11 พ.ย. 2562 | 12:57 น.
วันนี้เราเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้วในช่วงเปลี่ยนผ่านจากอะนาล็อกมาสู่ดิจิทัล หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ คือหนึ่งในคนที่กล้าก้าวเข้ามาในโลกดิจิทัล จากการสิงตามเว็บบอร์ดออนไลน์ ไปสู่การเป็นพิธีกรงานไอที และมีรายการเป็นของตัวเอง จนหลายคนยกให้เขาเป็นหนึ่งในกูรูด้านไอทีอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ในชื่อ ‘หนุ่ย แบไต๋” แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเดิมพันกับกระแสการเปลี่ยนผ่านของดิจิทัล ด้วยเงินติดลบ 2 ล้านบาทก้อนสุดท้ายในชีวิต ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของ The People หนุ่ม-พงศ์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (SHOW NO LIMIT) และเจ้าของเว็บไซต์ beartai.com ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ในหัวข้อ "สองล้านสุดท้ายกับการเดิมพันบนโลกออนไลน์" "สวัสดีครับทุกท่านครับ ผมเครียดอยู่ตั้งนาน เครียดอยู่หลายวันเลย ตั้งแต่คุณรัก-อนันต์ ลือประดิษฐ์ (บรรณาธิการบริหาร The People) add friend เฟซบุ๊กผมมา แล้วก็บอกว่า ‘คุณหนุ่ยมาพูดให้ The People หน่อย’ ผมบอก เอ่อ...โทษนะครับ ผมยังไม่เคยเป็นคลิปกับ The People มาก่อนเลย จะเอาผมมาพูดอะไรกับคุณเนี่ย (เสียงหัวเราะ) "ก็คงจะเป็นวาระที่จำเป็นนะ ยังไม่ได้เป็นคลิปกับเขาแต่เขาบอกว่าให้มาพูด 8 นาที เดิมทีเวทีที่กำหนดนาทีในโลกนี้คือเวทีอะไรครับ อย่าตอบในคอครับ ตอบดัง ๆ ครับ มันจะได้สนุกด้วยกัน Ted Talk กี่นาทีครับ 18 นาที 18 นาที ก็ยากมาก ๆ แล้ว 8 นาทียากกว่านะครับ ผมเครียดอยู่หลายวัน แต่ว่าเมื่อกี้ตั้งแต่คนแรก คุณฐปณีย์ (เอียดศรีไชย) ใช้ไม่ครบ คุณแจ็คกี้ (อดิสรณ์ พึ่งยา) เกินนะครับ (เสียงหัวเราะ) พี่สฤณี (อาชวานันทกุล) เกินนะครับ อาจารย์วิริยะ (นามศิริพงศ์พันธุ์) เกินนะครับ เกรซ (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) ไม่ถึงนะครับ "ฉะนั้นมันก็ไม่มีความกดดันอะไรแล้ว (เสียงหัวเราะ) เพราะตอนแรกก็นึกว่าต้องครบ 8 นาทีเป๊ะ ๆ ถามว่ามีนาฬิกาจับไหม บอกไม่มี งั้นก็สบาย แต่ว่าก็ไม่ใช่งานง่าย ถึงแม้กรอบ 8 นาทีจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับทั้ง 5 ท่านที่ผ่านมา แต่การที่เวทีเป็นแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่มากครับ แล้วผมสัญญานะครับว่าผมจะปฏิบัติต่อผู้จ่ายตั๋วแพง กับผู้จ่ายตั๋วถูกเท่า ๆ กันนะครับ เพราะว่าการจ้องข้างหลังตลอดเวลาคงไม่ใช่เรื่องดี (The People จัดเวทีไว้ตรงกลาง และมีผู้เข้าร่วมงานนั่ง 4 ด้าน) และผมได้จ้องมา 5 คนแล้วนะครับ (เสียงหัวเราะ) ทำให้ผมได้ทราบว่า จริง ๆ แล้วเดินน่าจะดีกว่านะครับ "คุณอนันต์บอกว่า ‘คุณหนุ่ยไม่ต้องมีสไลด์นะ ผมแค่อยากฟังว่า ไอ้ 2 ล้านสุดท้ายที่คุณกำกลับบ้าน เพื่อจะพ้นวิกฤตของไอ้ดิจิทัลทีวี แล้วก็ก้าวข้ามคำหรู ๆ ที่หลายคนเรียกว่า digital transformation คุณทำได้ยังไง’ ผมไม่ได้เป็นตัวอย่างดี ผมเป็นตัวอย่างที่รอดอย่างหวุดหวิดนะครับ "21 ปี ในแวดวงที่ผมก็ใช้คำว่ากรีดเลือดออกมา คือเด็กที่ดูทีวีเยอะแล้วอยากทำทีวีบ้าง ผมทำหลายอย่างอะไรก็ตามที่มัน relate กับไอที และถ้าผมมี background ผมจะทำ เมื่อกี้น้องเกรซขึ้นมา พี่สาวที่แสนดีอย่างคุณเอ๋-อวิกา (เตชะรัตนประเสริฐ) ก็ให้กำลังใจ ผมมองในมุมนี้ ผมชอบมากนะครับ น้องพูดไป พี่สาวก็ยิ้มรักใคร่นะครับ ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว บุญคุณที่ผมได้จากบ้านนี้นะครับ ตั้งแต่คุณพ่อเขาแล้วนะครับ เสี่ยเจียง คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เสี่ยเจียงทำอะไรครับ ทำลูกชิ้นปลา ไม่ใช่ครับ (เสียงหัวเราะ) เสี่ยเจียงทำหนัง แล้วก็เอาตังค์มาให้ผมทำเกม ผมอยากสร้างเกมคอมพิวเตอร์ ผมเดินเข้าไปบอก จา พนม น่าจะเป็นคาแรคเตอร์เกม ผมจะทำเกมต้มยำกุ้ง ทุกสิ่งอย่างมันก็ออกมาอย่างหวือหวา "ผมเคยออกรายการ ‘อายุน้อย 100 ล้าน’ ก็เป็นรายการที่ทุกคนก็คงจะคิดว่าคนออกน่าจะรวยมาก ผมออกอากาศเสร็จ ด้วยเงื่อนไขที่ผมบอกว่า ผมไม่ได้มีเงิน 100 ล้านนะ ผมออกได้เหรอ ทีมงานคุณก้อง (อรรฆรัตน์ นิติพน) บอกผมว่าจริง ๆ เราต้องการนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ถ้าเกิด billing สัก 100 ล้านก็พอได้ครับ ผมก็ทำ billing ปีนั้นได้ 112 ล้านพอดี โดยแทบไม่เหลือตังค์นะครับ ผมใช้คำนี้นะครับ เนื่องจากทำงานรับจ้างผลิต รับจ้างผลิตนี่มันเป็นหน้าชื่นอกตรม จัดงานอีเวนต์ รับสปอนเซอร์มา 5 ล้าน 10 ล้านทุกคนคิดว่าเราได้เปล่า เหมือนได้แจ็กพอต แต่จริง ๆ แล้วอาจจะใช้ไป 4.9 ล้าน หรือ 9.9 ล้านก็ได้ หรือ 10.1 ล้านก็ได้ คือขาดทุนนั่นเองครับ "ฉะนั้นในมุมมองนี้ เมื่อผมไปออก ผมก็ได้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูด แต่แม่ผมโทรศัพท์กลับมา แม่ผมบอกว่า ‘เธอดูรวยไปนะ ชีวิตเธอมันไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรขนาดนั้น เธอดูรวยไปนิดหนึ่ง’ ก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าโลกแห่งโทรทัศน์มันเคยหวือหวา และมันเคยทำให้คนที่มองเราเข้ามา เข้าใจว่ามันเป็นธุรกิจที่ success มาก ผมผ่านหลายปีที่ทำรายการทีวีนะครับ แต่ผมจะเล่าช็อตคัตนะครับ เนื่องจากเวลาเรามีน้อย ซึ่งแม้จะเกินได้หรือไม่ถึง แต่ผมก็จะพยายามเคารพกรอบเวลานี้ "ผมต้องบอกว่าผมติดกับดักดิจิทัลทีวีเหมือนกับ 24 ช่องที่ทะลึ่งไปประมูลกันในราคา 53,000 ล้านนั่นแหละ ผมไม่ได้ไปประมูลกับเขา ไม่ได้ไปใช้เงินเยอะแยะกับเขา แต่ผมก็เผาเงินทิ้งในทุก ๆ วันเหมือนกัน เนื่องจากในยุคที่ทีวีมีแค่ 4 ช่องหลัก การได้เวลาโทรทัศน์มามันเหมือนได้ทองคำ แทบจะเลี้ยงฉลองกันเลย เพราะว่าเราต้องไปกราบกรานขอเวลากว่าจะได้มา เป็นการต่อสู้ เราไปกราบกรานขอสปอนเซอร์ เนื่องจากเราไม่ได้อยู่ใน prime time เราเป็น off-peak หรือ non-prime time เราก็ต้องต่อสู้ เราก็ต้องผลิตรายการโทรทัศน์ให้ดีเพื่อรักษาหน้าจอ "ผมทำรายการแบบทีละรายการมาเป็นสิบ ๆ ปี แล้วก็ต้องใช้คำว่า โอกาสในวันนั้น มันไม่ได้มากเท่ากับวันที่ดิจิทัลทีวีประกาศผลว่าใครได้บ้าง ผมเคยพูดว่าผมทำไร่เลื่อนลอย ปิดรายการนี้แล้วก็ไปเปิดรายการนั้น พี่อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ซึ่งวันนี้ให้เกียรติมาฟัง ก็เคยให้โอกาสผมทำรายการ The Nation TV แต่สิ่งที่ผมดันทะลึ่งทำเกินกำลังไปหน่อย ในวันที่ดิจิทัลประมูลกันสำเร็จโทรศัพท์ดังทันที แล้วก็บอกว่า ‘คุณหนุ่ย แหม่ ดิจิทัลทีวีมันถึงเวลาของคุณแล้ว เพราะว่าอะไร มันเป็นดิจิทัล แล้วคุณน่ะเป็นไอที คุณต้องมาทำรายการไอทีหน่อย’ ผมก็ทะลึ่งเปิดรายการใน 6 สถานีใหม่ ไป 12 รายการพร้อมกัน เจ๊งไหมครับ เจ๊งแน่นอน เหมือนเวลาเล่นสล็อตแมชีนใน ลาสเวกัส หรือ มาเก๊า เสียงมันจะดัง เจ๊ง ๆๆๆๆๆ ออกมา เจ๊งจริง ๆ "เอาเป็นว่าเคยตั้งสตูดิโอรายการอยู่กลางสยาม โดยจรรยาบรรณแล้วก็ไม่ควรจะพูดว่าค่ายไหน ห้างไหนครับ ก็สมมติว่า Digital Gateway นะครับ ผมก็ไปทำสตูดิโอนะครับ จ่ายเดือนละ 300,000 สปอนเซอร์นู่นนี่นั่นอะไรอย่างนี้ เอาเป็นว่าวันนั้นเราก็ไปติดกับดักภาพลวงตาของการที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็เดี๋ยวช่วยสปอนเซอร์ได้เลย ดิจิทัลทีวีมา แล้วก็บอกอย่าไปเสียดาย จ่ายมา แล้วก็จบว่ากันไป "สุดท้ายสิ่งที่มันไม่รีเทิร์นก็คือ การผลิตแล้วก็ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไปซะ เนื่องจากว่าเรตติงมันไม่ได้มาพอดีเวลา สปอนเซอร์ผู้น่ารักที่รู้จักกันก็บอกโอ้โห อยากจะช่วยนะ แต่ตังค์มีเท่าเดิม แล้วที่สำคัญ demand เพิ่ม 6 เท่า มาขอกันหมดเลยเนี่ยจาก 4 ช่องกลายเป็น 24 ช่อง ผมกำ 2 ล้านสุดท้าย ซึ่งคุณอนันต์อยากให้ผมพูดเรื่องนี้ แต่เหลืออีก 2 นาที ไม่รู้จะพูดไวจนทันหรือเปล่านะ แต่จะบอกว่าเรื่องนี้เมียผมสั่งมา เมียผมบอกว่าให้มาเคลียร์ด้วยนะว่ามันไม่ใช่ 2 ล้านสุดท้าย มันเป็น OD (Over Draft : สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี) 2 ล้านสุดท้ายต่างหาก ความหมายคือ ลบ 2 ล้านในบัญชี