม หลังจบจากนิติศาสตร์ จุฬาฯ และลัดฟ้าไปเรียนหลักสูตรผู้บริหารที่สหรัฐฯ จบประกาศนียบัตรหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง จากโรงเรียนวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย รัฐเพนซิลเวเนีย(The Wharton School of The University of Pennsylvania) เส้นทางการทำงานของมิ่งขวัญเริ่มที่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เขาคือนักขายมือหนึ่งที่สร้างความหวือหวาให้กับตลาดรถยนต์ไทย ในยุคที่มหกรรมรถยนต์มอเตอร์โชว์นั้นบูมสุด ๆ ยอดรถยนต์โตโยต้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยึดเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ที่โตโยต้าฯ เหมือนโรงเรียนของมิ่งขวัญ ที่เขาได้เรียนรู้และบริหารทั้งในแผนกการตลาด แผนกประชาสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร ความสามารถของมิ่งขวัญยังสะท้อนให้เห็นถึงงานในโลกอีกด้านของเขาด้วย นั่นคือด้านสื่อและความบันเทิง ในยุคที่แมวมองดาราคึกคัก ไม่มีใครไม่รู้จัก กลิตซ์คลับ ในช่วงฟองสบู่เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟู การตลาดของมิ่งขวัญที่ทำหน้าที่ดูแลอิมเมจของร้านนั้นไม่ธรรมดา มิ่งขวัญใช้คอนเนคชันในการดึงดารา-นางแบบในสังกัดมาเป็นหุ้นส่วนและบริกรในร้านเพื่อเรียกลูกค้าที่อยากจะสัมผัสกับดารา–นายแบบ อย่างใกล้ชิด หากสมัยนี้คงเรียกกันว่า celebrity marketing จึงเรียกได้ว่าเขามีเซนส์ด้านการตลาดที่ดีคนหนึ่ง ส่วนงานที่โตโยต้าฯ มิ่งขวัญก็เจิดจรัสเป็นอย่างมาก ขึ้นไปถึงตำแหน่ง Director ผลงานหนึ่งที่หลายคนน่าจะจำได้ นั่นคือการดึง แบรด พิทท์ พระเอกระดับโลกมาเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมทรถยนต์ “โตโยต้า โคโรล่า “ซีรีส์ใหม่” อัลติส” ทำให้ภาพลักษณ์ของรถยนต์ที่คนมองว่าเป็นรถแท็กซี่ กลายเป็นรถสำหรับเมืองสุดเท่ และกลายเป็นรถยนต์คันแรก ๆ ที่เหล่ามนุษย์ออฟฟิศนึกถึง ด้วยฝีไม้ลายมือที่เข้าตา ในยุครัฐบาลไทยรักไทย ที่มักจะเปิดให้คนเก่งเข้ามาช่วยงาน คนที่ดึงมิ่งขวัญเข้ามาสู่โลกการเมืองนั่นคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แห่ง บริษัท ซัมมิทอิเล็กทรอนิกส์ คอมโพเนนท์ จำกัด ปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ และเป็นอาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สุริยะแนะนำให้มิ่งขวัญมาช่วยงาน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มือเศรษฐกิจคู่ใจ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น และปัจจุบันสมคิดคือคนที่อยู่เบื้องหลัง “พรรคพลังประชารัฐ” มิ่งขวัญใช้ความสามารถทางการตลาดผลักดันแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลทักษิณ “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์”, “เที่ยวไทยไปได้ทุกเดือน” และงานมหกรรมดนตรีกลางแจ้งอย่าง "พัทยา มิวสิค เฟสติวัล" มาจากมันสมองของมิ่งขวัญ ก่อนที่จะได้รับเลือกให้มาเป็น ผอ.อสมท. ช่อง 9 ที่เปลี่ยนโฉมจาก “แดนสนธยา” เต็มไปด้วยรายการน่าเบื่อและสารคดีวนซ้ำ ๆ ให้กลายเป็น “โมเดิร์นไนน์ทีวี” ลุคสุดทันสมัยในขณะนั้น ต้องไม่ลืมว่ามิ่งขวัญทลายกรอบของวงการโทรทัศน์ไทยยุคดังกล่าว ด้วยการดึง สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังให้ข้ามช่องมาจัดรายการฮาร์ดทอล์กอย่าง “ถึงลูกถึงคน” และคิดนอกกรอบใช้เพลงแร็ปมาเป็นเพลงรีแบรนดิ้งสถานีโมเดิร์นไนน์ทีวี จากฝีมือ “ดาจิม” 19 กันยายน 2549 ชีวิตของมิ่งขวัญเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐฯ ท่ามกลางข่าวลือรัฐประหาร และบรรยากาศความขัดแย้งทาการเมืองจากการปลุกระดมของ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ค่ำวันนั้นทหารเข้ายึดสถานที่ราชการต่าง ๆ เพื่อทำรัฐประหาร ทักษิณได้ต่อสายเข้ามาเพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านทางโมเดิร์นไนน์ทีวีเป็นช่องเดียว ก่อนที่สัญญาณถูกตัดเพื่อถ่ายทอดแถลงของคณะรัฐประหาร คมช. ภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น ท้ายสุดมิ่งขวัญตัดสินใจลาออกในวันที่ 27 กันยายน ภาวะการเมืองช่วงนั้น ทำให้มิ่งขวัญตัดสินใจเดินหน้าทางการเมือง โดยใส่เสื้อ “พรรคพลังประชาชน” เข้าสู้ศึกเลือกตั้ง เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ และเสนอชื่อ สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี มิ่งขวัญกลายป็นมือเศรษฐกิจคู่ใจในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจและ รมว.พาณิชย์ ผลงานเด่น ๆ คือการเจรจาการค้าในช่วงที่โลกเจอวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ช่วงราคาสินค้าเกษตรกำลังดี และการลดค่าครองชีพเสนอ “รถไฟ-รถเมล์ฟรี” และโยกมาดูแลกระทรวงอุตสาหกรรม ก่อนที่นายกฯ สมัคร ต้องหลุดจากตำแหน่ง จากกรณีการจัดรายการ “ชิมไป บ่นไป” โดยการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการเปิดพจนานุกรมตีความคำว่า “ลูกจ้าง” สมชาย วงษ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ท่ามกลางการปลุกระดมของ สนธิ ลิ้มทองกุล อีกครั้งกับการเข้ายึดสถานที่ราชการต่าง ๆ และปูทางไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน ก่อนมาเป็น พรรคเพื่อไทย มิ่งขวัญไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค และด้วยผลงานของมิ่งขวัญที่ทำงานเหมือนเสกได้ สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้ว่า “โดเรมิ่ง” มิ่งขวัญมาเป็นแกนนำฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย สร้างผลงานอภิปรายเผ็ดร้อนเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งเรื่องน้ำมันปาล์มที่มีการสต็อกเชื่อมโยงกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น และเรื่อง “ไข่ชั่งกิโล” เหมือนไฟสปอตไลท์จะจับว่ามีโอกาสได้ลุ้นตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป แต่ท้ายที่สุดการเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยเลือกส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ส่วนมิ่งขวัญเป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ โดยไม่ได้ตำแหน่งใด จากการถูกลดบทบาทนี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มิ่งขวัญลาออกจากพรรคเพื่อไทยช่วงปลายปี 2556 และเว้นวรรคการเมือง ชื่อของมิ่งขวัญถูกหยิบมาพูดอีกครั้ง หลังมีการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งต้นปี 2562 โดยในช่วงปลายปี 2561 มิ่งขวัญยอมรับว่าได้มีการติดต่อจากพรรคพลังประชารัฐให้เข้าไปช่วยงานจริง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ก่อนที่ข่าวคราวทั้งหลายจะเงียบไปเมื่อมิ่งขวัญปรากฏตัวพร้อมนำ พรรคเศรษฐกิจใหม่ สู้ศึกเลือกตั้ง ด้วยความเป็นนักการตลาด เขาใช้เวทีดีเบตในการสร้างกระแส อัดนโยบายประชานิยมเอาใจคนชั้นกลาง-บน ทั้งการลดภาษี ลดค่าน้ำมัน-ไฟฟ้าโดยอธิบายแผ่นชาร์ตฟิวเจอร์บอร์ดที่เข้าใจง่าย และท้ายที่สุดกวาดไปได้ 6 ที่นั่งจากปาร์ตี้ลิสต์ มีอำนาจในการเลือกชี้เป็นชี้ตายว่าใครจะเป็นรัฐบาลระหว่างเพื่อไทยและพลังประชารัฐ…. หลังฝุ่นจากการเลือกตั้งเริ่มจาง มิ่งขวัญตัดสินใจพาพรรคเศรษฐกิจใหม่จับขั้วกับพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งหมดเป็น 7 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเศรษฐกิจใหม่ แต่ดูเหมือนว่ามิ่งขวัญไม่สามารถกุมเสียง ส.ส. พรรคได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่า ส.ส. บางคนของพรรคอยากพลิกขั้วไปจับกับพรรคพลังประชารัฐ จนมิ่งขวัญต้องออกมาแถลงข่าวสยบข่าวลือ "งูเห่า" ในเดือนเมษายน แต่แล้วเดือนถัดมา มิ่งขวัญก็เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งในแวดวงการเมือง เมื่อเขายื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แต่ยังคงฐานะสมาชิกพรรค และ ส.ส. พรรคเอาไว้ ข่าวคราวของพรรคเศรษฐกิจใหม่ปรากฏขึ้นอีกครั้งในปลายเดือนมกราคม ปี 2563 เมื่อพรรคมีมติขอถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน และให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามแนวทางของพรรค เท่ากับว่า ส.ส. ของพรรค 5 คนใน 6 คน ขอแยกทางเดิน คงเหลือไว้เพียง "โดเรมิ่ง" มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เท่านั้น ที่ยังคงก้าวเดินต่อไปกับพรรคฝ่ายค้าน เรื่อง: PorryNemo อัพเดทข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มกราคม ปี 2563