ที่เราสามารถจะกู้ออกมาเพื่อใช้สอยได้นะครับ "ผมก็ทำลายสนามหญ้าที่บ้านทิ้งซะ จากเดิมอยากจะอยู่บ้านที่เหมือนได้พัก กลับมามองวิวสวย ๆ คือซื้อบ้านติดทะเลสาบว่าง่าย ๆ แล้วก็มี panoramic view มองออกไป สุดท้ายผมก็ต้องทุบสนามหญ้าสวย ๆ ทุบ panoramic view ออก แล้วผมก็สร้างอาคารเป็นเหล็กบีมเพื่อที่จะครอบมัน ให้มันสูงสัก 8 เมตร แล้วก็ถ่ายรายการที่มันดูเหมือนสตูดิโอกว้างใหญ่ได้ แล้วผมก็ทำสิ่งนั้นเลียแผลอยู่ 4 ปี จนในที่สุดผมก็สามารถก้าวข้ามมันได้จริง "แต่เอาจริง ๆ ในรายละเอียดก็คือต้องตัดจริตจำนวนมากออกไป เลิกไตเติ้ลรายการที่เคยชอบ เลิกทัก เลิกสวัสดี เข้าเรื่องทันที เพราะอะไรครับ ผลวิจัยเฟซบุ๊กซึ่งอยู่อาคารนี้นะครับ (เกษร ทาวเวอร์) เขาบอกเอง เขาบอกว่าคนดูไทยแลนด์ ประเทศไทย ไทยแลนด์เนี่ย อันดับ 3 ของโลกในการดู Facebook Watch มันก็คืออะไร ดูวิดีโอบนเฟซบุ๊กมากที่สุด ซึ่งไอ้มากที่สุดเนี่ยส่วนใหญ่เป็นบราซิล อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาทั้งสิ้น แต่เราดันเป็นอันดับ 1 ของโลกในเรื่องการดูวิดีโอสั้นที่สุด คือ 6 วินาที แล้วไถทิ้ง ผมจึงใช้ 6 วินาทีนี้ในการเข้าเรื่องเลย หลาย ๆ ครั้งเข้าเรื่องไม่ทันก็หมุนตัวก่อน ชะแว้บ เพื่อที่จะ tracker สายตาเขาให้เขาหยุดดูนะครับ "ล้านแรกปรากฏการณ์จากการที่ผมทำคลิปที่มันน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังต้องการคำตอบก็คือ เรื่องการส่งสินค้าที่ไม่ผ่านเอกซเรย์คืนบ้าน เวลาเราผ่านเอกซเรย์ที่สนามบิน ล้านวิวมา คุณดอกดิน กัญญามาลย์ เป็นคนแรก ผู้กำกับไทยที่พูดว่า ‘ล้านแล้วจ้า’ ขายหนังได้ล้านบาท ผมบอกยุคนี้ล้านแล้วจ้าไม่รวย แต่ล้านแล้วหล่อคือโทรศัพท์มันดัง มันก็จะเกิดคนที่อยากจะได้คลิปรีวิว อยากจะได้คลิปที่อธิบายอะไรแบบนี้ "ปัจจุบันผมมีอิสรภาพในการทำคอนเทนต์อย่างมาก คืออะไรครับ ผมทำเจตจำนงเสรีหรือ original content 20% อีก 80% เป็น advertorial ก็คือเป็นเรื่องของการทำรีวิวให้รู้สึกว่ามันน่าดู แต่ผมตั้งเงื่อนไขเสมอ เมื่อผมไม่ต้องวิ่งไปกราบกรานเหมือนในยุคนั้น ผมตั้งเงื่อนไขคนที่โทรเข้ามาเวลาผมได้ล้านวิว ผมบอกว่าผมต้องติด้วย ผมต้องให้ 2 มุม เพื่อให้คนดูก็วิน คุณก็วิน และผมก็วิน และปัจจุบันนี้แม่ผมโทรมาบอกว่า ‘อื้ม ลูกดูรวยไปนะ’ ผมก็จะบอกแม่ว่า ‘แม่ครับ ผมก้าวข้ามความลำบากมาได้ จนวันนี้ ผมรวยความสุขในการทำงานแล้วครับ’ ขอบคุณทุกคนครับ สวัสดีครับ" *ทอล์กนี้ เป็นส่วนหนึ่งในงานครบรอบ 1 ปี The People: Do You Hear THE PEOPLE Talk? จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ณ ห้องคริสตัล บ็อกซ์, เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท